“ลาพักร้อน” ลาเลยไม่ต้องกลัว เหตุผลที่คุณควรใช้วันลาซะ!
กิจวัตรประจำวันของคนวัยทำงานน่ะมีไม่กี่อย่างหรอก เพราะเวลาเกินครึ่งของวันหมดไปกับการทำงาน วนลูปซ้ำไปวนมายิงยาวเป็นแรมเดือน แรมปี แรมห้าปี แรมสิบปี แรมยี่สิบปี ต่างจากสมัยเรียนอย่างสิ้นเชิง สมัยที่ยังมีช่วงปิดเทอมให้ได้พักสมองบ้าง ส่วนคนวัยทำงานน่ะเหรอ จะได้หยุดยาว ๆ เต็มที่ก็แค่ 4-5 วันในช่วงเทศกาลเท่านั้น เมื่อต้องเอาเวลาไปทำงานบ้านด้วยแล้ว เหลือเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง ยังไม่ทันจะหายเหนื่อย วันทำงานก็มาจ่อคอหอยรออีกแล้ว ถ้าอยากหยุดยาวจริง ๆ ก็คงมีแค่ช่วงตกงานเท่านั้น ซึ่งก็คงไม่มีใครอยากจะอยู่ในสภาพนั้น
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เรียกว่า “วันลาพักร้อน” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นกับคนวัยทำงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 30 ระบุไว้ว่าพนักงานทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ “วันลาพักร้อน” หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี อย่างน้อยคนละ 6 วันต่อปี โดยลูกจ้างหรือพนักงานจะได้วันลาพักร้อนหรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี 6 วันทันที เมื่อทำงานครบ 1 ปี โดยไม่ต้องเฉลี่ย ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะได้รับมากกว่า 6 วันก็ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละองค์กร หรือตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน แต่จะน้อยกว่า 6 วันตามที่กฎหมายกำหนดไม่ได้เด็ดขาด
วันลาพักร้อน ถือเป็นสิ่งสำคัญของคนวัยทำงาน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่แทบจะไม่เคยใช้วันลาพักร้อนเลย ใช้ไม่หมดลาไม่ครบ 6 วัน หรือบางปีไม่ได้ใช้วันลาพักร้อนเลยสักวัน ถ้าไม่ใช่คนที่มีนิสัยบ้างานเป็นทุนเดิม บางคนมีเหตุผลที่ว่าตัดรำคาญเวลาที่จะต้องตอบคำถามว่าจะลาไปไหน ทั้งที่มันก็เรื่องส่วนตัว มีสิทธิ์ลาก็แค่อยากลา หรือจะไปทริปต่างจังหวัดก็ยังต้องแบกเอาโน้ตบุ๊กไปด้วย ไลน์กลุ่มไม่อ่านไม่ตอบก็ไม่ได้ โทรมาก็ต้องพร้อมรับสายตลอดเวลาทั้งที่นี่เป็นวันลาที่เราลาอย่างถูกระเบียบ เทคโนโลยีมันเอื้อประโยชน์ต่าง ๆ ในชีวิตเราก็จริง แต่บางทีมันก็ทำให้เราตัดขาดจากงานได้ยากเหลือเกิน คือถ้าการลาพักร้อนจะมีเรื่องกวนอารมณ์ตามมาเยอะขนาดนี้ ไม่ลาก็ได้!
ยัง! ยังไม่หมด การลาพักร้อนยังนำมาซึ่งความรู้สึกผิดอีกต่างหาก “ลา” ไม่ทำงาน ในขณะที่คนอื่นยังคงทำงาน จะเพิกเฉยเบอร์โทรศัพท์จากที่ทำงานก็ไม่ได้เผื่อเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงเพื่อนร่วมงานอาจจะกำลังทำงานแทนอยู่ก็ได้ พวกเขาคงหัวเสียน่าดูที่คุณไม่อยู่หลายวัน ป่านนี้คงนั่งด่านั่งนินทาคุณสนุกปากไปแล้วก็ได้ หากคุณสะสมวันลาไว้ลายาวติดกัน 6 วันรวดเพื่อไปเที่ยวไกล ๆ ความรู้สึกผิดบาปกัดกินหัวใจทันที
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันเป็นสิทธิของคุณนะ วันลาพักร้อนน่ะ อยากลาก็ลาไปเถอะคุณไม่ได้ทำผิดอะไร อยากจะลาไปเที่ยวหรือลาไปนอนเล่นตีพุงอยู่บ้านก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณลาแล้ว อยากจะเอาวันลาไปทำอะไรก็เรื่องของคุณ นี่คือเหตุผลที่คุณควรใช้วันลาพักร้อนซะ!
1. มันเป็นสิทธิ์พึงมี คุณก็แค่ใช้สิทธิ์ของตัวเอง
การลาพักร้อนนั้นเป็นสิทธิ์พึงมีตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งถ้าหากเราทำงานครบ 1 ปี เราจะได้รับวันลาพักร้อนตามกฎหมายทันทีจำนวน 6 วันต่อปี ฉะนั้น การที่เราจะขอยื่นใบลาพักร้อน มันก็แค่การใช้สิทธิ์ที่เรามีตามกฎหมายเท่านั้นเอง เพียงแต่หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องทิ้งงานไปหลายวันโดยต้องฝากงานไว้กับเพื่อนร่วมงาน ตรงนี้นี่เองที่อาจเป็นปัญหา เพราะอาจเกิดสิ่งที่เรียกว่า Vacation Shaming มันคือการที่เพื่อนร่วมงานมองแรงใส่คุณเมื่อคุณลาพักร้อน เพราะเหมือนกับเพื่อนร่วมงานต้องมารับผิดชอบงานในช่วงที่คุณไม่อยู่แทนนั่นเอง คุณก็อาจจะใช้วิธีลาครั้งละน้อย ๆ วัน เคลียร์งานเท่าที่จะเดือดร้อนคนอื่นน้อยที่สุด หรือมีเทคนิคในการขอความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน
2. เพื่อให้ได้พักจากงานบ้าง
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เต็มที่กับการทำงานในทุกวันอยู่แล้ว ทุ่มเทตั้งอกตั้งใจ ผลงานดีเป็นที่พึงพอใจ เรียกได้ว่าเป็นพนักงานที่ทำงานได้ไม่กระดากใจกับค่าจ้าง คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเหนียมอายหรือรู้สึกผิดหรอก หากคิดอยากจะใช้วันลาพักร้อนของตัวเอง เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คนเราควรจะโงหัวขึ้นจากกองงานบ้าง ไม่ใช่ชีวิตวนลูปอยู่แค่ทำงาน-กลับบ้าน ตลอดทั้งปี มันควรมีช่วงเวลาที่เราสมควรได้พักจากการตรากตรำทำงานหนักบ้าง เพื่อเยียวยาตัวเองจากความเครียดและความกดดันในเรื่องงาน ก่อนที่คุณจะเข้าข่ายเป็นคนบ้างาน และตกอยู่ในสภาวะหมดไฟ (Burnout) และหมดใจในการทำงาน (Brownout) เข้าจนได้ อันนี้แหละมีผลต่อหน้าที่การงานแน่นอน
3. ไม่ลา ≠ พนักงานดีเด่น
บางองค์กรมีค่านิยมที่ฝังหัวพนักงานว่า “การไม่ลาพักร้อนเลย จะเท่ากับเราเป็นพนักงานดีเด่น” เนื่องจากดูเหมือนว่าเราเป็นคนที่มุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับการทำงานหนักมากเสียจนสามารถเสียสละความสุขในการลาพักร้อนเพื่อการทำงานได้ โฟกัสกับงานทุกลมหายใจเข้าออกขนาดนี้ ก็จะทำให้มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานเพิ่มขึ้นนั่นเอง เอาเข้าจริง การทำงานที่ไม่ได้ลาพักร้อนเพื่อพักเบรกจากงานเลยนั้นทำให้เราสามารถทำงานได้เต็มศักยภาพจริง ๆ หรือ งานที่ออกมามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจริง ๆ ไหม แล้วการทำงานนั้นสำคัญเพียงแค่ชั่วโมงในการทำงานหรืออย่างไร แล้วผลงานล่ะ การทำงานเร็วเลิกงานช้า ดูเป็นคนขยัน แต่ถ้าไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แบบนั้นไม่แย่กว่าหรอกหรือ
4. เรื่องหาเงินนั้นสำคัญ แต่สุขภาพกายและสุขภาพจิตเราก็ไม่ยิ่งหย่อน
เรื่องใหญ่ของคนวัยทำงาน คือ การหาเงิน เพราะเงินคือตัวแปรสำคัญในการดำรงชีพ แต่อย่าทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง จนกลายเป็นคนที่หาเงินเยอะ ๆ เพื่อที่จะเอาเงินนั้นไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บของตนเองในอนาคตเลย การปล่อยให้ความเครียด ความกดดันในการทำงานกล้ำกรายชีวิตมากเกินไปมีแต่ผลเสีย หลัก ๆ เลยก็คือ ทำให้เราป่วย ป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งจิตใจ อย่างภาวะหมดไฟและหมดใจในการทำงานก็มีผลโดยตรงต่อการเจ็บป่วยทางจิตใจ ในขณะที่คนป่วยก็ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะทำงานได้ ในที่สุดองค์กรอาจจะหาคนใหม่มาทำงานแทนคุณได้ในสักวันอยู่แล้ว แต่ตัวคุณล่ะ ทำงานก็ไม่ได้ ใช้ชีวิตก็ไม่ปกติ อย่าให้การทำงานทำร้ายตัวเองขนาดนั้น ด้วยการปฏิเสธการลาพักร้อนเลย
5. อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดทั้งไฟและใจ
อย่างที่บอก ว่าการลาพักร้อนมันคือช่วงเวลาสำหรับให้พนักงานได้พักกายและใจจากเรื่องงานบ้าง เพราะชีวิตการทำงานนั้นไม่เหมือนกับสมัยเรียนที่มีช่วงปิดเทอมให้ได้พักสมอง แต่การทำงานเรายิงยาวไปตลอดชีวิต มีเพียงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่บางคนได้หยุดเพียงแค่วันเดียว เอาไปจัดการงานบ้านก็หมดวันแล้ว นั่นหมายความว่าเราแทบจะไม่มีโอกาสได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ เลย การลาพักร้อนนั้นสำคัญมากนะ ไม่อย่างนั้นกฎหมายไม่กำหนดให้เป็นสิทธิ์พึงมีโดยชอบธรรมหรอก เพราะฉะนั้น จงใช้วันลาพักร้อนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการทำงานของตัวเราเอง ก่อนที่ภาวะหมดไฟและหมดใจในการทำงานจะคืบคลานเข้ามากัดกินชีวิตทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว