เชื่อมโยงคำทำนายนอสตราดามุสกับเทรนด์เศรษฐกิจ 2023

เชื่อมโยงคำทำนายนอสตราดามุสกับเทรนด์เศรษฐกิจ 2023

เชื่อมโยงคำทำนายนอสตราดามุสกับเทรนด์เศรษฐกิจ 2023
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอสตราดามุส นักพยากรณ์อนาคตชาวฝรั่งเศสที่ทำให้คนทั้งโลกต้องตกตะลึงกับคำทำนายนับตั้งแต่คำทำนายเรื่องสงครามโลกครั้งที่สอง ยุคสมัยที่ผู้คนต้องตกอยู่ในฝันร้ายจากอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่าคำทำนายของปี 2023 ที่ถูกบันทึกไว้ใน Les Propheties (The Prophecies) ตั้งแต่ปี 1555 ได้ถูกนำมาเผยแพร่เพื่อให้ผู้คนได้เตรียมตัวรับมือกับปีที่ว่ากันว่าชาวโลกต้องพบกับความยากลำบาก และความท้าทายทางสังคมเป็นอย่างยิ่ง

นอสตราดามุส ทำนายเอาไว้ว่าโลกต้องพบกับสงครามใหญ่ 7 เดือน เศรษฐกิจพัง และประชาชนลุกฮือ ซึ่งเรื่องทั้งหมดล้วนเกี่ยวเนื่องกันและมีที่มาที่ไป โดย Tonkit360 จะนำเอาคำทำนายของนอสตราดามุส มาไล่เรียงไปกับเทรนด์โลกปีนี้ ว่าคำทำนายจากโหราจารย์เมื่อเกือบห้าร้อยปีก่อน กับสิ่งที่พวกเรากำลังจะได้เจอนั้นจะมีความเกี่ยวข้อง และต้องตั้งรับอย่างไร

คำทำนายที่หนึ่ง ‘seven months great war, people dead through evil’ (สงครามใหญ่ 7 เดือน ผู้คนจะล้มตายและกลายเป็นปีศาจ)

คำทำนายนี้คีย์เวิร์ดอยู่ที่ “สงครามใหญ่ 7 เดือน” อันหมายความว่าเป็นสงครามระยะสั้นที่กินระยะเวลาไม่นาน ซึ่งอาจเป็นสงครามที่มีคู่ขัดแย้งในระดับประเทศต่อประเทศ แน่นอนว่าเมื่อเกิดสงครามต้องมีผู้คนล้มตายและคนที่ต้องสูญเสีย เมื่อนั้นทัศนคติและมุมมองชีวิตของคนที่ต้องเจอกับสงครามจะเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเกิดสงครามเช่นกัน และคนเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือพ่อค้าอาวุธ

  • ผลกระทบต่อเทรนด์เศรษฐกิจ

สงครามใหญ่ 7 เดือนตามคำทำนาย หากพิจารณาในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและโยงไปยังค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น รวมไปถึงราคาแฝงที่อยู่ในการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวทำให้นโยบายรัดเข็มขัดและพึ่งพาตนเองเกิดขึ้นทั่วโลก

ดังนั้น เทรนด์เศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับสงครามใหญ่ 7 เดือนของนอสตราดามุส เห็นจะหนีไม่พ้นภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อการจ้างงานจะต่ำลง ค่าครองชีพจะสูงขึ้น เกิดสภาวะข้าวยากหมากแพง หนทางแก้คือรักษาหน้าที่การงานให้มั่นคง ถ้าสามารถหาอาชีพเสริมทำได้ก็ควรทำ คำว่า “ประหยัด และอดออม” เท่านั้นจะทำให้คุณอยู่รอดในปีนี้ไปได้

คำทำนายที่สอง ‘The light of Mars will go out?’ (หรือแสงของดาวอังคารจะดับลง)

คำทำนายนี้ ถ้าเปรียบเทียบกันสถานการณ์ในปัจจุบันกับโครงการสู่ดาวอังคารของอีลอน มัสก์ ที่เคยประกาศไว้ในเดือนมีนาคม 2022 ว่าจะเกิดก้าวย่างสำคัญสำหรับมนุษยชาติในปี 2029 แต่ด้วยปีที่ผ่านมาและในปี 2023 ที่เชื่อมโยงกับคำทำนายสงครามใหญ่ 7 เดือนทำให้ทุกอย่างดูจะหยุดชะงัก เพราะสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย แต่ในคำทำนายนี้อาจมีอะไรซ่อนอยู่คงต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งคำทำนายนี้อาจหมายถึง โครงการสู่ดาวอังคารหรืออาจหมายถึงความร้อนแรงของเทคโนโลยีหรือผู้ให้กำเนิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กระแสมีโอกาสแผ่วลงเป็นอย่างมากในปีนี้ 

  • ผลกระทบต่อเทรนด์เศรษฐกิจ

จากคำทำนายนี้ดูจะเกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี และการเข้ามาของดิจิทัล เทรนด์ที่มาไวไปไว อาทิ การเกิดขึ้นของ Crypto Currency ที่กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแต่พอเข้าช่วงกลางปี 2022 กลายเป็นว่า ระบบเงินดิจิทัล กลับดิ่งเหวและเกิดกระแสตีกลับอย่างรุนแรง สำหรับคนทั่วไป คำทำนายและการรับมือกับเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัลที่มาไวไปไวนั้น ควรท่องเอาไว้ว่า “เรื่องใดถ้าไม่มีความรู้เพียงพอ ควรศึกษาหาความรู้ให้มากพอก่อนที่จะลงทุน”

คำทำนายที่สาม ‘So high will the bushel of wheat rise, that man will be eating his fellow man.’ (เมื่อรวงข้าวสาลีสูงเกินเอื้อมถึงและผู้คนจะทรยศหักหลังกันเอง)

ข้อความนี้ของนอสตราดามุส แสดงสืบเนื่องมาจากข้อแรกที่จะเกิดสงครามใหญ่ 7 เดือนอันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และทำให้ค่าครองชีพจะสูงขึ้นเหมือนดั่งที่บอกว่า “รวงข้าวสาลีจะสูงเกินเอื้อม” และแน่นอนว่าเมื่อถึงยุคข้าวยากหมากแพง ผู้คนจะเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น สามารถใช้ทุกวิธีไม่ว่าจะดีหรือร้ายที่จะทำให้ตนเองอยู่รอด ตามคำทำนายที่ว่า “That Man will be eating his fellow man”

  • ผลกระทบต่อเทรนด์เศรษฐกิจ

คือการตั้งรับกับสภาวะที่เศรษฐกิจที่จะถดถอยไปทั่วโลก การใช้เทคโนโลยีหรือ AI เพื่อลดต้นทุนการผลิตในธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่ภาคครัวเรือนต้องเริ่มใช้จ่ายอย่างประหยัดและพยายามลดหนี้หรือเป็นหนี้ให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกันธุรกิจขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวได้ช้า ปีนี้น่าจะประสบกับสภาวะที่เกิดความเสื่อมถอยในตนเอง เพราะต้องแบกรับต้นทุนเอาไว้จำนวนมาก ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดการเลิกว่าจ้างของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกนั้นมีความเป็นไปได้สูง การหาอาชีพเสริมเพื่อรองรับแรงกระแทกจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนที่ต้องมีชีวิตอยู่ในช่วง Post COVID-19 ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

คำทำนายที่สี่ ‘For forty years the rainbow will not be seen. For forty years it will be seen every day. The dry earth will grow more parched, and there will be great floods when it is seen.’ (40 ปีที่จะไม่ได้เห็นสายรุ้งและเป็นเวลา 40 ปีที่จะได้เห็นสายรุ้งทุกวัน ทั่วทั้งโลก ผืนแผ่นดินจะแห้งผาก และเมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่)

ในคำทำนายไม่ได้ระบุว่า 40 ปีที่จะไม่เห็นสายรุ้งนั้นจะเริ่มในปี 2023 หรือเป็นปี 2023 ที่จะได้เห็นสายรุ้งทุกวัน แต่จากคำทำนายพอจะทำให้เห็นภาพได้ว่าโลกกำลังจะเผชิญกับสภาวะอากาศแปรปรวนดังที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งนั่นหมายความว่าอย่างน้อยอีก 4 ทศวรรษ โลกใบนี้จะผจญกับสภาพอากาศแบบขึ้น ๆ ลง ๆ ไปเรื่อย ๆ 

  • ผลกระทบต่อเทรนด์เศรษฐกิจ

ด้วยสภาพอากาศและสภาวะสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ที่มีการรณรงค์ในวงกว้างเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ มลพิษ ปี 2023 มีการคาดการณ์ว่าการทำธุรกิจในเทรนด์รักษ์โลก รักษ์สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม หรือโครงการประเภท Net Zero จะได้รับความสนใจจากหลายแบรนด์และกลุ่มคนที่อยากรักษาธรรมชาติที่ดีเอาไว้ให้กับลูกหลาน

ถ้ามองเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ การใช้เทรนด์รักโลก เพื่อสร้างจุดขายให้กับแบรนด์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ช่วยลดภาวะโลกร้อน จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำมาหากินได้เป็นอย่างดี

คำทำนายที่ห้า ‘sooner and later you will see great changes made, dreadful horrors and vengeances.’ (ช้าหรือเร็ว จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในทุกชนชั้นของสังคม เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเคียดแค้น)

“The trumpet shakes with great discord. An agreement broken: lifting the face to heaven: the bloody mouth will swim with blood; the face anointed with milk and honey lies on the ground” (ข่าวลือ หรือการสร้างความเชื่อผิด ๆ จะทำให้เกิดความบาดหมางในวงกว้าง ข้อตกลงเดิมที่เคยคุยไว้จะถูกยกเลิก และทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันมากขึ้น ขณะที่ผู้คนจะใส่ร้ายป้ายสีกันไปทั่ว ผู้คนจะหลงเชื่อในคำโกหกหวานที่ทำให้เกิดหายนะ)

คำทำนายนี้หากมองในบริบทของสังคมและผู้คน คือความเปลี่ยนและความเสื่อมถอยของระบบชนชั้น ผู้คนมีโอกาสมากขึ้นและต้องการความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นความเท่าเทียมทางการศึกษา การทำงาน หรือความเท่าเทียมทางเพศ และความต้องการดังกล่าวจะถูกสร้างให้เป็นแนวคิดที่บอกต่อ ๆ กันจนกลายเป็นวงกว้าง แม้จะเป็นแนวคิดที่อาจสร้างความเดือดร้อน แต่แนวคิดแปลก ๆ จะถูกสร้างชุดความเชื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางที่จะค่อย ๆ กัดกร่อนสังคม

  • ผลกระทบต่อเทรนด์เศรษฐกิจ

จากคำทำนายทำให้เห็นภาพในอนาคตได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เพราะหลังสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ผู้คนจะรู้สึกโกรธต่อนักการเมือง ขณะเดียวกันนักการเมืองในฝั่งตรงกันข้ามก็จะใช้ความโกรธของประชาชนเป็นเครื่องมือที่พิฆาตอีกฝ่ายให้ล้มลง

ดังนั้น เทรนด์เศรษฐกิจที่จะต้องได้เจอกันคือแรงกดดันจากนายจ้างและลูกจ้างที่มีสถานะทางสังคมที่ไม่เท่ากันและมีข้อเรียกร้องมากขึ้น หากคุณอยู่ในสถานะนายจ้าง หนทางที่ดีที่สุดคือพยายามทำให้บริษัทของตนเองนั้นมีต้นทุนทางทรัพยากรมนุษย์ให้ต่ำที่สุด ส่วนคนที่เป็นลูกจ้าง ขอให้ก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อไป เพราะอย่างไรเสีย หากพิจารณาจากคำทำนาย การเปิดหน้าเข้าแลกไม่ใช่หนทางที่ดีแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook