พฤติกรรมไม่น่ารักลูกค้าร้านบุฟเฟต์ กินไม่หมดแต่ไม่ยอมโดนปรับ
คนยุคนี้จะเข้าใจดีว่านี่เป็นยุคของการแสวงหาความสุขจากการบริโภคอาหารอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกินที่เรียกว่า บุฟเฟต์ (Buffet) ที่กำลังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง จริง ๆ แล้ว บุฟเฟต์ เป็นการกินอาหารในรูปแบบที่มีอาหารหลากหลายให้เลือกได้ตามต้องการ และต้องเสิร์ฟอาหารด้วยตนเอง แต่ในไทย บุฟเฟต์จะมีความหมายที่กว้างออกไปอีก อย่างที่คนไทยเข้าใจก็คือ เป็นการกินอาหารแบบที่กินเท่าใดก็ได้ กินได้มากเท่าที่ต้องการ และจ่ายราคาเดียว
เนื่องจากบุฟเฟต์เป็นรูปแบบการกินอาหารที่ฮิตมากในปัจจุบัน ทำให้มีร้านบุฟเฟต์มากมายให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ได้เลือกรับประทาน ที่คุ้นเคยกันดีก็น่าจะเป็นชาบู สุกี้ ปิ้งย่าง หมูกระทะ แบบบุฟเฟต์ แต่ด้วยความที่บุฟเฟต์เป็นรูปแบบการกินอาหารที่ร้านค่อนข้างไว้ใจลูกค้า ลูกค้าสามารถตักอาหารเองได้ไม่อั้นตราบเท่าที่ตนเองสามารถกินหมด หรือสั่งให้พนักงานนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยมีเงื่อนไขหรือกติกาว่าให้ตักหรือสั่งแค่พออิ่ม และถ้ากินไม่หมดจะต้องถูกปรับตามอาหารที่กินไม่หมด
ซึ่งปกติแล้วลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้าใจและเคารพกติกาเป็นอย่างดี แต่ก็มีลูกค้าบางกลุ่มที่หิวจนหน้ามืดแล้วตักหรือสั่งอาหารมาจนเกินที่ตัวเองและเพื่อนร่วมโต๊ะจะกินหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปรับ หลายคนจึงพยายามหาสารพัดวิธีมาใช้ แต่ละวิธีล้วนทำให้เจ้าของร้านต้องปวดใจกับพฤติกรรมไม่น่ารัก มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากอาหารที่กินเหลือเป็นกติกาที่ทางร้านได้แจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนแล้วว่าถ้ากินไม่หมดจะถูกปรับ หรือต่อให้ร้านไม่แจ้ง ไม่มีป้ายบอก มันก็ควรจะอยู่ในจิตสำนึกว่าอาหารไม่ใช่ของที่สั่งจะมากินทิ้งกินขว้าง โดยเฉพาะร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ ดังนั้น มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่ลูกค้าตัวแสบชอบทำ และอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
1. เททุกสิ่งอย่างลงในหม้อ
เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยทำวิธีนี้กันอย่างแน่นอน ในวินาทีแรกที่เดินเข้าร้านมา คุณอาจจะหิวจนตาลาย เลยตักหรือสั่งมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ทั้งที่คุณควรจะตักหรือสั่งมาแบบพอดี เอามาทีละน้อย ๆ ก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นไร กรณีนี้ เมื่อเวลาผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง คุณก็จะพบว่าสิ่งที่คุณตักหรือสั่งมาแบบไม่บันยะบันยังในตอนแรกมันยังคงเหลืออยู่เต็มโต๊ะ และเพื่อที่จะไม่ถูกปรับค่ากินเหลือหรือถูกปรับน้อยที่สุด ก็คงไม่พ้นที่จะเททุกอย่างลงในหม้อให้หมด พยายามละลายมันลงไปในน้ำเดือด ๆ บอกเลยว่าเป็นพฤติกรรมที่แย่มากจริง ๆ
2. ใช้กระดาษทิชชูพันอาหารที่เหลือ
เป็นอีกวิธีเบสิกที่ใครหลายคนทำอยู่บ่อย ๆ ในเมื่อกินไม่หมดก็ทิ้งไปเลยแล้วกัน แต่จะทิ้งแบบประเจิดประเจ้อก็กะไรอยู่ ก็เลยต้องทิ้งแบบเนียน ๆ ด้วยการใช้ทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะมาห่ออาหารที่เหลือประหนึ่งว่าเป็นขยะชิ้นหนึ่ง แล้วเอาไปทิ้งรวมกับเศษขยะอื่น ๆ พวกเปลือก-หางกุ้ง หรือทิชชูที่ใช้เช็ดทำความสะอาดโต๊ะ จึงต้องย้อนกลับไปที่การตักหรือสั่งมาแบบพอดี ทีละน้อย ๆ ดีกว่าไหม ไม่อิ่มก็ค่อยลุกไปตักหรือสั่งเพิ่ม ไม่ใช่กินทิ้งกินขว้างแบบนี้ แล้วยิ่งทิ้งอาหารเหลือด้วยวิธีนี้ด้วยแล้ว มันไม่ใช่แค่ขยะเศษอาหารที่ทำลายโลก แต่ยังสิ้นเปลืองทรัพยากรกระดาษด้วย
3. ทำเนียนเอาไปเก็บที่เดิม
เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเลยกับการนำอาหารที่เหลือกลับไปเก็บที่เดิม หลายคนที่เลือกใช้วิธีนี้อาจเป็นเพราะประเมินแล้วว่าอาหารที่ตักมาเกินมายังไม่มีตรงไหนที่เสียหาย พูดง่าย ๆ ก็คือนอกจากตอนที่ตักก็ยังไม่ได้แตะอีกเลย อิ่มก่อนเลยคิดว่าการแอบเอาไปคืนไม่น่าจะเสียหายอะไร ทว่ามันก็มีพวกที่ไม่แคร์เหมือนกันนะ โดยการนำเอาอาหารที่เหลือครึ่งจานกลับไปคืน คือเป็นจานที่กินแล้วแต่กินไม่หมด แล้วก็ไม่อยากที่จะจ่ายค่าปรับด้วย มันเป็นวิธีที่เห็นแก่ตัวสุด ๆ ไม่นึกถึงใจคนอื่นที่เขาจะมาตักส่วนนั้นไปกินต่อเลย ใช้ไม่ได้เอามาก ๆ
4. ย่างให้ไหม้ไปเลย
ตีคู่มากับวิธีแรกที่นำทุกสิ่งอย่างที่เหลือเทลงหม้อ ซึ่งวิธีจะใช้ได้เฉพาะบุฟเฟต์ประเภทสุกี้หรือชาบูที่มีหม้อเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่มีหม้อก็จะเป็นบุฟเฟต์ประเภทปิ้งย่างหรือหมูกระทะ ดังนั้น ก็เลยเปลี่ยนวิธีการจากการเทลงหม้อมาเป็นย่างเศษอาหารที่เหลือเหล่านั้นมาย่างให้ไหม้เกรียมไปเลย เพราะมันคงจะไม่มีใครกินอาหารไหม้ ๆ ได้หรอก มันก็เลยดูเหมือนขยะเศษอาหารที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้โหดร้ายกว่าเทลงหม้อเยอะ ตรงที่พนักงานล้างจานจะมาต้องเสียแรงขัดล้างยกใหญ่อีก ถ้าขัดไม่ออกอาจจะต้องโยนทิ้งเลยก็ได้ ขาดทุนค่าอาหารก็พอแรงแล้ว
5. ขโมยกลับบ้าน
วิธีแสบสุดในการจัดการอาหารบุฟเฟต์ที่ตัวเองกินเหลือโดยไม่ยอมจ่ายค่าปรับ ก็คือการพยายามนำอาหารที่เหลือนั้นกลับบ้าน มันก็จริงอยู่ที่คุณได้จ่ายค่าอาหารในส่วนบุฟเฟต์ไปแล้ว แต่ในส่วนของอาหารที่เหลือ คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณทำผิดกติกาข้อตกลงที่ทางร้านแจ้งกับคุณไว้แล้วว่าถ้าคุณกินไม่หมดจะต้องโดนปรับ และราคาอาหารบุฟเฟต์ที่ร้านคิดกับคุณ มันก็เป็นส่วนที่ร้านเข้าใจว่าคุณกินหมดตามกติกา ฉะนั้น นี่จึงเป็นพฤติกรรมที่วัดทัศนคติและจิตสำนึกล้วน ๆ เลยว่าคุณไม่ซื่อสัตย์แค่ไหน และถ้าทางร้านสงสัยจนเปิดกล้องวงจรปิดล่ะก็ คุณเองจบไม่สวยแน่นอน