ทักษะ CPR ลดภาวะวิกฤติ เสียชีวิตเฉียบพลัน
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้งานแข่งขันกีฬามวลชนทุกประเภทและทุกระดับในไทย มีการวางระบบความปลอดภัยทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Medical Race Director) เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันกรณีนักกีฬาหรือผู้เข้าร่วมงานเกิดภาวะวูบหมดสติและหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest)
CPR จำเป็นเรียนรู้ กู้ชีวิตคนใกล้ตัว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ กล่าวว่า คนไทยทุกเพศวัยมีโอกาสที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ แม้จะไม่ใช่ผู้ที่มีกิจกรรมทางกายหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ เพราะปัจจุบันยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น ตัวเราเองรวมทั้งคนใกล้ชิดก็อาจเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย เพราะฉะนั้น คนไทยทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อฟื้นคืนชีพแก่ผู้หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้กลับมามีชีพจรดังเดิม (Cardio Pulmonary Resuscitation: CPR) ซึ่ง สสส. และภาคีเครือข่ายได้เร่งสนับสนุนการจัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง
ทำ CPR อย่างไรเมื่อภัยมา กับ 4 นาทีชีวิตพิชิตการสูญเสีย
นพ.ภัทรภณ อติเมธิน แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่งและอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย (TMPSA) ให้คำแนะนำว่า เมื่อพบเห็นผู้มีอาการวูบหมดสติ หรือล้มลงโดยไม่มีสาเหตุให้รีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการทำ CPR และใช้เครื่อง AED ทันที ซึ่งมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้
ตั้งสติ และทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบว่ามีความปลอดภัยเพียงพอและไม่มีอันตราย ทั้งต่อตัวผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือและผู้ป่วย
สำรวจอาการผู้ป่วย ว่ามีชีพจรและหายใจหรือไม่ โดยพิจารณาจากการขยับขึ้นลงของหน้าอก
เริ่มต้นปลุกด้วยเสียง พร้อม ๆ กับการสัมผัสโดยการตบบ่าทั้ง 2 ข้างของผู้มีป่วย หากไม่รู้สึกตัวและไม่หายใจ ให้เข้าสู่กระบวนการทำ CPR ทันที เพราะการปล่อยให้ล่าช้านานเท่าไร โอกาสการรอดชีวิตก็จะลดลง โดยเริ่มจากการนั่งคุกเข่ายกก้นขึ้น วางส้นมือข้างที่ถนัดบนบริเวณกึ่งกลางของหน้าอกในตำแหน่งของหัวใจแล้วใช้อีกมือประกอบ ยืดแขนตรง จากนั้นใช้แรงกดจากหัวไหล่และลำตัวกดตรงลงไปให้ลึกประมาณ 5-6 ซ.ม. ด้วยความเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที
ขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง หรือหากอยู่คนเดียวให้เปิดลำโพงโทรศัพท์ ติดต่อขอความช่วยเหลือหมายเลข 1669 โดยให้ระบุรายละเอียดของอาการ โดยเฉพาะอาการหมดสติ ไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น
ระหว่างการทำ CPR ให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นนำเครื่อง AED โดยปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้เครื่องและกดปุ่มช็อกหัวใจจนกว่าหน่วยกู้ชีพ 1669 จะมาถึงที่เกิดเหตุ
“เมื่อเผชิญกับผู้ที่หมดสติหัวใจหยุดเต้น อยากให้คำนึงเสมอว่าถ้าไม่แน่ใจกับอาการให้รีบปั๊มหัวใจไว้ก่อน เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยผู้ป่วยก็ไม่ฟื้นขึ้นมาก็เท่ากับไม่รอด แต่ถ้าลงมือช่วยโอกาสในการฟื้นก็เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การเรียนรู้ขั้นตอนการทำ CPR จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนควรรู้และปฏิบัติได้ และแนะนำให้โหลดแอปพลิเคชัน EMS 1669 หรือระบบรับแจ้งเหตุฉุกเฉินซึ่งจะสามารถเรียกรถพยาบาลและส่งตำแหน่งที่เกิดเหตุ รวมทั้งมีคำแนะนำในการทำ CPR และใช้เครื่อง AED อย่างชัดเจน” นพ.ภัทรภณ กล่าว