ทำความเข้าใจ รู้เหตุและผล ลดอุบัติโรคกลัวเสียงในเด็ก
ด้วยวิทยาการที่ก้าวล้ำทำให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีการตรวจทางพันธุกรรม (DNA Test) ที่แพร่หลายในปัจจุบัน อาจทำให้ได้ทราบถึงความเสี่ยงของการเกิดโรคทางกาย และโรคทางพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับเด็ก อาทิ “Misophonia” หรือโรคกลัวเสียง
อาจารย์ ดร.สุพัทธ แสนแจ่มใส อาจารย์และนักจิตวิทยาเด็ก สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ยังมีโรคที่อาจค้นพบได้ตั้งแต่ตรวจ DNA Test ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว แม้เพียงการทำงานของร่างกายที่ทำให้เกิดเสียงตามปกติ เช่น เสียงเคี้ยวอาหาร หรือเสียงถอนหายใจ หรือเสียงที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป เช่น เสียงกดปากกา หรือเสียงเคาะต่าง ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกเหมือนถูกรบกวน เรียกว่าโรค “Misophonia” หรือโรคกลัวเสียง เกิดจากการทำงานของสมองส่วนอารมณ์และระบบประสาทอัตโนมัติที่ไม่เหมาะสม ทำให้เด็กอาจเกิดอารมณ์ขุ่นมัว ไปจนถึงความรู้สึกวิตก หรือหวาดกลัวได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป
“Misophonia” หรือโรคกลัวเสียง นับเป็นปัญหาที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต ซึ่งอาจจะเกิดมาจากสาเหตุทางพันธุกรรม หรือการถูกวางเงื่อนไขจากการกระทำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกวิตก หวาดกลัว จากการมีประสบการณ์ทางลบมาในวัยเด็กที่เชื่อมโยงกับเสียงดังกล่าว ซึ่งภาวะของโรคกลัวเสียง อาจจะพบได้บ้างใน “เด็กสมาธิสั้น” แต่โดยทั่วไป “เด็กสมาธิสั้น” จะมีความไวต่อ “การสัมผัส” มากกว่า โดยเป็นผลมาจากความผิดปกติของบูรณาการทางประสาทในอีกลักษณะ ซึ่งไม่อาจบรรเทาหรือเยียวยาได้ด้วย “การโอบกอด”
การควบคุมสิ่งแวดล้อมที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการเป็นไปได้ยาก และไม่ยั่งยืนเท่ากับการฝึกให้เด็กรู้จัก “พิจารณาเหตุและผล” โดยการใคร่ครวญทำความเข้าใจถึง “ที่มาของเสียงซึ่งเป็นสาเหตุของความกลัว” และ “ปรับเปลี่ยนความคิด” ที่จะนำไปสู่ “ความเครียด” โดยการฝึกให้เด็กรู้จักและทำความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผลจะช่วยจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นอกจากนี้ “การคาดหวัง” ที่จะทำให้เด็กเติบโตถึงพร้อมด้วย “ความเก่ง” และ “ความฉลาด” อาจไม่ใช่ “คำตอบ” สำหรับทุกสิ่ง ในทางตรงกันข้ามอาจนำมาซึ่ง “ความกดดัน” และ “ความเครียด” ดั่งภูเขาไฟที่รอวันปะทุ
ในขณะที่การฝึกเด็กให้รู้จักใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมตามวัย และการมีสุขภาวะที่ดี จะนำมาซึ่ง “ภูมิคุ้มกันทางจิตใจและสังคม” ที่จะกลายเป็น “พลังชีวิต” ให้พร้อมก้าวเดินได้อย่างมั่นคงในโลกแห่งอนาคตที่เปลี่ยนแปลง