วันแรดโลก ประวัติและที่มาวันแรดโลก รู้แล้วจะเข้าใจและรักแรดมากขึ้น

วันแรดโลก ประวัติและที่มาวันแรดโลก รู้แล้วจะเข้าใจและรักแรดมากขึ้น

วันแรดโลก ประวัติและที่มาวันแรดโลก รู้แล้วจะเข้าใจและรักแรดมากขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันแรดโลก (World Rhino Day) ตรงกับวันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสำคัญที่รณรงค์ให้ตระหนักถึงปัญหาการสูญพันธุ์ของแรด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ

แรดเป็นสัตว์ที่พบได้เฉพาะในทวีปแอฟริกาและเอเชีย แบ่งออกเป็น 5 สายพันธุ์ ได้แก่ แรดขาว แรดดำ แรดอินเดีย แรดชวา และแรดสเปียร์ แรดตัวผู้มีนอ 2 นอ ในขณะที่ตัวเมียมีนอเพียง 1 นอ นอของแรดทำจากเคราตินเช่นเดียวกับเล็บมือและเล็บเท้า แรดตัวเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 2,000-3,000 กิโลกรัม

แรดเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร ชอบอาศัยอยู่ในป่าทึบหรือทุ่งหญ้าสะวันนา แรดตัวเมียจะตั้งท้องนานประมาณ 15 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว

วันแรดโลกวันแรดโลก

แรดเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก สาเหตุหลักของการสูญพันธุ์ของแรดคือการล่าเพื่อเอานอ นอแรดเป็นที่ต้องการของตลาดมืด เนื่องจากเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยาและเสริมสมรรถภาพให้กับผู้ชาย นอกเหนือจากการล่าแล้ว แรดยังถูกคุกคามจากภัยคุกคามอื่นๆ เช่น การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยและการชนกับรถยนต์

วันแรดโลกจัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ตระหนักถึงปัญหาการสูญพันธุ์ของแรด ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแรด และกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์แรด

จำนวนแรดที่เหลือทั่วโลก มีอยู่ราว 30,000 ตัว โดยส่วนใหญ่เป็นแรดขาว รองลงมาคือ แรดดำ และแรดอินเดีย องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประจำประเทศไทย หรือ WWF รายงานการพบแรดไว้ดังนี้

  • แรดอินเดีย 3,300 ตัว
  • แรดดำ 5,000 ตัว
  • แรดขาว 20,400 ตัว
  • แรดชวา 44 ตัว

แรด ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าสงวนขึ้นบัญชีหมายเลข 1 ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ปัจจุบันการล่าแรดก็ทำให้แรดสูญพันธุ์ไปแล้วจากประเทศไทย ในอดีตเคยพบแรดที่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และแรดตัวสุดท้ายในละแวกนี้ที่พบคือ “แรดชวา” ที่ถูกสังหารในปี พ.ศ. 2553 ที่ประเทศเวียดนาม

การจัดวันแรดโลกขึ้น ถือเป็นการปลูกฝังค่านิยมให้คนรุ่นใหม่ เลิกความเชื่อการล่าเอานอแรดมาทำเป็นยาและเครื่องประดับ เพื่อลดใช้สิ่งของที่นำมาจากการล่าสัตว์ป่าเพื่อประโยชน์ของมนุษย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook