เฉลยแล้ว! เหมยขาบ กับ แม่คะนิ้ง ต่างกันอย่างไร มันเป็นแบบนี้นี่เอง
เหมยขาบ และ แม่คะนิ้ง เป็นคำเรียกปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากไอน้ำในอากาศใกล้พื้นดินมีอุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ไอน้ำในอากาศจะกลายเป็นน้ำแข็งทันทีโดยไม่กลั่นตัวเป็นหยดน้ำก่อน ทำให้เกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งขนาดเล็กเกาะอยู่บนใบไม้ใบหญ้าหรือวัตถุต่าง ๆ
เหมยขาบ กับ แม่คะนิ้ง ต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างระหว่างเหมยขาบและแม่คะนิ้ง อยู่ที่ภาษาที่ใช้เรียกเท่านั้น
- เหมยขาบ เป็นภาษาไทยถิ่นเหนือ หมายถึง น้ำค้างแข็งแผ่นบาง ๆ เกาะอยู่บนใบไม้ใบหญ้าในเวลาที่อากาศหนาวจัด ว่า น้ำค้างแข็ง คำว่า เหมยขาบ ประกอบด้วยคำว่า เหมย ซึ่งแปลว่า น้ำค้าง กับคำว่า ขาบ แปลว่า ชิ้นเล็ก ๆ เหมยขาบ คือน้ำค้างแข็งแผ่นบาง ๆ ภาษาไทยถิ่นเหนือเรียกไอน้ำที่แข็งตัวเพราะความเย็นจัดว่า เหมยแขง แต่ถ้าน้ำค้างที่ลงจัดจนเหมือนละอองฝน จะเรียกว่า เหมยช้าง (อ่านว่า เหฺมย-จ๊าง) คือน้ำค้างที่ลงหนักมากแข็งเป็นแผ่นใหญ่
- แม่คะนิ้ง (อ่านว่า แม่-คะ-นิ้ง) เป็นภาษาถิ่นพายัพและภาษาถิ่นอีสานบางถิ่น หมายถึง น้ำค้างแข็งแผ่นบาง ๆ
ดังนั้น เหมยขาบกับแม่คะนิ้ง จึงหมายถึงสิ่งเดียวกัน เพียงแต่เรียกด้วยภาษาที่แตกต่างกันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีคำอื่น ๆ ที่เรียกปรากฏการณ์นี้ เช่น น้ำค้างแข็ง น้ำค้างเกาะ น้ำแข็งเกาะ เป็นต้น
การเกิดเหมยขาบและแม่คะนิ้ง จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูฝน ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นและมีความชื้นสูง เช่น บริเวณยอดดอยหรือภูเขาสูง โดยไอน้ำในอากาศจะเกาะตัวกับวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณพื้นดิน เมื่ออุณหภูมิของอากาศลดลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ไอน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งเกาะติดกับวัตถุเหล่านั้น
เหมยขาบ และ แม่คะนิ้ง มักพบเห็นได้ในช่วงเช้าตรู่ เมื่ออากาศยังเย็นอยู่ เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสง เหมยขาบและแม่คะนิ้งก็จะละลายหายไป มักเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของธรรมชาติในช่วงฤดูหนาว