อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง ต่างกันรึเปล่า? มันคือเมนูเดียวกันมั้ย?
เมนูเครื่องดื่มที่เรียกว่าเป็นที่นิยมสำหรับคอกาแฟหลายๆ คนนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง เพราะว่าทั้งสองเมนูนั้นมีความหอมดื่มแล้วมีความสดชื่นตื่นตัวไปตลอดทั้งวันนั่นเอง ซึ่งเราเชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะมีความสับสนเพราะว่า อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง เป็นกาแฟดำเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองเมนูมันต่างกันนะ
วันนี้เราก็จะพาเพื่อนๆ มาดูความแตกต่างของ อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง กันซักหน่อยว่าทั้งสองเมนู นี้มีความแตกต่างกันอย่างยังไง มันแตกต่างกันรึเปล่า ใครสงสัยอยู่จะได้เข้าใจซะที
อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง ต่างกันรึเปล่า? มันคือเมนูเดียวกันมั้ย?
อเมริกาโน
กาแฟอเมริกาโน (Americano) หรือ กาแฟดำ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากในวงการกาแฟทั่วโลก เป็นกาแฟสดที่ได้มาจากการชงด้วยกาแฟคั่วบด วิธีการชงอาจแตกต่างกันไปแต่ละร้านหรือบุคคล แต่หลักๆ คือการนำกาแฟดั้งเดิมผสมน้ำร้อนเพื่อสร้างเครื่องดื่มที่มีรสชาติเข้มข้นและเปรี้ยว โดยมีปริมาณน้ำมากกว่ากาแฟดั้งเดิม
โดยตามหลักแล้ว กาแฟอเมริกาโน (Americano) จะเป็นการปรุงโดย กาแฟคั่วบด 1 ช็อตกับน้ำร้อนเพื่อให้เจือจาง ไม่ใส่น้ำตาล สารให้ความหวาน หรือใส่นม โดยรสชาติจะมีความเข้มข้นและเปรี้ยว
โอเลี้ยง
โอเลี้ยง เครื่องดื่มชนิดนี้มีที่มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่า “โอ” แปลว่าดำ คำว่า “เลี้ยง” แปลว่าเย็น ดังนั้นโอเลี้ยงจึงหมายถึงเครื่องดื่มเย็นสีดำ โอเลี้ยงมีส่วนผสมมาจากผงกาแฟเช่นเดียวกัน แต่เป็นผงกาแฟที่ใช้ชงแบบโบราณ โดยการนำเอาเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดแล้วมาผสมกับเมล็ดข้าวโพด มะขามคั่ว และอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนผสมเหล่านี้จะถูกนำไปคั่วลงในกระทะ ในระหว่างการคั่วจะมีการผสมน้ำเชื่อมและเนยลงไปด้วย เป็นตัวช่วยเสริมกลิ่นหอม เมื่อคั่วเสร็จแล้ว ก็นำไปบดเป็นผงสำหรับใช้ชงเป็นโอเลี้ยง หากเป็นการชงเติมน้ำแข็ง เราก็เรียกกันว่าโอเลี้ยงตามปกติ แต่ถ้าชงแบบร้อน จะรู้จักกันในชื่อว่า โอยั๊วะ
อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง ต่างกันยังไง?
ความแตกต่างของ อเมริกาโน กับ โอเลี้ยง อยู่ที่ส่วนประกอบในผงกาแฟที่นำมาใช้ในการชง อเมริกาโนจะมาจากเมล็ดกาแฟคั่วบดล้วนๆ ไม่มีการเติมน้ำเชื่อมผสม ในขณะที่โอเลี้ยงมีการคั่วพร้อมกับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามความแตกต่างของรสชาติของทั้งสองกาแฟนี้ก็กลายเป็นเรื่องของความสนใจและรสนิยมส่วนบุคคล ทั้งอเมริกาโนและโอเลี้ยงมีเสน่ห์และรสชาติที่เฉพาะตัวของมันเอง