ยุ้ย-ณพอาภา ดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 เปิดมุมมองแดนกีวีช่วงซัมเมอร์
แม้หน้าตาจะไม่ได้สวยระดับนางเอก แต่ความสามารถของสาวคนนี้ต้องบอกว่าเธอเก่งรอบด้านจริง ๆ ทั้งเรื่องของดนตรี ร้องเพลง แต่งเพลง เขียนหนังสือ ผลงานที่ผ่านมาของยุ้ยมีมากมาย อาทิ เป็นตัวแทนเยาวชนไทยในการทำหนังสือ ?9 ย่างตามรอยเท้าพ่อ? และสาวน้อยคนนี้คือเจ้าของลายมือ ?เรารักในหลวง? สติ๊กเกอร์ยอดฮิตที่ติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นเอง
นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าของเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาศิลปะนิเทศ สาขาเอกดนตรีตะวันตก เอกขับร้อง (Voice) ม.เกษตรศาสตร์ เธอคนนี้ชื่อ ?ยุ้ย-ณพอาภา เทวกุล ณ อยุธยา? ล่าสุดกับผลงานอัลบั้มชุดที่ 2 Love-i-View ซึ่งงานนี้ยุ้ยมีส่วนร่วมในการคิดและสร้างสรรค์เนื้อเพลงเองด้วย ?อัลบั้มนี้ยุ้ยเขียนเนื้อร้องเองทั้งหมด 3 เพลง มีเพลง แอบตะโกน อกหักตั้งแต่เริ่มรักเธอ และ Green please ทั้งหมดเป็นเพลงป๊อป ฟังสบาย ๆ ค่ะ อัลบั้มนี้เปรียบเหมือนเด็กผู้หญิงช่างฝัน อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี มองรักในแง่บวกค่ะ อยากให้ลองฟังกันดู อย่างเพลงแอบตะโกน เพลงนี้ยุ้ยแต่งไม่นานค่ะ เพราะเราอยู่ในช่วงโหมดของอารมณ์นั้นด้วย (ยิ้ม) เป็นประสบการณ์ตรงค่ะ ยุ้ยว่าน่าจะตรงใจใครหลาย ๆ คนด้วย อีกหนึ่งเพลงที่มีความพิเศษ Green please ยุ้ยอยากชวนให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมค่ะ จริง ๆ แล้วยุ้ยเป็นคนชอบเขียนไดอารี่ ชอบอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เลยอยากถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง? และอีกหลายบทเพลงที่สาวยุ้ยร้อยเรียงออกมาเป็นเรื่องราวนั้น เธอเล่าว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ต้องจากบ้านตั้งแต่ตอนอยู่ม.2 ไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศนิวซีแลนด์เป็นเวลา 1 เดือนเต็มใน Intermediate School, Hamilton ?ยุ้ยไปเรียนซัมเมอร์ค่ะ ไปอยู่รวม ๆ แล้ว 1 เดือนพอดีเลย ตอนนั้นอายุ 14 ปี แรก ๆ ก่อนที่กำลังจะไปนั้นไม่มีความรู้สึกว่ากลัวนะคะ ยังตื่นเต้นอยากไป แต่พอไปถึงรู้สึกว่าอยากกลับบ้านมาก ๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) เริ่มเหงา ๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่พออาทิตย์สุดท้ายเริ่มรู้สึกไม่อยากกลับบ้านอีกแล้ว (ยิ้ม) เพราะติดใจบรรยากาศการเรียน ติดใจประเทศนิวซีแลนด์ด้วยค่ะ ที่นี่เป็นประเทศสงบ อากาศดี เหมาะกับการเรียนด้วย?
ภาพน่ารักๆ ของยุ้ย-ณพอาภา เทวกุล ณ อยุธยา (คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่)
สาเหตุที่เลือกมาเรียนซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์เพราะว่าปลอดภัย ?ที่เลือกนิวซีแลนด์เพราะเป็นประเทศที่ยุ้ยประทับใจมากในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องของธรรมชาติ ความสงบของบ้านเมือง และที่สำคัญคนนิวซีแลนด์เขาน่ารักเป็นกันเองมาก ๆ ค่ะ ก่อนที่จะตัดสินใจมาเรียนที่นิวซีแลนด์ ยุ้ยมองไว้หลายประเทศเหมือนกันนะคะ จังหวะว่าคุณพ่อมีส่วนช่วยในการตัดสินใจด้วย คุณพ่อบอกว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศไม่น่ากลัว มีแต่ทุ่งหญ้ากับแกะ ถ้ายุ้ยไปเรียน บรรยากาศน่าจะดี ปลอดภัย คุณพ่อจะได้สบายใจหายห่วง? ?บรรยากาศการเรียนส่วนใหญ่จะมีกิจกรรมเข้ามาแทรกด้วยค่ะ ยุ้ยไปเรียนรวมกับเด็กนักเรียนของเขาเลย ในห้องมีนักเรียนประมาณ 25 คน แรก ๆ ก็แบบงง ๆ เหมือนกันนะ แต่หลัง ๆ เริ่มชิน เริ่มมีเพื่อนมากขึ้น สนุกมากเพราะได้เรียนเหมือนเขาหมดทุกอย่าง เรียนประวัติศาสตร์ของนิวซีแลนด์ เรียกว่าเขาเรียนอะไรเราได้เรียนเหมือนเพื่อนหมดค่ะ? หลังจากมีโอกาสได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นเมื่อตอนม.2 แล้ว เห็นทีสาวน้อยคนนี้จะติดใจหลงเสน่ห์แกะเข้าให้แล้ว ถัดมาอีก 1 ปี ยุ้ยจึงบินไปหาประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวเองอีกครั้ง ?ครั้งที่ 2 ที่ไปเรียนอยู่ม.4 เป็น High School ค่ะ ซึ่งจะเรียนหนักกว่าคราวไปตอนอยู่ม.ต้น ครึ่งวันเช้าจะเรียนวิชาที่ค่อนข้างซีเรียส พอครึ่งวันบ่ายเขาจะให้เราไปอยู่กับบัดดี้ของเรา ทุกวันจะเป็นแบบนี้ และทุกวันเสาร์จะพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ มีพาไปเที่ยว ไปทะเล ไปตามเมืองต่าง ๆ เช่น โอ๊คแลนด์ คือยุ้ยจะเรียนวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนทุกวันเสาร์-อาทิตย์เขาจะพาไปทัศนศึกษาควบคู่กันไป? ได้เปิดโลกทัศน์ในมุมมองที่แตกต่างไปจากสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ยุ้ยบอกว่าได้กลับมาอย่างรวดเร็วนั้นคือภาษาอังกฤษ ?ภาษาอังกฤษตอนนั้น การพูดการสื่อสารของยุ้ยไม่ได้ดีมากหรอกค่ะ แต่ยุ้ยพอมีพื้นฐานที่แน่นพอสมควรจากโรงเรียนจิตรลดา ทำให้ค่อนข้างไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ การเรียนนอกจากวิชาประวัติศาสตร์แล้วยังมีเรียนคณิตศาสตร์ด้วย ยุ้ยว่าเด็กไทยจะค่อนข้างเก่งเลขมากกว่า ตอนที่ยุ้ยไปเรียนครั้งแรกจำได้ว่าไปเรียนร่วมกับเด็กม.1 ของเขา ช่วงบ่ายของทุกวันจะมีกิจกรรมให้เราหลายอย่างเช่น มีเต้นรำ ตีกอล์ฟ ได้ทำกิจกรรมหลากหลายค่ะ ตรงนี้แหละ ยุ้ยว่าทำให้ได้ภาษาเร็ว เนื่องจากยุ้ยอยู่กับเพื่อน ๆ ตลอดเวลา ได้เจอ ได้พูด ทำให้เรียนรู้ได้เร็วมากขึ้น? เป็นการมาเยือนดินแดนเมืองแกะ 2 ปีซ้อน แต่หลังจากนั้นยุ้ยเว้นวรรคไป 2 ปี เพราะเธอเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับการสอบเอ็นทรานซ์จนสามารถเข้าเรียนคณะที่ตัวเองตั้งใจอยากจะเรียนได้ เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง น้องยุ้ยมีโอกาสได้โกอินเตอร์ไปฝึกปรือภาษาอีกรอบที่ Waikato University Language Institute ?ไปเรียนตอนเด็ก ๆ จะมีกิจกรรมสอดแทรกเยอะ แต่พอมาเรียนตอนอยู่มหาวิทยาลัย คราวนี้เรียนเต็มวันแล้ว เรียนหนักนิดหน่อย วิชาความรู้จะอัดแน่นมากกว่าเดิม เป็นความรู้ระดับมหาวิทยาลัย แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของยุ้ยยังอยู่กับแฟมิลี่เหมือนเดิมค่ะ แต่เดินทางไปไหนมาไหนจะไปด้วยตัวเอง? ?ยุ้ยว่าเราได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองไปอีกแบบนะคะ เป็นการเรียนรู้มากกว่าที่เราเคยเป็น ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองจริง ๆ เห็นโลกอีกแบบหนึ่งนอกจากที่เราอยู่กรุงเทพฯ มีมุมมองที่กว้างขึ้น อยู่ 1 เดือน นอกจากได้ภาษาแล้ว ยุ้ยยังได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย อยู่บ้านเรามีคนคอยทำโน่นทำนี่ให้ตลอด แต่พออยู่ต่างประเทศเราต้องคอยดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ตั้งแต่เก็บกวาดห้อง ล้างห้องน้ำ ซักผ้า การทำอะไรด้วยตัวเองจะสั่งสอนให้เราโตเป็นผู้ใหญ่โดยอัตโนมัตินะคะ? ?อีกหนึ่งเรื่องที่ยุ้ยรู้สึกว่าเราได้กลับมาในระดับหนึ่ง นั่นคือการตัดสินใจ คืออยู่ที่โน่นยุ้ยสามารถทำอะไรด้วยตัวเอง จะไปไหนมาไหน จะทำอะไร ตรงนี้ถือเป็นข้อดีด้วยเมื่อถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองจริง ๆ ไม่มีคุณพ่อคุณแม่คอยช่วยตัดสินใจให้แล้ว ซึ่งเราจะกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองมากขึ้น ทำให้ยุ้ยโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิมด้วยค่ะ? เรียกว่าไปฝังตัวเป็นระยะ ยุ้ยนับนิ้วมือแล้วรวมกว่า 5 ครั้งได้ที่มีโอกาสได้ไปเรียนและเที่ยวในนิวซีแลนด์ และในนั้นมีเรื่องราวที่น่าประทับใจรวมอยู่ด้วย ?เหตุการณ์ที่ประทับใจในระหว่างที่ไปเรียน เป็นความซนของเด็ก ๆ ในช่วงวัยนั้นมากกว่าค่ะ คือตอนที่ไปครั้งแรกเลย โรงเรียนเขาจะมีกฎว่านักเรียนต้องทำแซนด์วิชมากิน หรือไม่ก็ต้องซื้อในโรงเรียนเท่านั้น แต่ด้วยความซนของเด็ก ๆ ที่อยากกินนอกโรงเรียนบ้าง ยุ้ยกับเพื่อนเลยแอบออกมาซื้อขนมนอกโรงเรียน แอบซื้อข้าวข้างนอก เป็นความรู้สึกของเด็กที่ตื่นเต้นมากกว่าค่ะ? ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของสาวยุ้ยในต่างแดนไปแล้ว ล่าสุดเธอมีแพลนจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษเร็ว ๆ นี้ ?หลังจากเสร็จจากอัลบั้มนี้แล้วยุ้ยกำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ตอนนี้อยู่ในระหว่างเรียนภาษาเพิ่มเติมด้วย และกำลังสอบ IELTS อีกประมาณ 1 ปีค่ะ เพราะว่ามหาวิทยาลัยกว่าจะเปิดเทอมก็ประมาณเดือนกันยายนปีหน้า? ส่วนเหตุผลในการเลือกไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ยุ้ยบอกว่า ?ที่เลือกเรียนที่ประเทศอังกฤษเพราะว่าหลักสูตรปริญญาโทของอังกฤษเขาใช้ระยะเวลาเรียน 1 ปีเท่านั้น ยุ้ยเลือกเรียนสาขาบริหารจัดการค่ะ หลังจากที่จบปริญญาตรีเอกดนตรีที่ม.เกษตรศาสตร์ การที่ยุ้ยเลือกเรียนทางด้านบริหารจัดการ เพราะเราสามารถนำไปประยุกต์ได้ ในวันหนึ่งเราอาจไปบริหารค่ายเพลง (ยิ้ม) หรือทำธุรกิจอย่างอื่น? ?คุยกับทางมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ อีก 1 ปีคงได้ไปเรียนค่ะ ตั้งใจว่าจะเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่เองค่ะ เพราะการเรียนปริญญาโทต้องเรียนหนักมาก ทุกอย่างต้องชัดเจนมากกว่าเราไปเรียนซัมเมอร์แล้ว ถ้าอยู่กับโฮสคงจะไม่ค่อยสะดวก ตอนนี้ยุ้ยเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยเป็นห่วงแล้วค่ะ เพราะอีกอย่างยุ้ยไม่ได้ทำตัวให้น่าเป็นห่วงด้วย (ยิ้ม) ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ยุ้ยเลือกเมือง Bath, Bristol กับเมือง Exeter มองไว้แค่ 3 เมืองค่ะ เพราะหนึ่งบรรยากาศดี สองเป็นเมืองที่สงบ ติดทะเล และที่สำคัญไม่น่ากลัวด้วย? สุดท้ายน้องยุ้ยคนเก่งฝากเรื่องเรียนถึงเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ?การเรียนเราต้องเรียนตลอดชีวิต ช่วงชีวิตวัยเรียนเป็นช่วงที่สนุกและมีค่ามาก ๆ อย่าลืมตั้งใจเรียนด้วย ถ้าอยู่ในช่วงเอ็นทรานซ์ ขอให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นอย่างจริงใจ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเรา สำหรับคนไหนที่มีโอกาสได้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ยุ้ยมองว่าเป็นเหมือนอีกทางเลือกหนึ่ง เป็นการเปิดโลกทัศน์ของเราเอง ถ้าใครได้มีโอกาสแล้ว ขอให้ทำทุกนาทีให้คุ้มค่า ตั้งใจเรียนนะคะและอย่าลืมนำความรู้กลับมาร่วมกันพัฒนาประเทศชาติต่อไป? เห็นไหมว่าน้องยุ้ยนอกจากจะเก่งรอบด้านแล้ว เธอยังเป็นสาวที่คิดบวกอีกด้วย เรียกว่าเป็นอนาคตของชาติที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพจริง ๆ ที่มา " เรียนรอบโลก " ผู้เขียน : oakky วิไลรัตน์ ต่ายประยูร ช่างภาพ : นายหรั่ง ++ สาระ ความรู้ การเรียน การศึกษา แฟชั่นอินเทรนด์ คลิก!!! http://campus.sanook.com/อัลบั้มภาพ 7 ภาพ