ไม่เหมือนเดิม-ไม่เป็นไร ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
หนุ่มน้อยหน้าตาดีตี๋อินเทรนด์คนหนึ่ง ดังยิ่งกว่าพลุแตกตั้งแต่ออกเทปอัลบั้มแรก และแรงไม่หยุดอย่างฉุดไม่อยู่ จนหลายคนเชื่อมั่นว่า ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นี่ละคือซุปเปอร์สตาร์ในอนาคต
แต่วันหนึ่งพายุก็กระหน่ำฟ้าใสๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งจากภาพและข่าวที่แสดงนัยยะของคนสนิทระหว่างเขากับเสี่ยใหญ่ ทำเอาลื่นล้มระหว่างทาง
แม้จะลุกขึ้นมาอธิบายต่อข้อกังขาแล้ว แต่ก็มีคำถามตามมาว่า หรือเส้นทางเดินของว่าที่ซุปเปอร์สตาร์คนนี้จะเปลี่ยนไป?
"ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยขาลง ขาผมยังเท่าเดิม" ฟิล์มยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นถึงข้อสงสัยที่ว่า
"กราฟชีวิตของดาราเป็นเรื่องปกติที่จะมีขึ้นมีลง แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้ เพราะงั้นไม่มีคำว่าขึ้นหรือลงในชีวิตผม"
เจ้าตัววิเคราะห์ว่าที่ใครๆ ก็ตั้งข้อสังเกตในแง่นั้น อาจเป็นเพราะว่าเพียงก้าวเท้าเข้ามาคนทั้งประเทศก็จับตาทันที เลยเกิดกระแสขึ้น แต่ไม่มีใครหรอกที่จะอยู่อย่างนั้นได้ตลอด เพราะงั้นสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ฟิล์มมองว่าเป็นสภาวะที่มั่นคง
"ทุกคนที่เข้ามาเจอแบบนี้หมด แต่ผมเยอะกว่าคนอื่นมากหน่อยแค่นั้นเอง วันนี้เป็นผม วันต่อมาก็เป็นคนอื่นแล้ว"
แต่ถ้าไม่มีข่าวจะดีกว่านี้ไหมนะ
"ไม่หรอก จากที่ผมวัดนะข่าวทำอะไรผมไม่ได้ด้วยซ้ำ กาลเวลาบอกอะไรได้หลายอย่าง" เจ้าตัวยืนยัน
พิสูจน์ได้จากงานในปีนี้ที่ฟิล์มบอกว่ามากกว่าทุกปี ทั้งอัลบั้มเพลง หนัง 1 เรื่องซึ่งกำลังจะฉายช่วงเดือนธันวาคมอย่าง ฿ซูเปอร์แหบ แสบ สะบัด฿ ที่มารับบทหนุ่มเต้นเก่งแต่มีเสียง "แหบเป็ด" ที่ฟิล์มบอกว่าต้องใช้ความพยายามตั้งนานกว่าจะถูกใจ เรื่องนี้ยังร่วมงานกับ เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และประกบกับ มด-คุณัชญา ชัยรัตน์ ที่เล่นหนังเรื่องแรกด้วย
นอกจากนี้ยังมีละคร 2 เรื่องคือ เสน่ห์นางงิ้ว และ มนต์รักข้าวต้มมัด ไม่รวมพรีเซนเตอร์สินค้า ที่ทำให้คิวแน่นตลอดทั้งปี และที่สำคัญคือกำลังใจจากฟิล์มแฟมิลี่ที่ไม่เคยลดลง แถมยังมีสมาชิกยังเพิ่มขึ้นทุกวัน
รวมภาพ!! หล่อๆ ของฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
ที่ใช้คำว่าฟิล์มแฟมิลี่ เพราะเจ้าตัวบอกชัดๆ เลยว่า ไม่เคยมีแฟนคลับ แฟนเพลง ทุกคนคือครอบครัว ทั้งเด็กวัยรุ่นที่ชอบเพลง เด็กมหาวิทยาลัยที่ชอบงานหนัง สาวโรงงานและแม่ๆ ทั้งหลายที่ติดละคร รวมถึงญาติๆ ที่ชอบฟังฟิล์มพูดสดๆ "ผมใช้ใจแลกใจ จริงใจกับทุกคน ผมไม่เคยคิดว่าเป็นผมดารา ส่วนเขาเป็นแฟนคลับ" ฟิล์มว่า รักขนาดไหนกัน... "เขาจะคอยเช็คคิวงานแล้วก็ตามไปงานต่างๆ ด้วย วันหนึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยนะครับ นี่เฉพาะในกรุงเทพฯไม่รวมจากเว็บไซต์ อย่างวันเกิดปีที่แล้วเขาไปเช่าสนามฟุตบอล 1 วัน เพื่อเอาผ้ามาเย็บติดกันให้มีขนาดเท่าสนามบอลเลยนะครับและช่วยกันเขียนคำว่า แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แล้วเอาไปแขวนไว้ที่ดาดฟ้าบ้านผม สูงตั้ง 7 ชั้นเลยนะ ยังสามารถทำได้ พอผมขับรถเข้ามาก็ปล่อยผ้าลงมาคลุมหน้าบ้าน โห ช็อคสุดสุด ยังคิดอยู่เลยว่าผมนี่มีบุญจริงๆ คนรักขนาดนี้" เป็นการเล่าแบบสุดยอด-สุดยอด ที่มาพร้อมรอยยิ้มสดใสผ่านแววตาเปล่งประกาย ก่อนจะบอกอีกว่าต่อให้เจอข่าวแค่ไหน ก็ยังดีใจที่ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขา ที่มั่นใจขนาดนี้ก็เพราะว่า... "ถ้าเขาเชื่อ เขาจะมาตามดูแลเราเหมือนเดิมทำไมล่ะ" ข่าวต่างๆ ทั้งทำนองจริงจังหรือแซวเล่นๆ เลยมีผลในแง่บวกต่อเขา เพราะนั่นหมายความว่าสื่อยังคงสนใจเลยหยิบมาพูดถึง "พอแซวเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็เขียนแก้ให้ วงการเป็นอย่างนี้ อยู่สักพักจะรู้เองทั้งธรรมชาติของวงการ และการดูแลตัวเอง" การดูแลตัวเองที่ว่า คือการพัฒนางานอย่างสม่ำเสมอ เพราะความฝันของเจ้าตัวคืออยากอยู่ในวงการบันเทิงตลอดไป "ผมไม่เชื่อเรื่องหมดอายุ คุณสามารถอยู่ในวงการได้ จนกว่าคุณจะไม่มีแรงเล่น ดูอย่างคนที่ผมนับถือหลายคนสิ พี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) อาหนิง (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) หรือพี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ไม่มีใครตกสักคน และผมก็จะเป็นคนคนนั้นด้วย" เขาพูดด้วยแววตามุ่งมั่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่คิดถึงอนาคต เพราะตอนนี้เจ้าตัวเองก็ก้าวมาสู่งานเบื้องหลังด้วยบริษัท เฮงฮุน ที่กำลังจะมีอายุครบ 3 ปีแล้ว เจ้าของบริษัทวัย 24 ปี บอกว่า บริษัทนี้รับผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งงานมีเพียบ แต่แทบไม่เคยมีใครรู้ "อย่างปีนี้ก็มีหลายรายการ อย่างกว่าจะเป็นดาวก็ทำหลายเทป หรือชิลด์ เอาท์ ทางช่อง 5 หน้าที่ของผมคือครีเอทีฟ กำกับรายการ ดูแลการผลิต เบื้องหลังทั้งหมด แพลนปีหน้าก็มาแล้ว แต่ขออุบไว้ก่อนแล้วกัน" เรียกว่าขอทำทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง "ใช่ครับ" ฟิล์มพยักหน้ารับ ก่อนที่จะบอกอีกว่าสำหรับเขาแล้วแม้ทั้งสองงานจะมีความต่างกันแต่ทั้งสองก็คืองานบันเทิงที่รัก ซึ่งมอบความสุขให้คนดูไม่ต่างกัน นอกจากนี้ฟิล์มก็ยังหาเวลาไปเป็นทูตของฮาบิแทตช่วยสร้างบ้านในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงรับเด็กกำพร้ามาเป็นลูกบุญธรรมถึง 4 คน มาหลายปีแล้ว โดยฟิล์มจะส่งเงินให้ทุกเดือนไปยังมูลนิธิ ด้วยเหตุผลที่ว่า "เกิดมาเดี๋ยวก็ตาย ทำอะไรให้สังคมบ้าง ถึงตัวตายไปแต่ความดีก็ยังอยู่ อย่างเราโชคดี มีโอกาสมากกว่าคนอื่น ก็ควรให้โอกาสต่อคนอื่นเขาบ้าง มีแรงจะช่วยคนก็ต้องช่วย" แต่ที่เรื่องราวเหล่านี้แทบไม่มีใครรู้ ก็เพราะ... "ถามถึงจะบอก ไม่ถามก็ไม่บอก ไม่เห็นจำเป็นต้องป่าวประกาศใคร" ฟิล์มระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะว่า "อย่าไปยึดติด อย่าไปคาดหวัง ชีวิตก็จะมีความสุข" ++ สาระ ความรู้ การเรียน การศึกษา แฟชั่นอินเทรนด์ คลิก!!! http://campus.sanook.com/อัลบั้มภาพ 8 ภาพ