เบสท์ แห่งวง C-Quint แนะเรียนในห้อง ไม่ต้องเรียนพิเศษ
เบสท์-นัฐพล วีระอนันตวัฒน์ หนึ่งในสมาชิกวง C-Quint บอยแบนด์น้องใหม่ ณ บ้านอาร์เอส เพียงแค่ปล่อยซิงเกิลเพลงแรกออกมา หน้าไม่อาย ก็เป็นที่ฮิตติดใจของสาว ๆ กันแล้วค่ะ นอกจากเพลงฮิตแล้ว 5 หนุ่มยังเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวน้อยสาวเทียมอีกด้วย
ฉบับนี้พี่ oakky พามารู้จักกับเบสท์ หนุ่มหน้าอ่อน มาพร้อมกับคา แร็คเตอร์ร่าเริง แจ่มใส เห็นภาพการเป็นนักเต้นของเขาแล้ว ต้องบอกว่าแข็งแรงและมีเสน่ห์มาก ๆ อยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้หรือเปล่าคะ ตามพี่ oakky มาเลย เริ่มต้นจากชายหนุ่มคนธรรมดา กลายมาเป็นเบสท์ บอยแบนด์ C-Quint ผมเป็นคนชอบร้องเพลงอยู่แล้วครับ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้แสดงออก จริง ๆ แล้วลึก ๆ ผมอยากเป็นนักร้องเหมือนกันนะ (หัวเราะ) เวลาดูโทรทัศน์เห็นนักร้องคนนี้เวลาเขาอยู่บนเวทีแล้วเออ! ดูดีนะ มีอยู่วันหนึ่งผมไปมหาวิทยาลัยได้ไปเห็นวงดนตรีของเพื่อน ตรงนั้นแหละทำให้ผมเริ่มมีความสนใจอยากประกวดดนตรีกับเขาเหมือนกัน วันหนึ่งผมได้มีโอกาสรู้จักกับพี่ ๆ ทีมงานที่เขากำลังหาศิลปินหน้าใหม่เพื่อทำเป็นวงบอยแบนด์ พี่เขามาชวนผมให้ไปออดิชั่น ผมคิดว่าในเมื่อนี่คือสิ่งที่ดี ฉะนั้นเราไม่ควรปฏิเสธ (หัวเราะ) ปรากฏว่าผมได้เข้ามาอยู่ 1 ใน 5 ของวงนี้ ซึ่งโอกาสตรงนี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก น้อยคนนะที่จะได้เข้ามาทำงานทางด้านนี้ ดังนั้น เบสท์ขอใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดด้วยการตั้งใจทำงานอย่างดีครับ
วง C-Quint จากวันแรกจนถึงวันนี้เรียกว่ากระแสร้อนแรงจริง ๆ เพื่อน ๆ ให้การต้อนรับพวกผมดีมากเลยครับ ถือเป็นกระแสตอบรับที่ดีนะครับ จริง ๆ แล้วมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีนั่นแหละครับ ด้านที่ไม่ดีพวกเราจะนำมาปรับปรุงแก้ไข ส่วนด้านดี ๆ ผมจะเก็บสิ่งดี ๆ ไว้ให้ตัวเองได้ชื่นใจ วันที่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกจำได้ครับว่าผมตื่นเต้นมาก มีหลายอารมณ์ปะปนอยู่ ทั้งดีใจ ประทับใจ ต้องขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากครับที่ให้กำลังใจเราเยอะมาก เพื่อน ๆ น้อง ๆ ร้องเพลงของพวกเราได้ ตื่นเต้นจนเต้นไม่ออก เต้นผิดเต้นถูกเลยครับ ความภาคภูมิใจของตัวเองและครอบครัววีระอนันตวัฒน์ ถึงวันนี้ผมรู้สึกภูมิใจมากครับ ที่ได้ก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงนี้ได้ จะว่าเป็นความฝันของตัวเองเลยไหมก็ไม่เชิงนะครับ เพียงแต่ว่าผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ได้ จะเป็นความบังเอิญหรือเปล่าไม่รู้นะ ถ้าเป็นความบังเอิญอย่างเดียวคงไม่ได้หรอกครับ ต้องมาควบคู่กับความตั้งใจของเราด้วย คุณพ่อคุณแม่ท่านรู้ครับว่าเบสท์ชอบการร้องเพลงและรักการทำงานตรงนี้ ฉะนั้น เขาไม่ปิดกั้นครับ ลูกชอบอะไรเขาชอบด้วยเหมือนกัน เหมือนเขามองดูเราว่า เออวันหนึ่งลูกเราก็มาถึงจุดนี้ได้ ผมว่าคุณพ่อคุณแม่น่าจะภูมิใจผมบ้างเหมือนกันนะครับ ส่วนเรื่องการเรียนพ่อแม่ไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะท่านเริ่มรู้แล้วว่าเบสท์แบ่งเวลาได้ ได้รู้เรื่องราวก่อนจะก้าวเข้ามาทำงานเป็นนักร้องแล้ว คราวนี้มาดูหน้าที่หลักของหนุ่มเบสท์กันบ้าง นั่นคือการเรียน เขาจะบริหารเวลาอย่างไร และเบสท์จะดร็อปหรือเปบค่ะ
ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3 ม.เอแบค คณะบริหารธุรกิจ เบสท์เป็นรุ่นน้องของพี่แบงค์ครับ เราเรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกันด้วย ยอมรับเลยว่าช่วงนี้แบ่งเวลาเรียนค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะเริ่มมีแผนโปรโมตอัลบั้มแล้ว อาจจะมีบ้างที่ขาดเรียนแต่ว่าไม่บ่อยหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่ตารางงานกับตารางเรียนนั้นไม่ค่อยชนกัน เพราะพี่ ๆ เขาเข้าใจว่าผมมีหน้าที่หลักคือเรียน แต่ถ้าแบบสุดวิสัยจริง ๆ ไม่สามารถเลื่อนได้แล้ว หรือไม่มีทางหลีกได้จำเป็นต้องหยุด แต่ถ้าวันไหนหยุดผมจะส่งจดหมายให้ทางมหาวิทยาลัยทราบตลอดถึงเหตุผลในการหยุดครับ อีกอย่างถ้าไม่ได้เข้าเรียนเพื่อน ๆ ผมจะช่วยในเรื่องของการเรียนได้มากเลย (หัวเราะ) การเรียนผมว่าเพื่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะ เพื่อนผมเขาจะช่วยเก็บเอกสาร การบ้าน และผมจะเป็นคนมาตามงานเองทีหลังว่าต้องส่งอะไรบ้าง ซึ่งเพื่อน ๆ เข้าใจผมนะครับว่าเวลาเราไม่เหมือนคนอื่น อย่างเรื่องรายงานที่ต้องทำเป็นกลุ่ม เพื่อนเขาเข้าใจครับ (ยิ้ม) ดร็อปหรือไม่ดร็อป หลัก ๆ อย่างที่ผมบอกครับว่า ตารางเรียนผมจะให้พี่ ๆ เขาเป็นคนคอยดูแลจัดคิวให้ไม่ตรงกับวันเรียน ยกเว้นว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งพี่ทีมงานเข้าใจครับ และนโยบายบริษัทสนับสนุนด้านการเรียนของศิลปินด้วย ตอนนี้ผมต้องหาทางเลี่ยงเองด้วยการเลือกลงวิชา ส่วนใหญ่เบสท์จะเลือกเรียนช่วงเช้า ตอนบ่ายจะได้มีเวลาไปทำงานครับ เพราะส่วนตัวผมไม่อยากดร็อปไป และไม่คิดที่จะดร็อปด้วยเสียเวลานะ เหลืออีกปีเดียวเอง คงต้องสู้ ๆ กันต่อไป (ยิ้ม) ถือว่าผมแบ่งเวลาได้นะ เพราะยังมีเวลาไปเข้าห้องเรียนบ่อยครับ
เคล็ด (ไม่) ลับสำหรับการเรียนให้รู้เรื่อง เทคนิคในการเรียนของผมคือ เวลาเราเข้าเรียนอย่าไปคุยมาก (หัวเราะ) พยายามตั้งใจฟังอาจารย์ เรียนให้รู้เรื่อง อาจารย์พูดอะไรจดเลกเชอร์ไว้จะได้เอาไว้ท่องตอนสอบ ไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะ และไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษครับ เรียนในห้องผมว่าเพียงพอแล้ว ผลการเรียนที่ผ่านมาอาจจะมีวูบวาบบ้าง เพราะตอนแรกมีการปรับตัวไม่ทัน แต่ผมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลางแล้วสำหรับตัวเอง ตอนแรกจะตกลงเยอะนิดหนึ่ง แต่ตอนหลังเริ่มรู้แล้วว่าจะจัดการกับระบบการเรียนของตัวเองอย่างไร คือตอนนี้ผมมีงานเข้ามาเยอะ การลงเรียนอาจไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เลือกลงวิชาให้น้อยลงกว่าเดิม แต่ไม่มีดร็อปเรียนครับ อันนี้ต้องเน้นเลย เบสท์บอกว่าที่เลือกเรียนทางด้านบริหารธุรกิจ เพราะอยากเป็นผู้บริหาร ไม่ได้เดินตามรอยเท้าพ่อตัวเองนั่นคือการเรียนทางด้านแพทยศาสตร์ จริง ๆ ที่บ้านผมไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัวอะไรครับ คุณพ่อผมเป็นทันตแพทย์ และมีคนถามเหมือนกันว่าทำไมไม่เรียนต่อทางด้านนี้ แต่ผมค่อนข้างจะมาทางสายธุรกิจมากกว่า ไม่ได้ชอบทางด้านที่คุณพ่อเรียน เบสท์คิดว่าเราเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดีกว่าครับ ทำให้เราอยากเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ สนใจสิ่งรอบตัว ที่สำคัญเรียนแบบไม่เบื่อด้วย ตอนนี้กำลังตัดสินใจอยู่ครับว่าจะเรระหว่าง IBM กับ Marketing จริง ๆ ผมสนใจที่จะเรียนระหว่างประเทศด้วย แต่ค่อนข้างยากเหมือนกัน ที่เลือกเรียนทางด้านนี้เพราะเบสท์อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากรู้วิธีการบริหารธุรกิจและทำอย่างไรให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
อนาคตที่มุ่งหวัง ผมจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ตั้งใจเรียนด้วย สำหรับผลการเรียนไม่ได้กำหนดว่าจะต้องได้เท่าไหร่ ตอนนี้วางแผนคือให้ตัวเองเรียนจบปริญญาตรีก่อนต่อจากนั้นค่อยว่ากันว่าจะเรียนต่ออะไรอีกครับ แต่ผมตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโทแน่นอน ทางด้านงานเพลงอยากทำต่อไปเรื่อย ๆ ถ้ามีโอกาสได้เล่นละคร เป็นพิธีกรก็อยากทำครับ (หัวเราะ) อีกอย่างที่ใจอยากทำคือทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ย้อนกลับไป ถ้าผมไม่ได้เป็นเบสท์ C-Quint นะ ผมคงเรียนและใช้ชีวิตเหมือนเพื่อนทั่วไป หรืออาจจะร่วมหุ้นกับเพื่อนทำธุรกิจอะไรไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เพื่อนเขาเปิดไปแล้วครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไปหุ้นด้วยเพราะไม่มีเวลาไปดูแลด้วย ได้รู้จักหนุ่มเบสท์เกือบทุกมุมแล้ว มาดูในมุมของการเป็นนักกีฬากันบ้าง เบสท์จัดว่าเป็นคนเล่นกีฬาได้ทุกประเภทจริง ๆ กว่า 10 ชนิดด้วยกัน อาทิ ฟุตบอล บาสเกตบอล แบดมินตัน สนุ้กเกอร์ ว่ายน้ำ โบว์ลิ่ง กอล์ฟ วอลเลย์บอล ปิงปอง สคอวซ เทนนิส ผมเป็นคนเล่นกีฬาเยอะครับ ที่ชอบที่สุดคือฟุตบอล ผมเล่นได้หลายตำแหน่งมาก ยกเว้นผู้รักษาประตูครับ (หัวเราะ) เวลาเล่นผมจะศึกษาทุกอย่างว่าแต่ละตำแหน่งต้องมีเทคนิคอย่างไร เล่นเป็นหมดทุกอย่าง เพราะผมชอบด้วย การเล่นกีฬานอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว กีฬายังสอนเราในเรื่องของการแพ้ชนะในเกมการแข่งขัน ทุกคนควรมีน้ำใจนักกีฬา สุดท้าย หนุ่มเบสท์บอยแบนด์ยอดฮิตฝากบอกถึงน้อง ๆ วัยเรียนว่า อยากให้ทุกตั้งใจเรียน สำหรับแฟนคลับอย่าโดดเรียนมาเด็ดขาดครับ พวกเราทุกคนขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ แต่อย่าทำให้เสียการเรียนนะครับ ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ อย่าโดดเรียนเด็ดขาด เป็นเด็กต้องตั้งใจเรียนนะคะ
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ