ณัฐ-ณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง เน้นการเรียนเป็นอันดับหนึ่ง
หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส มาดเท่บาดใจ พ่วงมากับความสูง 188 เซนติเมตร เรียกว่าตอนนี้เขากำลังกลายเป็นขวัญใจคนใหม่สำหรับสาว ๆ...มาทำความรู้จักกับ ณัฐ-ณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง กันดีกว่า หนุ่มณัฐเริ่มต้นจากการเป็นนายแบบโฆษณา ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดง ตามด้วยการรับบทเด่นเป็นพระเอก ทั้ง เทใจรักนักวางแผน แม่ครัวคนใหม่
ล่าสุดตอนนี้ดีกรีความดังกำลังพุ่งปรี๊ด เพราะผลงานเรื่องล่าสุดที่กำลังออนแอร์อยู่นั้น พริกไทยกับใบข้าว ทางช่อง 3 โกยเรตติ้งติดอันดับละครตอนเย็นยอดฮิตไปแล้ว ณัฐเล่าว่า ศาสตร์การแสดงของเขาเริ่มต้นจากศูนย์และค่อย ๆ พัฒนามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับที่หลายคนยอมรับว่าเขาคือนักแสดง และประการสำคัญที่ทำให้เขามีพัฒนาการเร็วเพราะได้ร่วมงานกับนักแสดงที่มีความสามารถ ต้องขอบคุณพี่ ๆ และนักแสดงทุกท่านที่สามารถดึงให้ผมได้ทำงานอย่างมืออาชีพมากขึ้นครับ อย่างผมได้เล่นละครกับแพท เขาเป็นนางเอกที่แสดงได้เก่งมาก ตรงนี้แหละ ผมได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ มาเยอะ รวมถึงการพูดภาษาไทยด้วย ทำให้พูดได้ชัดมากกว่าเดิม ผมมาอยู่เมืองไทยได้ 3-4 ปีแล้ว คือพอมีพื้นฐานมาบ้างเพราะคุณแม่จะพูดภาษาไทยกับผม เรียกว่าได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กแล้วเหมือนกัน แรก ๆ อาจมีติดขัดบ้างเพราะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ตอนนี้เริ่มคล่องแล้วครับ เรื่องการอ่านและการเขียนพอได้บ้างแต่ยังไม่ชำนาญ ต้องขอบคุณคุณแม่เลยครับที่เคี่ยวเข็ญให้ผมพูดไทย (หัวเราะ) นั่นเป็นหมวกใบที่สองของหนุ่มณัฐ คราวนี้มาดูหมวกใบที่เขาสวมอยู่เป็นประจำ และยังต้องสวมต่อไปอีก 2 ปี นั่นคือการเป็นนักศึกษา ปัจจุบันณัฐกำลังศึกษาอยู่ที่ม.กรุงเทพ (ภาคอินเตอร์) เลือกเรียนสาขา Business English
ช่วงวิกฤตของการเรียนที่เกิดขึ้น การแบ่งเวลาเรียนตอนแรกยอมรับเลยครับว่าแบ่งไม่ค่อยได้ เพราะช่วงที่ถ่ายละครเรื่องแม่ครัวคนใหม่ เป็นช่วงที่กำลังเรียนจบไฮสคูล (โรงเรียนนานาชาติฝรั่งเศส) และต่อด้วยการถ่ายละครเรื่องพริกไทยกับใบข้าว คือไม่มีช่องว่างเลยครับ ประกอบกับผมมีปัญหาเรื่องเอกสารการสมัครเรียนไม่พร้อมด้วย ผมเลยต้องดร็อปเรียนไปหนึ่งปีครับ จังหวะว่าเป็นรอยต่อด้วย กลายเป็นว่าผมไม่ได้เรียนไปปีหนึ่ง แต่หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างลงตัวแล้วผมรีบมาสมัครเรียนต่อที่ม.กรุงเทพเลยครับ ตอนนี้กำลังขึ้นปีที่ 2 ครับ เลือกเรียนทางด้านนี้เพราะรู้สึกว่าสามารถนำไปใช้ได้จริง แต่อีกนัยหนึ่งคือเรียนคณะนี้วิชาปฏิบัติไม่มีครับ อีกอย่างผมเข้ามาทำงานตรงนี้ เล่นละครก็ยากแล้ว และถ้าเราเลือกเรียนคณะที่ต้องใช้เวลาทุ่มเทมาก ๆ เราอาจจะไม่ไหวเหมือนกัน Business English ไม่มีเรื่องของเลขเข้ามาเกี่ยวข้องมากนัก (ยิ้ม) ส่วนใหญ่จะเน้นทางด้านภาษาที่ใช้ในการสื่อสารธุรกิจครับ เรียนแล้วสนุกดี ชอบและทำให้เรามีพื้นฐานของธุรกิจมากขึ้นด้วย กระจกสะท้อนภาพอดีต กับการเป็นเด็กหลังห้องไฮสคูล สมัยที่เรียนอยู่ไฮสคูลเป็นเด็กเรียนไม่เก่งเลยครับ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ อยากเรียนให้เข้าใจ ซึ่งผมพยายามจะทำความเข้าใจอยู่เหมือนกันนะครับ แต่อาจารย์เขาสอนค่อนข้างเร็วครับ ผมเข้าใจนะ อาจารย์ไม่สามารถมารอเราได้ ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะจบโปรแกรมไม่ทัน ตอนสอบ final ทุกวิชาผมผ่านหมดเลยนะครับ แต่ติดอยู่วิชาเดียวคือเลขนี่แหละตกได้มา 4 เต็ม 20 คะแนนเอง (หัวเงปีเราไม่ได้เรียนมาเลย วิธีแก้ไขปัญหาของผมจริง ๆ แล้วเราไม่ควรจะหนีกับความไม่รู้นะครับ เพราะยิ่งหนีเราจะยิ่งไม่มีทางเข้าใจได้เลย ปัจจุบันยังไม่ชอบเหมือนเดิม (หัวเราะ) ตอนนั้นผมเลือกเรียนสายวิทย์ด้วยเพราะอยากเป็นหมอ อยากเป็นวิศวกร แต่พอเริ่มไปเรียนรู้สึกว่ายากมาก เลยมาเลือกเรียนทางด้านธุรกิจดีกว่า
(คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่)
7 วัน ทั้งเรียนและทำงาน ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่อง อเวจีสีชมพู อยู่ครับ และกำลังเร่งปิดกล้องด้วยเนื่องจากละครได้คิวฉายมาแล้วครับ ถามว่าหนักไหม ค่อนข้างหนักพอสมควร แต่ยังถือว่ารับได้อยู่ พยายามจะดูแลเรื่องการเรียนไม่ให้เสีย เพราะเราเหมือนเสียเวลามาปีหนึ่งแล้ว" ผมไม่ได้เรียนเพื่อหวังเกียรตินิยมครับ เพราะผมรู้ตัวว่าไม่ได้เรียนเก่งอะไรมาก อย่างเพื่อนนักแสดงบางคนเขาสามารถทำได้ คืออ่านตำรามือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือบท ผมพยายามไม่ให้ติด F นะ เพราะจะได้ไม่ต้องลงเรียนใหม่ ผลการเรียนของเทอมที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.4 ครับ ถือว่าพอใจแล้วสำหรับเกรดเท่านี้ เพราะช่วงนั้นไปเรียนทุกวัน เป็นเทอมแรกของปีหนึ่ง แรงฮึดคงเยอะครับ (หัวเราะ) โชคดีคิวละครตอนนี้ไม่ค่อยเยอะมากครับ ไม่เหมือนกับตอนเป็นพระเอก มีคิวทั้ง 7 วันเลย เพราะถ่ายละครสองเรื่อง แต่เรื่องอเวจีสีชมพูมีแค่ 2 วัน และอีก 2 วันได้เรียน ยังมีเวลาได้เข้าห้องเรียน พอจัดสรรเวลาได้ คือการเรียนผมใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งผมเข้าใจมากกว่าเพื่อนในห้องที่อาจจะมีติดขัดบ้าง เพื่อน ๆ เวลาเขาอ่านตำราจะต้องแปลเป็นไทย แต่ผมไม่ต้องครับ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ สามารถอ่านและทำความเข้าใจเองได้บ้าง" อนาคตและเป้าหมายสูงสุด เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ คิดแค่ว่าตัวเองจบไฮสคูลได้คือเป้าหมายสูงสุดแล้ว (หัวเราะ) นั่นเป็นสมัยเด็ก ๆ นะครับ ที่คิดแบบนั้นมีเหตุผลคือผมรู้ว่าตัวเองเรียนไม่ได้เรื่องเลย ถ้าผ่านตรงจุดนั้นได้คงโล่งใจมากแล้ว แต่ปัจจุบันตอนนี้ตั้งเป้าหมายคือต้องเรียนให้จบปริญญาตรีภายใน 4 ปีครับ ส่วนเรื่องของการทำงานจะตั้งใจทำงานต่อไป และทำควบคู่ไปให้ได้โดยที่การเรียนไม่เสียครับ เรียกว่าเป็นการเปิดใจหนุ่มณัฐถึงเรื่องการเรียนของเขาให้รู้แบบเชิงลึกกันไปเลย และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่พี่ oakky ได้ยินจากปากเจ้าตัวว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง คราวนี้มาดูความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวโมริส เลอกรองบ้างดีกว่า แอบรู้มาว่าหนุ่มณัฐเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณพ่อคุณแม่เลย แน่นอนว่าความเป็นห่วงย่อมมีมากเป็นธรรมดา ผมเข้าวงการมาทำงานคุณแม่สนับสนุนตลอดครับ เพราะถือว่าเป็นกิจกรรมเสริมระหว่างเรียนและไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตอนนี้เรื่องที่ห่วงคงเป็นเรื่องขับรถครับ เพราะผมทำงานค่อนข้างหนัก บางทีพักผ่อนน้อยด้วย ประกอบกับข่าวคราวของนักแสดงด้วยกันที่ทำงานหนักเวลาพักผ่อนอาจจะน้อย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย ท่านจะเป็นห่วงมาก คุณพ่อเลยอาสาขับรถมาส่งที่กองถ่ายและมารับกลับ ซึ่งผมว่าสะดวกและปลอดภัยดีครับ คือก่อนมาทำงานผมจะได้มีสมาธิกับการท่องบท ตอนกลับคงเพลียมากแล้ว ส่วนใหญ่ขึ้นรถปุ๊บจะหลับเลย แต่ถ้าไปเรียนผมจะขับเองครับ(คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่)
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน อย่างช่วงนีเป็นพิเศษเพราะมีเรียนเช้า ต้องตื่นเช้ามากครับ วิชาที่ลงเรียนผมเลือกลงเรียนตามเพื่อนตัวเองหมดเลย เพราะตัวเองลงเรียนไม่เป็นครับ (หัวเราะ) อาศัยว่าเพื่อนเรียนอะไรผมเรียนด้วย การเรียนผมว่าเราต้องมีเพื่อนนะครับ เพราะเพื่อนที่สนิทที่ช่วยเหลือเรื่องเรียนเขาเรียนวิชานี้ครับ ในเรื่องการเรียน เพื่อน ๆ ช่วยเหลือเรื่องการเรียนผมเยอะมาก อย่างการทำรายงานที่ต้องทำเป็นงานกลุ่ม และต้องออกไปพรีเซ้นต์หน้าห้อง บางครั้งผมไม่มีเวลาได้ช่วยเพื่อน ๆ เลย แต่เพื่อนเขายังไม่ทิ้งผมเลยครับ ต้องขอบคุณมาก ๆ เพื่อนจะจดรหัสของผมและเขียนบอกว่าผมต้องรายงานในส่วนไหน ทำอะไรบ้าง จะได้เข้าใจไปพร้อมกัน ถ้าเราไปเรียนแบบไม่มีเพื่อนคงจะลำบากนะครับ เพื่อนคนไทยจะแตกต่างกับเพื่อนฝรั่ง นึกถึงสมัยตอนเรียนไฮสคูลที่เขาจะเรียนแบบตัวใครตัวมัน อย่างตอนนั้นผมไม่ได้ไปเรียน อยากรู้ว่าเรียนไปถึงไหนกันแล้วก็ไปถามเพื่อน ปรากฏว่าเพื่อนไม่บอกเพราะเราอยากไม่มาเอง (หัวเราะ) แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ ฝากเรื่องเรียนถึงเพื่อน "อยากให้เข้าห้องเรียนกันทุกคนนะครับ เพื่อนหลายคนของณัฐที่เขาเรียนไม่เข้าใจ พากันไม่เรียนไปเดินเล่นกัน ณัฐว่าไปเรียนยังดีกว่าไม่ไปเลย อย่างน้อยเราเข้าห้องเรียนเวลาสอบ บางเสี้ยวเราอาจจะคิดได้เพราะเคยผ่านตามาบ้างแล้ว ดีกว่าเราไม่ไปเรียนเลย ตั้งใจเรียนกันเยอะ ๆ นะครับ ส่งกำลังใจถึงน้อง ๆ ที่กำลังลุ้นผลสอบแอดมิสชั่นส์ สำหรับคนที่พลาดหวังไม่ต้องผิดหวังนะครับ ใช่ว่าเราจะหมดอนาคตหมดโอกาสทางด้านการเรียนไปเลย ทางเลือกอื่นยังมีอีกเยอะ ไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งการเรียนทุกที่ผมว่าเหมือนกันหมดแหละครับ คนที่เขาประสบความสำเร็จเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หลายคนไม่ได้มาจากสถาบันการศึกษาอันดับหนึ่งของประเทศ แต่เขายังมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของทุกคนด้วยเช่นกัน เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลงรักหนุ่มณัฐคนนี้กันบ้างหรือเปล่า ถ้าชื่นชอบเขา ณัฐฝากบอกว่าอย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อไปใน อเวจีสีชมพู ทางช่อง 3 กำลังจะออนแอร์เร็ว ๆ นี้แล้ว ที่มา " การศึกษาวันนี้ " ผู้เขียน : วิไลรัตน์ ต่ายประยูร ช่างภาพ : พี่ดอนอัลบั้มภาพ 7 ภาพ