ลดพลังงาน ลดค่าไฟ ลดโลกร้อน ด้วยการเลือกระบบปรับอากาศ
หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าในอาคาร 40% เป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน อาคารสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้าที่ต้องใช้ความเย็นเพื่อระบบไหลเวียนของอากาศที่ดี การรักษาอุณหภูมิ ที่จำเป็นต่อการคงสภาพของสินค้า อุปกรณ์เครื่องใช้ รวมทั้งเพื่อบรรยากาศที่น่าอยู่อาศัย
การเลือกระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ คือ การเลือกใช้ระบบปรับอากาศที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า ลดอัตราการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ และสามารถลดภาวะโลกร้อนได้ โดยระบบที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวเกิดจากลักษณะการทำงานของระบบหลายประการ ได้แก่
1.Low Flow & Low Temperature : การจ่ายน้ำเย็นอุณหภูมิต่ำมากกว่าปกติ 30% ช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 10-15%
2.Variable Primary Flow System : ปริมาณน้ำเย็นในระบบที่แปรเปลี่ยนตามความต้องการที่แท้จริง ช่วประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบเดิมที่ปริมาณน้ำเย็นในระบบจะคงที่ในระดับสูงสุดตลอดเวลา
3.R-123 Refrigerant : สารทำความเย็น ชนิดที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่ม Green House Gas สามารถสลายตัวได้รวดเร็วกว่า กรณีศึกษาสำหรับห้างสรรพสินค้า ในเครือซีพีเอ็น ซึ่งเลือกใช้ระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ประสิทธิภาพสูง จากเทรน (ประเทศไทย) หรือ Higher Overall Chiller Plant Efficiency โดยสามารถวัดค่าการใช้พลังงานไฟฟ้าของ Chiller หน่วยเป็น กิโลวัตต์ต่อตัน ทั้งนี้ค่าเฉลี่ยของอาคารโดยทั่วไปใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 1-1.2 กิโลวัตต์ต่อตัน แต่สำหรับอาคารในเครือซีพีเอ็น ใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 0.85-1 กิโลวัตต์ต่อตัน โดยภายหลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ระบบทำความเย็นจากเทรน สามารลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเหลืออยู่เพียง 0.54-0.62 เท่านั้น ซึ่งทั้ง 10 ศูนย์การค้าของซีพีเอ็น ช่วยประหยัดพลังงานไปได้ถึงปีละ 56 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง
นอกจากนี้ ซีพีเอ็นยังสามารถลดสารคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ปีละกว่า 40,000 ตัน รวมทั้งสามารถประหยัดพลังงานให้กับประเทศได้ถึง 10,879 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากับกำลังการผลิตไฟฟ้าของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 9,000 กิโลวัตต์ต่อยูนิต