ยันไม่อนุโลม เอ-เน็ตรอบ2 ฟันธงระบบไม่ผิด
ความคืบหน้ากรณีนักเรียน ม.6 ชำระเงินค่าสอบเอเน็ตไม่ทันจนเกิดปัญหาวุ่นวายนั้น ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เมื่อเที่ยงวันที่ 10 ก.พ. นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการ กกอ. พร้อมด้วยนายมณฑล สงวนเสริมศรี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะประธานรับฟังความคิดเห็นระบบแอดมิชชั่นปี 2553 ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. เผยภายหลังการหารือร่วมกัน
โดยนายมณฑลกล่าวว่า สกอ.ได้สรุปสาเหตุ ที่เด็กมาชำระเงินค่าสมัครสอบเอเน็ตไม่ทันให้รับทราบ จากการตรวจสอบพบว่า ระบบการรับสมัครผ่านอินเตอร์เน็ตของ สกอ.ไม่มีปัญหา ดังนั้น ทปอ. ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยปีหน้า จะใช้ระบบนี้ของ สกอ.ต่อไป แต่จะต้องปรับปรุงคำหรือข้อความให้ชัดเจนมากขึ้น ต้องระบุวันสิ้นสุดการชำระเงินไว้ในใบสุดท้ายที่นักเรียนทุกคนต้องพิมพ์ออกจากเครื่องด้วย เด็กจำนวน 105 คน ที่มาร้องเรียนที่ สกอ.เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ. ระบุสาเหตุต่างๆที่ไม่สามารถชำระเงินได้ทันตามกำหนด ส่วนใหญ่เป็นปัญหาส่วนบุคคลไม่ใช่ปัญหาของระบบ เท่าที่ดูไม่มีสาเหตุใดที่พอจะอนุโลมให้เปิดรับการชำระเงินรอบ 2 ได้ แต่ก็ยังเปิดรับเรื่องร้องเรียนจนถึงวันที่ 13 ก.พ. ทั้งนี้ ต้องรอผลการหารือจากที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในวันที่ 11 ก.พ.นี้อีกครั้ง
“เราพบนักเรียน ม.ปลาย เกรดเฉลี่ย 2.0 เป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนไม่เก่งมาก แต่เข้าระบบการรับสมัครและทำตามขั้นตอนต่างๆได้เข้าใจถูกต้อง ทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร แสดงให้เห็นว่าการเรียนเก่งหรือไม่ ไม่มีผลต่อการสมัครทางอินเตอร์เน็ตแต่อยู่ที่จิตสำนึก ถ้าคิดว่าการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เด็กควรดูแลตัวเองไม่ใช่ฝากให้คนอื่นทำให้ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นก็โทษระบบ ที่สำคัญผู้สมัครต้องบริสุทธิ์ใจ จะทำอะไรก็รู้แก่ใจตัวเองดี ผู้สมัครต้องมีจิตสำนึก ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะยึดเด็กเป็นหลัก จะดูแลช่วยเหลือให้ดีที่สุด”
นายมณฑลกล่าว ขณะที่นายสุเมธกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ผู้ร้องเรียนในวันแรกจำนวน 76 คน มี 43 คน ที่สมัครสอบวิชาเฉพาะและชำระเงินถูกต้องทุกอย่าง ด้วยระบบเดียวกันกับที่สมัครสอบเอเน็ต และใบสมัครสุดท้ายไม่ได้ระบุวันสิ้นสุดวันชำระเงินเหมือนกันแต่ไม่มีปัญหา ไม่รู้ทราบว่าสังคมนี้ถูกหลอกกันหรือไม่ ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รายงานสถานการณ์และความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับปัญหาเอเน็ตต่อที่ประชุม ครม.ให้รับทราบ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น ให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมีอธิการบดีทั้ง 21 แห่ง เป็นกรรมการได้พิจารณา โดยใช้ผลการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของ สกอ. ที่เปิดให้เด็กเข้าร้องเรียนประกอบการพิจารณา ส่วนที่เกรงว่าจะมีการใช้กระแสการเมืองเข้าไปกดดันนั้น เรื่องนี้ตนมีนโยบายประการเดียวว่า กรณีเด็กรายใดที่เกิดจากความผิดพลาดของกระทรวงศึกษาธิการต้องคืนสิทธิ์ให้กับเด็ก เพราะถือว่าไม่ใช่ความผิดของเด็ก แต่ถ้าเป็นกรณีอื่นก็ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกฯว่าจะพิจารณาดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการ กกอ.ได้มารายงานความคืบหน้า และแจ้งให้ทราบว่าได้ประสานกับทางสถานีโทรทัศน์ NBT ที่จะขึ้นตัววิ่งสถานที่ที่เปิดให้เด็กเข้ารับการร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทั้งที่ สกอ. และโรงเรียนประจำจังหวัด รวมทั้งเว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยสามารถร้องเรียนได้ถึงวันที่ 13 ก.พ. เวลา 16.00 น.นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาการสอบเอเน็ตมีปัญหาทุกปี มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องวิธีการสอบหรือไม่ รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า เรื่องการสอบปีหน้าจะมีการเปลี่ยนระบบ โดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทส.) จะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีข้อสอบกลางที่ สทส.จะเป็นผู้ดำเนินการและข้อสอบในส่วนของมหาวิทยาลัย ดังนั้น
ปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายที่จะมีการสอบเอเน็ต ยอมรับว่าเห็นใจนักเรียนเพราะระบบกลับไปกลับมาพอสมควรแต่เมื่อตนเข้ามารับผิดชอบก็จะดูว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่ง สกอ.ก็รับทราบปัญหาและเตรียมการแก้ปัญหาไว้แล้ว