เรื่องเล่า เหล่าเด็กซน
เมื่อพูดถึงเด็กในตำนานแล้ว เด็กที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเห็นจะหนีไม่พ้นเทพเจ้ากรีกองค์หนึ่ง ซึ่งปรากฏรูปลักษณ์ เป็นเด็กจํ้าม่ำ หน้าตาน่ารักน่าชัง มีปีกเล็กๆอยู่ข้างหลัง แถมยังถือคันศรเที่ยวยิงใส่ผู้คนอีกต่างหาก บอกมาขนาดนี้คงนึกออกแล้วนะคะว่ากำลังพูดถึงกามเทพ เทพองค์น้อยๆ ซึ่งกรีกโบราณขนานนามว่า อีรอส ส่วนโรมันเรียกขานว่า คิวปิด นั่นเอง
ตามตำนานเล่าว่า คิวปิดเป็นโอรสของเทพีแห่งความงาม นามวีนัส ซึ่งแม้พระมารดาจะถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูด้วยอาหารทิพย์นานา ทว่าโอรสน้อยก็ไม่เติบโตขึ้น แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี คิวปิดก็ยังคงเป็นเด็ก แถมยังดื้อ และซุกซนจนหลายตำนานเรียกขานว่าเป็นเจ้าหนูตัวแสบ เพราะชอบกลั่นแกล้งคนโน้นคนนี้อยู่เรื่อย ในบรรดาเทพเจ้าทั้งหมด ดู เหมือนว่าคิวปิดจะชอบจอมเทพ อพอลโลเป็นพิเศษ ถึงได้คอยตามติดไปไหนต่อไหนอยู่บ่อยๆ และเมื่อเห็นเทพรุ่นพี่มีคันศรใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลานุภาพ เทพองค์น้อยของเราก็เกิดอยากได้บ้าง แต่เมื่อร้องขอต่ออพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์กลับหัวเราะลั่น ก่อนจะจูงมือเทพน้อยกลับไปหาพระมารดา ถึงกระนั้น หนูน้อยจอมซนก็ยังไม่เลิกรา เมื่อรู้ว่าไม่สามารถขอธนูจากอพอลโลได้ คิวปิดก็แจ้นไปหาโลหเทพ วัลแคน ผู้ซึ่งบางตำนานก็กล่าวว่าเป็นพระบิดาของเทพน้อยนั่นเอง คราวนี้สมใจอยากค่ะ เทพวัลแคนบรรจงประดิษฐ์ศรเล็กๆ พร้อมลูกศรทองคำให้คิวปิดไว้เล่น ในขณะที่พระมารดาซึ่งเป็นเทพีแห่งความรักด้วย ก็อำนวยพรให้ลูกศรของคิวปิดทรงอำนาจมากกว่าอาวุธใดๆในโลก อำนาจที่ว่านั้นก็คืออำนาจแห่งรักนั่นเอง ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องศรของคิวปิด จะตกหลุมรักบุคคลคนแรกที่ได้เห็น เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ และยากจะถ่ายถอน ทีนี้เทพน้อยจอมซนก็สนุกซิคะ ถึงได้เที่ยวบินไปบินมาแผลงศรรักปักอกคนโน้นทีคนนี้ที ขนาดมหาเทพผู้ปกครองโอลิมปัสอย่างซุสซึ่งมีชายาอยู่แล้ว ก็ยังไม่วายถูกศรรักของคิวปิดทำให้ต้องหลงรักหญิงงามนางแล้วนางเล่า เช่นเดียวกับอพอลโลเองที่หัวเราะเยาะกามเทพดีนัก ว่าแล้วก็ต้องศรที่ทำเอาพิษรักปักทรวง ถึงกับละเมอเพ้อพกต้องวิ่งตามผู้หญิงมาแล้วเหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจะซุกซนแค่ไหน สุดท้ายแล้วคิวปิดก็เป็นเทพที่เติบโตขึ้น มีหน้าที่สำคัญในการมอบความรักให้แก่ผู้คนบนโลกนี้ เรียกว่าหากขาดกามเทพแล้ว โลกเราอาจจะเฉาลงไปได้ และแม้คิวปิดจะเติบโตเป็นเทพหนุ่มผู้งามสง่า จนถึงกับมีการกล่าวว่า พระ องค์เป็นเทพที่งดงามที่สุดองค์หนึ่ง แต่ไม่ ว่าอย่างไร ผู้คนก็มักจะนึกถึงคิวปิดในฐานะเด็กน้อยจอมซนที่บินไปบินมาพร้อมศรเล็กๆ ที่บรรจุความรักเอาไว้เต็มเปี่ยมนั่นเอง นอกจากฟากยุโรปจะมีเทพน้อยที่ดูเป็นเด็กตลอดกาลแล้ว ท
างด้านเอเชียของเราก็มีเทพที่เยาว์วัยอยู่เหมือนกัน เทพที่เป็นที่นับถือในหลายประเทศนี้คือ นาจา ตามตำนานจีนเก่าแก่เล่าว่า นาจาเป็นโอรสของแม่ทัพหลี่-เจ๋ง ตอนที่เกิดมานั้นถือห่วงทองคำ และพันผ้าสีแดงออกมาด้วย นาจาเป็นเด็กที่มีฤทธิ์มาก แต่ด้วยนิสัยที่ซุกซนก็ทำให้ผู้ใหญ่เอือมระอาอยู่บ่อยๆ และในตอนที่อายุเพียง 7 ขวบ ก็สร้างวีรกรรมจนสะเทือนเลื่อนลั่น เพราะเล่นซนไปเล่นซนมา ก็เกิดไปมีเรื่องผิดใจกับวังบาดาลของพญามังกร จนเกิดการต่อสู้กันยกใหญ่ แล้วนาจาก็พลั้งมือ สังหารโอรสของพญามังกรไป ทำให้พญามังกรแค้นเคือง ถึงกับรีบแจ้นไปฟ้องจอมเทพเง็กเซียนฮ่องเต้ผู้ดูแลสรวงสวรรค์ เพื่อขอให้จับพ่อแม่ของนาจามาลงโทษ ฐานสั่งสอนลูกไม่ได้ งานนี้แม้จะอายุน้อย แต่นาจาก็มีดีพอตัว ถึงได้ประกาศลั่นว่าทำผิดเองก็ขอรับโทษเอง ไม่ต้องให้ยุ่งไปถึงบุพการี ว่าแล้วก็ฆ่าตัวตายสังเวยความผิด โดยแล่เนื้อคืนให้มารดา กระดูกคืนสู่บิดร แต่ไม่นานต่อมาก็ได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ และยังความซุกซนอยู่เหมือนเดิม แต่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และปรารถนาดี นาจาก็คอยช่วยเหลือผู้คน จนได้รับการนับถือทั่วไป ถึงกับมีการตั้งศาลบูชาอยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งเมืองไทยเราด้วย เทพนาจามักจะปรากฏกายในรูปลักษณ์ เด็กน้อยใส่เอี๊ยมสีแดง บาทเหยียบกงล้อเพลิง หรือไม่ก็ยืนสงบอยู่เคียงข้างเจ้าแม่กวนอิม
นอกจากเหล่าเทพแล้ว เด็กน้อยธรรมดาๆที่กลายเป็นที่นับถือก็ยังมีอยู่อีก เช่น ที่ประเทศเบลเยียม ซึ่งมีการสร้างรูปปั้นเด็กผู้ชายตัวน้อยๆ ในท่ายืนฉี่ไว้ที่กรุงบรัสเซลส์ เจ้าหนูยืนฉี่ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่า มันแกงปิสนี้ มีตำนานที่มาหลายเรื่อง แต่ที่ถูกเล่าขานกันมากที่สุดคือการเล่าถึงประวัติของดยุคก็อดฟรายที่ 2 แห่งบราบานท์ ซึ่งในปี ค.ศ.1142 สมัยที่ท่านดยุคยังเป็นเด็กน้อยวัย 2 ขวบ กองทัพฝ่ายศัตรูได้บุกเข้ามาในเมือง เหล่าทหารจึงอุ้มเจ้านายตัวน้อยใส่ตะกร้าไปแขวนต้นไม้ไว้ เพื่อเป็นกำลังใจในการรบ และท่านนายน้อยก็ช่วยให้กำลังใจเหล่าทหารหาญได้อย่างเด็ดสะระตี่ ด้วยการฉี่ใส่ ศัตรูซะเลย
อีกตำนานที่ดังไม่แพ้กันก็คือ เรื่องเล่าจากศตวรรษที่ 14 เมื่อบรัสเซลส์ ถูกศัตรูล้อม และวางแผนที่จะจุดระเบิดเพื่อทำลายกำแพงเมือง เด็กชายคนหนึ่งเกิดเหลือบไปเห็นสายชนวนระเบิดเข้า ก็จัดการเดินเตาะแตะไปฉี่ใส่สายชนวน ทำให้สามารถรักษาเมืองไว้ได้ด้วยฉี่หนเดียวนั่นแหละ ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่า เจ้าหนูยืนฉี่คนนี้เคยทำประโยชน์แก่บ้านเมือง แม้จะเป็นเพียงเด็กตัวน้อยนิด แถมยังซุกซนแสบสันขนาดที่อาจจะกล่าวได้ว่าฉี่ไม่เป็นที่เป็นทาง แต่กลับกลายเป็นคุณ จึงได้รับการยกย่อง และสร้างรูปปั้นอวดโฉมไว้กลางเมืองอย่างที่ว่า ถึงตอนนี้มันแกงปิสแห่งบรัสเซลส์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเด็กที่ดังที่สุดในโลกคนหนึ่ง อันว่าความซุกซนนั้น เป็นธรรมดาของวัยเยาว์ ที่จะเปลี่ยนผ่านจากความเขลาเป็นการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงตัวเอง เด็กส่วนใหญ่มักจะเคยกระทำผิดพลาด แต่หากได้รับการชี้แนะที่ถูกต้อง เหมาะสม ก็สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้แน่นอน. ทีมงานต่วยตูน