3 ผลงานฝีพระหัตถ์ร่วมแสดง องค์สิริภาฯทรงมุ่งช่วย สุนัขจรจัด

เพราะเห็นสุนัขจรจัดกำลังเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของสังคม ซึ่งต้นเหตุหลักไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น "มนุษย์" เอง นักศึกษาเอกจิตรกรรมชั้นปีที่ 5 มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงรวมตัว "เฉพาะกิจ" จัดทำนิทรรศการศิลปะเพื่อสุนัข "มาย เฟรนด์ส" (My Friends) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11-30 มิถุนายน ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 โซนอีเดน ซึ่งงานกุศลครั้งนี้ มีผลงานภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของ "รุ่นพี่กิตติมศักดิ์" พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ร่วมแสดงผลงานในครั้งนี้ด้วย ผลงานภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ที่ประทานมาร่วมนิทรรศการในครั้งนี้ ทรงแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.ร่วมจัดแสดงในนิทรรศการจำนวน 1 ภาพ ทรงใช้ชื่อว่า ฮัสเทลอร์ แอนด์ ไฟโด (Huslter and Fido) โดยเทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ ทรงได้รับแรงบันดาลใจจาก ไฟโด ที่มักจะเป็นชื่อยอดนิยมของสุนัข ไฟโด มาจากคำว่า ไฟเดลิตี้ (Fidelity) ซึ่งแปลว่า ความซื่อสัตย์ ส่วน ฮัสเทลอร์ เป็นชื่อของรถฮัมเมอร์ (Hummer) รถพระที่นั่งของพระองค์ ซึ่งทั้งรถและสุนัขนั้น เปรียบดังเพื่อนที่รู้ใจ สหายผู้ซื่อสัตย์ และผู้ร่วมทางที่มีความหมายของพระองค์ อีกส่วนหนึ่ง เป็นผลงานภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ที่พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ประทานให้ประมูล จำนวน 2 ภาพ ประกอบด้วย 1."พระจุฬามณี" ทรงใช้เทคนิคสเตน กลาส (Stained Glass) จากแนวความคิดที่ว่า ตามความเชื่อของล้านนาโบราณ ทุกๆ 12 ราศีประจำปีเกิด จะมีพระธาตุประจำปีนั้นๆ หากผู้ใดได้สักการะพระธาตุประจำปีเกิด จะเป็นสิริมงคลต่อชีวิต สำหรับพระองค์นั้น ปีจอเป็นปีประสูติ โดยมีพระเกศแก้วจุฬามณี หรือพระจุฬามณี เป็นพระธาตุที่อยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด 2.ภาพ "ตาต่อตา...ฟันต่อฟัน" ด้วยเทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ทรงเล่าถึงแนวคิดว่า เป็นความเชื่อมาช้านานว่าการที่มนุษย์จะเอาชนะสัตว์ดุร้ายได้นั้น จะต้องจ้องตากับมัน หากใครหลบตาก่อนจะเป็นพ่ายแพ้ มนุษย์ผู้เป็นสัตว์ประเสริฐ มักจะเห็นร่วมโลกชนิดอื่นด้อยกว่าเสมอ เฝ้าคอยแต่รังแก และเอาเปรียบ แต่หากมีแต่มือเปล่า มนุษย์จะกล้าจ้องตาสู้กับพวกเขาหรือไม่ บางครั้งความรู้สึกนึกคิดของพวกเขามีไม่ต่างจากมนุษย์ เพียงแต่ถ่ายทอดออกมาทางสายตา ไม่ใช่คำพูดเยี่ยงมนุษย์ พระจุฬามณี ในวันแนะนำผลงานฝีพระหัตถ์ ที่หอศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงแนะนำผลงานฝีพระหัตถ์ของพระองค์ด้วยพระองค์เอง พร้อมทั้งตรัสว่า นิทรรศการครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของพระองค์ หลังจากที่พระสหายรุ่นน้องแจ้งงาน และอัญเชิญชวนพระองค์เข้าร่วม ก็ทรงใช้เวลาตัดสินพระทัยไม่นาน เพราะนอกจากจะได้แสดงผลงานภาพฝีพระหัตถ์ต่อสาธารณชนแล้ว งานนี้ยังเป็นการทำบุญกุศลด้วย เพราะรายได้ทั้งหมดจากการประมูลภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ และ 30% ของรายได้จากงาน จะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "การเลี้ยงสุนัขเพราะแฟชั่น เป็นเรื่องที่บาป และผิดมาก สุนัขรวมทั้งสัตว์ต่างๆ ไม่ใช่กระเป๋า หรือรองเท้า ที่จะไปตามกระแสนิยม เมื่อตอนยังเล็ก ก็ดูน่ารัก แต่เมื่อโตขึ้นแล้ว ไม่อยากเลี้ยง ก็เอาไปทิ้ง กลายเป็นภาระของสังคม จริงๆ แล้วเขามีชีวิตจิตใจมีความรู้สึก ต้องเลี้ยงเขาเหมือนคนในครอบครัว คนมักจะลืมสุนัข แต่สุนัขไม่ลืมเจ้าของ" พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ยังประทานสัมภาษณ์ด้วยว่า ที่พระตำหนักมีสุนัขทรงเลี้ยงจำนวน 50 สุนัข แต่สุนัขของพระองค์จริงๆ นั้นมีเพียง 6 สุนัข ได้แก่ ซาช่า พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์, ฮาโลวีน พันธุ์บูลด็อก, เอเดน พันธุ์บีเกิ้ล, แองเจิ้ล เป็นสุนัขจรจัดที่ทรงเก็บมาเลี้ยงจาก จ.พระนครศรีอยุธยา, วาเลนไทน์ สุนัขจรจัด และ กาสะลอ สุนัขจรจัดที่ทรงเก็บมาจากปั๊มน้ำมันที่ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งพระองค์โปรดทุกพันธุ์ ไม่ใช่เฉพาะพันธุ์จากต่างประเทศ เช่นนี้แล้ว พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์จึงทรงมุ่งหวังให้นิทรรศการนี้ จะช่วยให้ประชาชนรักและดูแลสุนัขของตัวเองให้มากขึ้น และหากใครที่ไม่รักสัตว์ ทรงขอเพียงแค่อย่ารังแก ทำร้ายสุนัขก็พอแล้ว หากคิดจะเลี้ยงสุนัข อย่าทอดทิ้งพวกเขาเพียงแค่เพราะ "เบื่อ" หรือ "ไม่มีเวลา"