มหาลัยวิทยาลัยเมืองผู้ดี หนึ่งในใจเด็กต่างชาติ
ที่มา "การศึกษาวันนี้ "
ผู้เขียน : จิระนันต์
การศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสหราชอาณาจักรได้รับความสนใจจากนักเรียนไทยเป็นอันดับต้น ๆ มาโดยตลอด เหตุผลสำคัญคือคุณภาพการศึกษาได้มาตรฐานระดับสูง และการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการเรียนการสอน ไปเรียนต่อยังต่างประเทศต้องปรับตัวทั้งการใช้ชีวิตและการเรียน ในระบบการเรียนปรกติจะต้องเจอกับความยากทั้งเรื่องของภาษาและการเรียนแบบลงลึกในเนื้อหาวิชาการ ด้านความเป็นอยู่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป การวางแผนเรื่องการเรียนมีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ประกอบด้วยเรื่องเรียน ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทำเลที่ตั้งและที่พักอาศัย หลายคนหลีกเลี่ยงความยุ่งยากด้วยการเลือกสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมจากนักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ มหาวิทยาลัยยอดฮิตของนักศึกษาต่างชาติในที่นี้ไม่ได้จำกัดนิยามเฉพาะเด็กไทย แต่รวมไปถึงเด็กนานาชาติที่สนใจเข้าไปเรียนต่อสถาบันอุดมศึกษาในอังกฤษ เก็บมาเล่าเป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังมองว่าจะเดินทางไปศึกษาต่อสหราชอาณาจักร ข้อมูลจากองค์การสถิติด้านการอุดมศึกษา (Higher Education Statistic Agency : HESA) ในอังกฤษระบุว่า นักศึกษาแต่ละชาตินั้นมีค่าความนิยมแตกต่างกัน เด็กนักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่ไหนมากที่สุด คำตอบคือ มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม (Nottingham University) คนอเมริกันนิยมเรียนที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ (St Andrews University) เพราะสถาบันนี้มีความผูกพันกับทวีปอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 1759 ตอนที่มอบปริญญาให้กับเบนจามิน แฟรงคลิน นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันที่ประดิษฐ์สายล่อฟ้า คนจีนเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) เหตุผลสำคัญคือชอบทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์มาก นอกจากนี้คนจีนยังเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยลัฟเบอเรอะ (Loughborough University) ด้วย คนฝรั่งเศสและสเปนนิยมเรียนในมหาวิทยาลัยนอร์ธอีสต์เวลส์อินสติติวต์ (North East Wales Institute) นักศึกษาจากไอริชและไนจีเรียนิยมเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโรเบิร์ต กอร์ดอน (Robert Gordon University) ในเมืองอะเบอดีน คนฮ่องกงเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม ชาวแคนาดาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) คนอินเดียเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกรีนวิช (University of Greenwich) ในลอนดอน คนมาเลเซียนิยมเรียนที่มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ฮัลเลม (Sheffield Hallam University) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับวิทยาลัย Tunku Abdul Rahman College ในกรุงกัวลาลัมเปอร์มานานกว่า 9 ปี ไม่ใช่สถาบันแถวหน้าแต่ก็ได้รับความสนใจจากนักศึกษาต่างชาติ นักศึกษาชาวเยอรมันสามารถเรียนปริญญาตรี 2 ปีแรกจาก Berlin School of Economics และมาต่อปริญญาตรีต่อเนื่องที่ Anglia Ruskin University ปัจจุบันมีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรจำนวนมาก หนังสือพิมพ์ Guardian ของอังกฤษได้เรียงลำดับมหาวิทยาลัยที่จำนวนนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด จากครั้งล่าสุดที่สำรวจไว้ระหว่างปี 2006-2007 ดังนี้ รายชื่อสถาบันและจำนวนนักศึกษาต่างชาติ 1.Manchester University 8,345 คน 2.Nottingham University 7,710 คน 3.Warwick University 7,435 คน 4.Oxford University 6,555 คน 5.City University 6,380 คน 6.Cambridge University 6,340 คน 7.University College London 6,135 คน 8.London School of Economics 5,980 คน 9.Westminster University 5,735 คน 10.Birmingham University 5,505 คน นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ Guardian ของอังกฤษได้จัดอันดับเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นศูนย์รวมการศึกษาของเด็กนานาชาติจาก 20 ประเทศ กรุงลอนดอนซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหราชอาณาจักรมาเป็นที่หนึ่ง คิดเป็นสัดส่วน 25% ของนักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนต่อสหราชอาณาจักร ซึ่งมีทั้งหมด 351,470 คน อันดับต่อไปมีอัตราส่วน 11% เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ครอบคลุมเมืองเคนท์ เมืองเซอร์เรย์ และเมืองซัสเซกส์ ถัดไปเป็นสกอตแลนด์ 10.6% นอร์ธเทิร์นไอร์แลนด์รั้งท้ายด้วยอัตราส่วน 1.5% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์ได้รับความสนใจจากนักศึกษาต่างชาติมากขึ้น เหตผุลที่สถาบันอุดมศึกษาในสกอตแลนด์อ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติมากขึ้น เป็นเพราะสกอตแลนด์มีประชากรสูงวัยมาก ประชากรวัยเรียนมีไม่มากพอ จึงส่งเสริมให้นักศึกษาต่างชาติเข้ามาตั้งรกรากมากขึ้น เรียนจบแล้วให้ทำงานและอยู่อาศัยในสกอตแลนด์ได้นาน 2 ปี ขณะที่เมืองใหญ่อื่น ๆ ในอังกฤษให้ทำงานไม่เกิน 1 ปี เป็นข้อเสนอดี ๆ ที่น่าสนใจ ไว้โอกาสต่อไปจะเล่าเรื่องสกอตแลนด์ ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.elearneasy.com