กฎกติกาและมุมมอง ของการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
ช่วงเวลาของการรับสมัครนักศึกษาใหม่ผ่านระบบคัดเลือกกลาง โดยความรับผิดชอบของที่ประชุมอธิบการบดีมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ซึ่งโยกย้ายจากความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ผู้ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบหลักๆ ก็คงมิได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะความสำคัญด้านความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในกระบวนการคัดเลือกนักศึกษา จำเป็นต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้โดยตรงมาดำเนินการ ดังนั้นใครหลายคนที่ห่วงว่า อาจมีปัญหาและอุปสรรคบางประการในการคัดเลือก ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรเนื้อหาจริงๆ ที่จำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องราวการคัดเลือกในระบบนี้ คือ ระบบการคัดเลือกกลางนี้เป็นเพียงระบบการคัดเลือกหนึ่งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ระบบการคัดเลือกมีหลากหลาย อาทิ ระบบโควตา ระบบรับตรง หรือโครงการพิเศษอื่นๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายและแนวทางการรับนักศึกษาของแต่ละสถาบันและมหาวิทยาลัย
ดังนั้น การมุ่งหวังเพียงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพียงเฉพาะระบบกลางนี้ มิใช่วิธีคิดหรือแนวทางที่ถูกต้องมากนัก และปัญหามักจะเกิดขึ้นตามมา หากผลการคัดเลือกไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ที่สำคัญหากคาดหวังและตั้งใจมากเกินไปมักส่งผลกระทบตนเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทางที่ดีควรรู้จักผ่อนคลาย มองผ่านเลยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบนี้บ้างก็น่าจะเป็นการดีกับตัวเองมากกว่า
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐนั้น แม้ว่าจะสร้างความภูมิใจและดีใจแก่คนในครอบแล้ว แต่มิใช่ว่าเส้นทางในการเรียนข้างหน้าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่เป็นเพียงบันไดขั้นแรกที่นับเป็นการก้าวผ่านรั้วการศึกษาเล็กๆ เข้าสู่โลกการศึกษาที่เปิดกว้างทั้งด้านระบบการเรียน การใช้ชีวิต ประสบการณ์ และการเรียนรู้สังคม ซึ่งถือเป็นประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
อันที่จริงแล้ว การเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ หรือเอกชน ก็ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ด้วยมาตรฐานการศึกษาและระบบการควบคุมคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน เครื่องไม้เครื่องมือในการสนับสนุน ก็มิได้มีความแตกต่างกันมากนัก และในบางสถาบัน/มหาวิทยาลัยมีอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือ รวมถึงคณาจารย์ที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญโดยตรงมากกว่า ในหลายๆ มหาวิทยาลัย
ในการเลือกและตัดสินใจขั้นสุดท้ายของการเรียนต่อ "โปรดอย่างคำนึงสถาบันการศึกษามากกว่าสาขาวิชาที่ตนเองรักและชอบ รวมถึงการมุ่งหมายที่จะใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต และอย่างคิดเพียงว่า ทดลองเรียนไปก่อน แล้วปีหน้าฟ้าใหม่ ค่อยกลับมาเป็นซิ่ล หรือสมัครสอบใหม่" เพราะแนวทางนี้สิ้นเปลืองทั้งเงินทุนและเวลา บทเรียนที่ผ่านๆ มา ปรากกฎให้เห็นนักต่อนักว่า กลุ่มนักศึกษาที่คิดหรือมีความเชื่อในลักษณะเช่นนี้มักซิ่ลไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร!!!
อนาคตที่เรากำหนดและวางแผนครับ....
ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : ภรณ์