อร-พัทธ์ธีรา นางเอกหน้าใหม่ เรียน Marketing เล็งทำธุรกิจส่วนตัว

อร-พัทธ์ธีรา นางเอกหน้าใหม่ เรียน Marketing เล็งทำธุรกิจส่วนตัว

อร-พัทธ์ธีรา นางเอกหน้าใหม่ เรียน Marketing เล็งทำธุรกิจส่วนตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อร-พัทธ์ธีรา นางเอกหน้าใหม่ เรียน Marketing เล็งทำธุรกิจส่วนตัว

สาวน้อยคนนี้เธอแจ้งเกิดจากภาพยนตร์ตลกขำขัน สาระแนสิบล้อ ด้วยความน่ารัก ความสดใสในตัวเองส่งผลให้เธอเข้ามาเป็นนางเอกของหนังเรื่องนี้ คงคุ้นหน้าคุ้นตากันแล้วสำหรับใครที่ได้ตีตั๋วเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ แนะนำกันอย่างเป็นทางการอีกที น้องหน้าหมวยคนนี้ มีชื่อจริงว่า พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อร เรียกว่าเป็นางเอกใหม่แกะกล่องจริง ๆ เพราะเป็นการแสดงเรื่องแรกเธอ

นางเอกแบบบังเอิญ

เรื่องสาระแนสิบล้อเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของอรค่ะ จุดเริ่มต้นของการเข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้ ต้องบอกว่าด้วยความบังเอิญจริง ๆ บังเอิญว่าอรนัดกับเพื่อน ๆ ไปเดินซื้อของแถวสยามสแควร์ค่ะ ตอนที่นั่งรอเพื่อนอยู่ ๆ นั้น มีพี่ ๆ ทีมงานสาระแนสิบล้อจากชวนให้ไปแคสติ้งบทนางเอกค่ะ เขาบอกว่าจะได้เล่นคู่กับมาริโอ้ เมาเร่อ ตอนนั้นตกใจมาก ไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้เล่นหนังเหรอกลับบ้านไปปรึกษาแม่ว่าจะไปแคสดีหรือเปล่า เพราะกลัวโดนอำเหมือนกัน คุณแม่บอกว่าลองไปดูเดี๋ยวแม่ไปเป็นเพื่อน ปรากฏว่าอรแคสติ้งผ่านค่ะได้เป็นนางเอกหนังเรื่องนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะว่าในชีวิตนี้จะได้เข้ามาเล่นหนังร่วมงานกับพี่เปิ้ล พี่หอย พี่วิลลี่ ถามว่ากลัวโดนแกล้ง โดนอำหรือเปล่า ก็กลัวนะคะ (หัวเราะ) เพราะเราเห็นจากเรื่องสาระแนห้าวเป้ง ที่พี่สตาร์บั๊คเขาโดนเป็นตัวอย่าง ดีใจค่ะที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ ๆ มืออาชีพกันทุกคน

ทางหนังกับเวลาเรียน

ก่อนจะถ่ายหนังอรพยายามเคลียร์รายงานทุกอย่างให้เรียบร้อยค่ะเพื่อการทำงาน จะได้ไม่เป็นกังวล แต่โชคดีตรงที่ใกล้จะเรียนจบแล้ว ไม่ต้องเข้าเรียนบ่อย สัปดาห์นึงมีเรียนแค่วันเดียวเท่านั้นเองค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอรต้องเพิ่มความรับผิดชอบให้กับตัวเองมากขึ้นนะ เพราะหลังจากที่เข้าห้องเรียนแล้วกลับมาต้องมานั่งทำรายงาน ทำการบ้านให้เสร็จตามกำหนด ต้องไม่ให้การบ้านตกค้างค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นดินพอกห้างหมูค่ะ จะกลายเป็นว่าไม่ดีละทำให้เราเป็นนคนขี้เกียจได้ (หัวเราะ)

เลือกเรียน Business Marketing, Raffles International College

ต้องบอกว่าชอบค่ะ ที่เลือกเรียนที่ Raffles เพราะเรียนใช้เวลาเพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น อีกอย่างอรได้เรียนทุกวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับสาขาการตลาดควบคู่ไปกับความรู้ ด้านแฟชั่นด้วย เพราะอาจารย์ที่สอนเขาสอนด้านแฟชั่นดีไซน์ด้วยค่ะ แม้จะเป็นการเรียนที่ใช้เวลาสั้น สลับกันเป็นการเรียนที่ต้องทุ่มเทให้ให้เวลากับการเรียนมากเป็นเท่าตัวค่ะ เพราะไม่มีปิดเทอม เรียนเต็มเวลาและเวลาเรียนต้องเรียนจริง ๆ ค่ะ เรียก ว่าเป็นการเรียนที่หนักพอสมควร มีรายงานเยอะมากด้วย เนื่องจากอรเรียนเป็นภาคธุรกิจ หลังจากเรียน 6 สัปดาห์จะมีการสอบเก็บคะแนน นอกจากนี้ยังมีการเรียนทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน ในภาคปฏิบัติจะเยอะมากค่ะ แต่ถ้าเราขยันและใส่ใจจริง ๆ ความสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ

การเรียนที่เป็นตัวตน

อรชอบเกี่ยวธุรกิจเหมือนกัน อยากทำธุรกิจเป็นของตัวเองในอนาคต เพราะฉะนั้นการเรียนเกี่ยวธุรกิจเป็นการเรียนในสิ่งที่เราเลือกเอง เป็นการเรียนในสิ่งที่อรรักค่ะ ถือว่าเป็นตัวตนของอรเลยก็ได้ค่ะ ถามว่าชอบทางด้านการแสดงมั้ย ชอบการแสดงเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเป็นคนบทบาทเท่านั้นเอง การแสดงคือการทำงานค่ะ

เคยเรียนแดนกีวี

ย้อนไปก่อนจะมาเรียนที่ Raffles อรเคยเรียนไฮสคูลที่นิวซีแลนด์มาก่อนค่ะ ชีวิตในนิวซีแลนด์ไม่ค่อยหวือหวามากมาย เรียนเป็นโรงเรียนคริสต์ ต้องเข้าโบสถ์เกือบทุกวัน มีคนไทยแค่ 2 คนคืออรกับเพื่อนอีกหนึ่งคนเท่านั้น แต่เป็นการไปเรียนที่ทำให้เราได้เติบโตมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะไม่มีใครมานั่งดูแลเราตลอด ต้องดูแลตัวเอง จัดการเรื่องการเรียน จัดการเรื่องเวลาของตัวเอง ทั้งการกิน การตื่นนอน การไปเรียน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ อีกอย่างคืออรได้สนิทกับพี่สาวมากขึ้นด้วย เพราะเขาเรียนอยู่ที่โน้นตั้ง 9 ปีแล้ว อายุเราห่างกันด้วยทำให้เราสนิทกันเหมือนเดิม

ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดี

ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะ อยู่เมืองไทยเรายังทำตัวเหมือนเด็ก คุณแม่คอยดูแลทุกอย่าง เหมือนเป็นลูกคนเดียวเลย คุณพ่อคุณแม่ตามใจตลอดเวลา เรียกว่าไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่โน้นต้องเดินทางเอง ต่อรถเมล์เอง ไปอยู่เมืองไคร์เชิร์ส เป็นเมืองที่เงียบสงบมาก รอบตัวเต็มไปด้วยแกะกับทุ่งหญ้า (หัวเราะ) ทำให้เราต้องให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เรื่องภาษาไม่ต้องปรับตัวมากเพราะอรเรียนเป็น Bilinguals มาก่อน

อนาคตเล็งต่อปริญญาโท ด้านไฟแนนซ์

ตั้งใจว่าจะเรียนต่อปริญญาโทที่นิวซีแลนด์ อยากเข้า Canterbury University ค่ะ ดู ๆ ไว้สองสาขาคือทางด้านไฟแนนซ์หรืออาจจะเป็นทางด้านจิตวิทยา คือทั้งสองวิชาเราสามารถนำมาใช้ในการทำงานได้จริงและเป็นสาขาเฉพาะทางด้วย ทางด้านเบื้องหลังอยากเรียนเหมือนกัน แต่มีคนเคยพูดไว้ว่าในเมื่อเราได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้การทำงานจริง ๆ เป็นโอกาสดีมากกว่าการเรียนซะอีก อะไรจะสำคัญเท่ากับการได้ปฏิบัติจริง ฉะนั้นอรเลยขอโฟกัสไปที่การเรียนทางด้านธุรกิจดีกว่า ในอนาคตเผื่อเราอยากทำธุรกิจสักอย่างหนึ่งจะได้นำความรู้มาต่อยอดได้

ตอนนี้ใกล้เรียนจบแล้วกำลังทำรายงานโครงสร้างธุรกิจของตัวเองอยู่ค่ะ เลือกทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านเครื่องดื่มประเภทชาค่ะ อรสนใจการเปิดร้านเกี่ยวชามาก เลยเลือกทำรายงานชิ้นนี้ส่งอาจารย์ ไม่แน่ถ้าโครงสร้างแผนธุรกิจของอรได้คะแนนดี อาจจะนำไปเปิดจริงในอนาคตค่ะ (ยิ้ม)

ฝากเรื่องเรียนถึงเพื่อน ๆ น้อง ๆ

การเรียนเป็นสิ่งสำคัญเป็นอนาคตติดตัวเราไปจนตาย การศึกษาเป็นสมบัติที่คุณพ่อคุณแม่ให้มามีค่ามากกว่าเงินทอง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้อนาคตของเราราบรื่น เพียงระยะเวลาใน 10 ปี 12 ปี ถ้าเราใส่ใจกับเรียน ตั้งใจเรียนให้เต็มที่ แน่นอนว่าการกระทำส่งผลต่ออนาคตค่ะ อยากให้ทุกคนใส่ใจกับการเรียน เห็นการเรียนมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอนะคะ


เอาใจช่วยให้น้องอรเรียนจบเร็ว ๆ นะคะ มีธุรกิจของตัวเองเร็วจ้า...^^

 

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : oakky วิไลรัตน์ ต่ายประยูร ช่างภาพ : กฤษดา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook