มรดกโลกแห่งใหม่ 13 แห่ง
บนโลกอันน่าอัศจรรย์ใบนี้ มีสถานที่ทรงคุณค่ามากมายที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ทั้งสถานที่ทางธรรมชาติ ที่ถูกรังสรรค์ชิ้นงานด้วยธรรมชาติ และสถานที่ซึ่งสร้างขึ้นจากความเพียรของมนุษย์ โดยหลายแห่งหลายสิ่งต่างมีเอกลักษณ์ความพิเศษเฉพาะตัวที่เป็นเอกอุ ควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อเป็นมรดกโลกของมวลมนุษยชาติสืบทอดไว้ให้ลูกหลาน ได้ชื่นชมต่อไป
นั่นจึงทำให้ ทุกๆปี องค์การยูเนสโก (UNESCO) หรือ องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ประกาศมรดกโลกแห่งใหม่ให้โลกได้รับรู้
ปีนี้จะมี การ จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ เพื่อตัดสินว่าสถานที่ที่ ได้รับการเสนอชื่อแห่งใดที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม-30 กรกฎาคม 2553 ณ เมืองบราซิเลีย ประเทศบราซิล
ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 22-30 มิ.ย. ของปี 52 ที่ผ่านมา ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้น ทะเบียนมรดกโลก ณ เมืองเซบีย่า ประเทศสเปน ได้มรดกโลกแห่งใหม่จำนวน 13 แห่งทั่วโลก แบ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง และมรดกโลกทางวัฒนธรรม 11 แห่ง
มรดกโลกแห่งใหม่ ทางธรรมชาติ
ทะเลวาดเดน-ครอบคลุมเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์
มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรก คือ "ทะเลวาดเดน" (The Wadden Sea) ตั้งอยู่ชายแดนประเทศเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 10,000 ตารางกิโลเมตร อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแนวชายฝั่งใช้เป็นแหล่งอาศัยและอนุบาลสัตว์น้ำสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของ โลก และเป็นแหล่งผสมพันธุ์ของนกมากกว่า 12 ล้านตัว
ทะเลวาด เดน จัดเป็นพื้นที่หนึ่งที่รัฐบาลของทั้งเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ร่วมมือกัน ป้องกันและอนุรักษ์ทะเลวาดเดนให้คงสภาพธรรมชาติเดิมไว้ พร้อมกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์ของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณทะเลวาดเดน
เทือกเขาโดโลไมท์-อิตาลี
มรดกโลกทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของปีนี้คือ "เทือกเขา โดโลไมท์" (Dolomites Mountains) ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่ทอดตัวอยู่ในเขตอิตาลีตอนเหนือ พื้นที่มากกว่า 140,000 เฮกตาร์ มีทัศนียภาพสวยงาม มีความหลากหลายของชนิดของหินต่างๆ และเป็นแหล่งอนุรักษ์ฟอสซิลที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
เทือก เขาโดโลไมท์ ครอบคลุมอาณาบริเวณของแคว้นทิโรลใต้ (Tirol South) และ แคว้นเวเนโต้(Veneto)เป็นเทือกเขาได้ชื่อว่าเป็นแนวเขาที่งดงามที่สุดแห่ง หนึ่งของโลก ด้วยลักษณะของยอดเขาต่างๆที่แทงยอดสูงเสียดฟ้า มีทัศนียภาพงดงาม จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของอิตาลี โดยช่วงฤดูหนาว เหล่าสกีรีสอร์ทต่างเปิดรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเทือกเขาแห่งนี้ ส่วนช่วงฤดูร้อน ที่นี่จะมีทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สีสวยปรากฏตลอดจนเทือกเขา
มรดกโลกแห่งใหม่จากน้ำมือมนุษย์
อาคารสต๊อกเลต เฮาส์-เบลเยียม
สำหรับมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของโลกปีนี้ ขอเริ่มกันที่ "อา คารสต๊อกเลต เฮาส์" (Stoclet House) อาคารรูปทรงเรขาคณิตในกรุงบ รัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม ออกแบบโดย โจเซฟ ฮอฟมานน์ สถาปนิกชื่อดังชาวออสเตรีย ผู้บุกเบิกคนสำคัญของศิลปะแนวอาร์ตนูโวในประเทศเบลเยียม มีความโดดเด่นตรงที่เป็นสุดยอดอาคารสถาปัตยกรรมแบบเวียนนา ที่ยังได้รับการรักษาให้อยู่ในสภาพเดิม สร้างระหว่างปีค.ศ.1905-1911
ซากปรักหักพัง "โลโรเปนี" (Loropeni)
สถานที่ต่อมาคือ ซากปรักหักพัง "โลโร เปนี"(Loropeni) ประเทศบูร์กินาฟาโซ ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล สำหรับความสำคัญของโลโรเปนี คือ มีลักษณะเป็นป้อมโบราณที่ใช้หินขนาดใหญ่มากกว่า 100 ก้อนในการก่อสร้างที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในพรมแดนโกดิวัวต์ กานา และโตโก อายุมากกว่า 1,000 ปี
เมืองโบราณซีดาเด-เคปเวิร์ด
มาที่อีกหนึ่งประเทศในแอฟริกา "เมืองโบราณซีดา เด"(Cidade Velha) ศูนย์กลางประวัติศาสตร์เมือง Ribeira Grande ตั้งอยู่ในประเทศเคปเวิร์ด ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นเกาะ โดยเมืองโบราณแห่งนี้จัดเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดของเกาะ เคปเวิร์ด ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Cidade Velha ในปลายศตวรรษที่ 18 เป็นเมืองที่ผังเมืองยอดเยี่ยมในยุคเริ่มต้นการแผ่อาณานิคมของยุโรป มีทั้งโบสถ์ และลานหินอ่อนที่เป็นสุดยอดศิลปะ
ภูเขาอู่ไถซัน-จีน
เปลี่ยนมาสัมผัสมรดกโลกในเอเชียกันบ้างที่ "ภูเขา อู่ไถซัน" (Wutai) ในมณฑลซันซี ทางภาคเหนือของจีน ภูเขาอู่ไถซัน ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 4 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สุดทางพุทธศาสนาของจีน (อีก 3 แห่งได้แก่ ผู่โถวซัน มณฑลเจ้อเจียง, จิ่วหัวซัน มณฑลอันฮุย และเขาง้อไบ๊ มณฑลเสฉวน) โดยเชื่อกันว่าเป็นบ้านเกิดของพระโพธิสัตว์แห่งปัญญาคือพระมัญชูศรี อู่ไถซันมี สิ่งก่อสร้างทางศาสนามากมาย อาทิ วัดพุทธศาสนาอายุเก่าแก่นับพันปี สิ่งก่อสร้างด้วยไม้ในยุคราชวงศ์ถัง รวมถึงพระพุทธรูปจำนวนมากราว 500 องค์
สุสานหลวงแห่งราชวงศ์โชซอน-เกาหลีใต้
ที่เกาหลีใต้ปีนี้มีมรดกโลกแห่งใหม่ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ "สุสาน หลวงแห่งราชวงศ์โชซอน" (Royal Tombs of the Joseon) สุสานโบราณ อายุกว่า 5 ศตวรรษ มีสุสานหลวง 40 แห่งจากสมัยอาณาจักรโชซอน สุสานเหล่านี้เป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์ ราชินี และเหล่าบรรพชน 27 รุ่นของราชวงศ์โชซอน และเป็นการยากที่จะได้พบสุสานในราชวงศ์ทั้งหมด ซึ่งยังอยู่ในสภาพดีเช่นนี้
ชูสตร้า-อิหร่าน
ในขณะที่สถานที่เลื่องชื่อของอิหร่านอย่าง "ซูร์ตาร์" (Shushtar) เมืองโบราณในประเทศอิหร่านก็เป็นหนึ่งในมรดกโลกปีนี้ เพราะความที่ซูร์ตาร์มีระบบชลประทานที่น่าทึ่ง ผันน้ำมาใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรมในพื้นที่กว่า 40,000 เฮกตาร์ ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน
ด้าน "ภูเขา ศักดิ์สิทธิ์สุลาเมน"( Sulamain) ประเทศคีร์กีซสถาน หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม และเป็นเทือกเขาโบราณสำคัญของนักเดินทางบนเส้นทางสายไหม ก็เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ด้วยเช่นกัน
เมืองศักดิ์สิทธิ์คาเรล ซูฟ-เปรู
เช่นเดียวกับ "เมืองศักดิ์สิทธิ์คาเรล ซูฟ" (Caral-Supe) ตั้งอยู่ในประเทศเปรู เป็นศูนย์กลางของอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกาใต้ มีความซับซ้อนของสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสาวรีย์หินโบราณ ทำให้ยูเนสโกมองเห็นความสำคัญและมอบความเป็นมรดกโลกให้
"ประภาคารเฮอร์คิวลิส" (Tower of Hercules)
ตามติดด้วย "ประภาคารเฮอร์คิวลิส" (Hercules) อยู่ ในประเทศสเปน เป็นประภาคารและสถานที่ทางเข้าของ 'ลา คอรุญญา' ท่าเรือสำคัญ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 1 ในบริเวณเดียวกันมีสวนประติมากรรม หินแกะสลักจากเหล็กและสุสานมุสลิม ในยุคที่อาณาจักรโรมันยังเรืองอำนาจ ถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงประภาคารโบราณสมัยกรีก-โรมัน ซึ่งยังคงให้เห็นความสมบูรณ์แบบของรังวัดในโครงสร้างและการทำหน้าที่แต่ละ ส่วนสอดคล้องต่อเนื่อง
เมืองลาโชซ์-เดอฟองด์-สวิตเซอร์แลนด์
"เมืองลาโชซ์-เดอฟองด์ และเมืองเลอโลเคิล"( La Chaux-de-Fonds/Le Locle watchmaking town-planning) แหล่งผลิต นาฬิกาที่ขึ้นชื่อของสวิตเซอร์แลนด์ ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกเช่นกัน ในฐานะเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นด้านเมืองแห่งประวัติศาสตร์การบุกเบิก อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ซึ่งยังคงอนุรักษ์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสืบทอดความยิ่งใหญ่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างมีชีวิตชีวา
สะพานส่งน้ำพอนต์ซิซิลเต-อังกฤษ
และมรดกโลกอีกหนึ่งส่งท้ายของปีนี้ก็คือ "สะพานส่งน้ำ พอนต์ซิซิลเต"( Pontcysyllte) แห่งสหราชอาณาจักร มีความยาว 18 กม. ซึ่งทอดตัวอยู่เหนือคลองที่ขุดตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ในแคว้นเวลส์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ สร้างคุณูปการในเชิงวิศวกรรมโยธาแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยการก่อสร้างที่จับต้องสัมผัสได้ โดดเด่นในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะกลวิธีออกแบบที่ไม่ต้องใช้ตัวสลัก ถือเป็นการบุกเบิกผลงานชิ้นเอกแห่งวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมโลหะโบราณที่ได้ รับการอนุรักษ์อย่างดี
พร้อมกันนี้ทางยูเนสโกได้เพิ่มรายชื่อของ "อุทยาน ธรรมชาติปะการังทับบาตาฮา"( Tubbataha ) ของฟิลิปปินส์เป็นส่วน ขยายจากอุทยานทางทะเลทับบาตาฮา ซึ่งเป็นมรดกโลกไปก่อนหน้านี้ เพื่อความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
อุทยานธรรมชาติปะการังทับบาตาฮา
ส่งท้ายด้วยเรื่องเศร้าที่ทางยูเนสโกได้ประกาศถอดถอน "หุบ เขาเดรสเดน เอลเบ" (Dresden Elbe ) ทางฝั่งตะวันออกของเยอรมนี ออกจากบัญชีมรดกโลก หลังจากที่รัฐบาลเยอรมนี มีแผนก่อสร้างสะพานคอนกรีตกับเหล็กกล้าความกว้างขนาดถนน 4 เลน ระยะทาง 600 เมตร ตัดใจกลางหุบเขา นับว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
"หุบเขาเดรสเดน เอลเบ" (Dresden Elbe )
สำหรับเมืองไทยถ้าหากยังคงนิ่งนอนใจกับมรดกโลกที่มีอยู่ โดยไม่ร่วมกันดูแลแต่กับปล่อยปละละเลยให้พื้นที่มรดกโลกถูกทำลายจนเสื่อมโทรม ไม่ว่าจะเป็นที่อยุธยาหรือที่เขาใหญ่ตามที่เป็นข่าว สักวันหนึ่งมรดกโลกในเมืองไทยอาจถูกถอดถอนอย่างหุบเขาเดรสเดน เอลเบ ก็เป็นได้
ที่มา : www.unigang.com