“เชียร์บอล”อย่าพนัน

“เชียร์บอล”อย่าพนัน

“เชียร์บอล”อย่าพนัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เชียร์บอล" อย่าพนัน

เวลานี้คงไม่มีอะไรฮอตฮิตไปกว่า "มหกรรมฟุตบอลโลก 2010" ที่กำลังจะมาถึง หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอ เพราะ 4 ปีจะมีสักครั้ง นอกจากความสนุกสนานที่จะได้ลุ้นทีมในดวงใจแล้ว สิ่งที่มักจะมาคู่กันคือการ "เล่นพนันฟุตบอล"

นิสัยของคนไทย เกือบครึ่งที่ชอบเสี่ยงโชค บางคนถึงขั้นเล่นติดกันงอมแงม จนเป็นที่มาของการเป็น "หนี้พนัน" และสิ่งตามมาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงคืออาการเครียด ซึมเศร้า จนเป็นที่มาของคดีอาชญากรรม ลัก วิ่ง ชิง ปล้นที่จะอุบัติขึ้นเป็นดอกเห็ด บางรายอาจคิดสั้นตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีปัญหาไปในที่สุด...

เกี่ยวกับเรื่องนี้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้คาดการณ์ไว้ว่า บอลโลกปีนี้ "คนไทย" จะควักกระเป๋าเล่นพนันบอล เป็นเงินสูงถึงกว่า 3.7 หมื่นล้าน!!...ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ...

อีกทั้งจากการสำรวจของศูนย์ประสานงานเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา ในประชาชนอายุ 12-60 ปี เขตกรุงเทพฯ ชลบุรี นครราชสีมา เชียงใหม่ สงขลา จำนวน 2,541 ราย ที่ผ่านมา ยังพบอีกว่า ในจำนวนผู้สำรวจถึง 16.6% ยอมรับว่าเคยเล่นพนันทายผลฟุตบอล และที่น่าเป็นห่วง คือในจำนวนผู้ที่ยอมรับว่าเคยเล่นนั้นเกินกว่าครึ่งคือ 53.8 ยังคงเล่นอยู่ในปัจจุบัน...

หากถามถึงปัจจัย ที่ทำให้คนส่วนใหญ่สนใจที่จะเล่นพนันบอลคงหนีไม่พ้น เพราะทำให้เชียร์สนุก เล่นตามเพื่อน หรือแม้กระทั่งการหวังรวยทางลัด โดยไม่คำนึงถึงเงินในกระเป๋าตนเองว่ามีมากน้อยเพียงใด บางรายถึงกับโกหก ล่อลวงคนใกล้ชิดให้ต้องขายรถ ขายบ้าน ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์หรือแม้แต่ทุจริตเงินของหน่วยงาน เพื่อนำเงินไปใช้หนี้หรือเล่นพนันฟุตบอล

หากเป็นเช่นนี้ คงเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า คนเหล่านั้นติดพนันบอล นอกจากนี้ปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท และการหย่าล้าง ครอบครัวแตกแยกในที่สุด...

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุทำให้เกิดเครือข่ายรณรงค์หยุดการพนัน ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ(สสส.) ขึ้น เพื่อเฝ้าระวังและรณรงค์ให้ประชาชนไม่ตกเป็นทาสของการพนัน โดยเฉพาะ "เยาวชน" ที่อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่ายที่สุด...

นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน กล่าวไว้ว่า เยาวชนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในการเสี่ยงที่จะติดพนัน บอล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษในช่วงนี้ คอยเฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรมของลูก เพื่อจะได้หาทางป้องกันได้ทันท่วงที

"การทำงานของเครือข่ายฯ จะทำงานร่วมกับ เครือข่ายครอบครัว เครือข่ายเยาวชน เครือข่ายงดเหล้า และเครือข่ายขบวนการตาสับปะรด ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เฝ้าระวังหากพบว่าสถานที่ใดมีการพนันบอลเกิดขึ้น ก็จะประสานงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการต่อไป รวมทั้งยังมีการแจกชุดความรู้เพื่อเด็กและเยาวชนเข้าใจถึงโทษของการติดพนัน บอลอีกด้วย" นายธนากร กล่าว

อีกทั้งในเรื่องการรับเรื่องร้องเรียนนั้น ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับโต๊ะพนันได้ที่ www.หยุด พนัน.com นอกจากนี้ ยังสามารถสมัครเป็นสายลับไซเบอร์เฝ้าระวังปัญหาพนันบอลอีกด้วย

ปัญหาเหล่านี้ คงจะไม่สามารถแก้ไขได้หากทุกคนไม่ร่วมมือกัน โดยเฉพาะกุญแจสำคัญอย่างพ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นต้องแนะนำให้ความรู้ และเตือนให้เด็กรู้จักป้องกันตนเองว่า

1. ตัววัยรุ่นเองจะต้องพยายามควบคุมตัวเองและครองตนให้ดี ซึ่งหากชอบกีฬาก็ควรศึกษาเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอล ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจริงๆ เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้จากการชมกีฬาที่แท้จริง

2. ต้องศึกษาเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้หลง กลของเกมการตลาดและคำโฆษณาชวนเชื่อ

3. ต้องรู้จัก พิจารณาไตร่ตรองว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องของการพนันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลร้ายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

4. หากมีใคร ชักชวนหรือท้าทาย เราต้องกล้าที่จะปฏิเสธ ไม่หลงไปเป็นเหยื่อของผู้ที่มาชักชวน

5. ต้องเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ไม่เห็นแก่เงิน

6. อย่าใช้ข้ออ้างกับตัวเองว่าแค่พนันเล่นๆ เท่านั้น เพราะมันจะเกิดเป็นพฤติกรรมที่เคยชิน ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการทำซ้ำ

7.หากเจอผู้ที่ตกอยู่ในภาวะติดการพนันไปแล้ว ให้บอกพ่อแม่หรือคนใกล้ชิดของเพื่อน และพยายามดึงเขาออกมาจากพฤติกรรมนั้น

8. หากพบว่าตนเองเข้าข่ายติด พนันบอล ก็ต้องกล้าหาญยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และบอกคนใกล้ชิดให้ช่วยเหลือ

หากทุกครัวเรือนทำได้เช่นนี้ ปัญหาการพนันทุกประเภท ไม่ใช่แต่พนันบอลก็จะหมดไปจากสังคมไทยอย่างสิ้นเชิง....

 

 

ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.

เขียนโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook