เสียงสะท้อนมุมมองเด็กรุ่นใหม่...เพื่อสังคมไทยของพวกเรา

เสียงสะท้อนมุมมองเด็กรุ่นใหม่...เพื่อสังคมไทยของพวกเรา

เสียงสะท้อนมุมมองเด็กรุ่นใหม่...เพื่อสังคมไทยของพวกเรา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

นับจากบรรทัดนี้ไป ตัวอักษรที่ผ่านสู่สายตาของทุกท่าน คงตอกย้ำได้ดีกับคำกล่าวที่ว่า "เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า" เพราะเสียงสะท้อนของเด็กๆ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เช่น น้องๆ ที่คว้าตำแหน่งแฟนต้ายุวทูตภาคต่างๆ ในโครงการแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ปีล่าสุด เหล่านี้ คงสะท้อนมุมมอง ความคิดความอ่านที่ต่างแสดงออกมาอย่างชาญฉลาดและน่าสนใจ ภายใต้ความห่วงใยสังคมไทย เพราะเด็กยุคใหม่ยุค 2010 นี้ เรียนเก่งอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องรู้รอบและรอบรู้ด้วย อีกทั้งต้องมีแนวคิดเพื่อส่วนสังคม และส่วนรวมด้วย

ทีมแฟนต้ายุวทูตที่ครองแชมป์ในส่วนกรุงเทพฯ น้องเลม่อน - ด.ญ.สริตา ปูรณวัฒนกุล, น้องน่อน - ด.ญ. ยอดสร้อย โอฬารศิริกุล และน้องพราว - ด.ญ.ดรัลรัตน์ ปูรณวัฒนกุล ในนามทีม "BCT" จากชมรม Bridge Club Thailand ที่ชนะใจกรรมการ ด้วยโครงการ "พื้นที่สร้างสรรค์ บานเป็นดอกเห็ด" ได้แสดงมุมมองถึงสิ่งที่ตนเองอยากทำเพื่อสังคมว่า "พวกเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่มีความฝันทำประโยชน์เพื่อสังคม โครงการพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น การได้ชักชวนน้องๆ มาทำประโยชน์ เช่น พับกระดาษ วาดรูป เล่านิทาน ทำงานฝีมือ น้องๆ ก็สนุกและมีความสุข นี่คือสิ่งที่เราทำให้กับสังคม ในเมื่อพวกเรามีกำลังและโอกาสมากกว่า เราก็ควรช่วยแบ่งปันให้เด็กด้อยโอกาส และสิ่งที่พวกหนูอยากให้เกิดขึ้นในสังคมไทย คือความสามัคคี ยอมรับความเห็นซึ่งกันและกัน ร่วมกันพัฒนาประเทศค่ะ"

มาถึงน้องๆ แฟนต้ายุวทูตปีล่าสุด ประจำภาคกลาง น้องเยาว์ - ด.ญ.พะเยาว์ แซ่หาง, น้องนัท - ด.ญ.สมใจ แซ่หาง และน้องกุ้ง - ด.ญ.วริษา พุฒิไชยจรรยา รวมตัวกันในชื่อทีม "โรงเรียนวัดสระแก้ว" จากโรงเรียนวัดสระแก้ว (รุ่งโรจน์ธนกุลอุปถัมภ์) จ.อ่างทอง ที่มาพร้อมโครงการพิชิตใจกรรมการ "ธนาคารขยะรีไซเคิล ตามรอยเท้าพ่ออย่างพอเพียง" กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสว่า "สิ่งที่เด็กๆ อย่างพวกเราจะทำให้สังคมได้ คงเป็นเรื่องที่เรานำมาเสนอในการประกวดครั้งนี้ค่ะ เพราะว่าถ้าโครงการธนาคารขยะรีไซเคิล ตามรอยเท้าพ่ออย่างพอเพียงของเรา จะทำให้ทุกคนเห็นคุณค่าของขยะ นำขยะที่ทุกคนไม่สนใจและรังเกียจ กลับมาทำใหม่ให้มีคุณค่า ช่วยลดขยะ ช่วยลดโลกร้อน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นเพียงพลังเล็กๆ แต่ถ้าเราตั้งใจและมุ่งมั่นร่วมมือกัน เราก็จะทำชุมชนและสังคมที่เราอยู่สะอาด พวกเราทำประโยชน์ให้สังคมแล้ว สิ่งที่เราอยากได้คืนจากสังคมคือภาพของคนไทยรักกันสามัคคีกันเหมือนก่อน เพราะถ้าเราคนไทยไม่รักกัน ก็ไม่มีประเทศไหนมารักเราหรอกค่ะ และอีกเรื่องคืออยากให้สังคมไทยมีความยุติธรรม ถูกต้อง ใช้เหตุผลทำงานเพื่อบ้านเมือง"

สำหรับ น้องบีม - ด.ญ.กัญญ์วรา โคตะมา, น้องเปรียว - ด.ช.ไกรวุฒิ ชรินทร์ และน้อง มาร์ค - ด.ช.ศิวกร จริญสูงเนิน ทีม "เยาวชนรักษ์น้ำเลย" จากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เลย จ.เลย ที่พาโครงการ "เยาวชนสดใสร่วมใจรักษ์น้ำเลย" เข้าเส้นชัยคว้าตำแหน่งแฟนต้ายุวทูต ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ขอแสดงความคิดเห็นถึงการมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมบ้าง "พวกเราพยายามทำกิจกรรมหลายๆ อย่างที่ทำให้ชุมชนและสังคมดีขึ้น อย่างขณะนี้คือการรวมกลุ่มกันอนุรักษ์แม่น้ำเลย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสายเลือดหลักของชุมชนของเรา โดยล่าสุดได้ไปเก็บขยะริมแม่น้ำเลยได้ขยะปริมาณมาก นอกจากนั้น สิ่งที่พวกเราทำได้คือการเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับรุ่นน้องในโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่ว่าพวกเราก็ตั้งใจทำ เพื่อสังคมที่น่าอยู่มากขึ้นในอนาคต แต่ถ้าถามกลับว่าพวกเราอยากเห็นสังคมไทยเป็นยังไง สิ่งแรกเลยก็คือต้องมีความสามัคคี เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน และอยากให้ใส่ใจและบริหารจัดการระบบการศึกษาไทยให้เดินไปข้างหน้า เพราะคนเราจะพัฒนาได้ต้องเริ่มจากการศึกษาเป็นพื้นฐาน เหมือนคำกล่าวที่ว่า รากฐานของบ้านคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษาค่ะ/ครับ"

ปิดท้ายที่เยาวชนจากยอดขวานไทย น้องๆ แฟนต้ายุวทูตภาคเหนือ ที่ทีม "Three Angels" จากโรงเรียนดาราวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ นำโดย น้องฟ้า - ด.ญ.เพียงฟ้า กล้าผจญ, น้องบุ๊ค - ด.ญ.ธันวา ใบนานา และน้องโอเมก้า - พันธรัก จันทะสูนย์ คว้าแชมป์ไปครอง ด้วยโครงการเด็ดโดนใจ "หนึ่งโรงเรียน หนึ่งธนาคารขยะ" เผยพร้อมรอยยิ้มว่า "ในฐานะที่พวกเราเป็นแฟนต้ายุวทูต พวกเราจึงอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ในการทำความดีเพื่อสังคม โดยอาจจะเริ่มจากโครงการ "หนึ่งโรงเรียน หนึ่งธนาคารขยะ" ก่อนค่ะ ซึ่งจะให้น้องๆ นักเรียนชั้นมัธยมตอนต้นเก็บขยะ โดยเฉพาะขวดพลาสติก มาฝากที่ธนาคารขยะ เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินเข้าสมุดบัญชีเงินฝาก การทำอย่างนี้ไม่เพียงจะช่วยลดขยะ ช่วยลดโลกร้อน หากยังช่วยให้เด็กๆ อย่างพวกเรามีเงินออม ไม่ต้องรบกวนคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย ซึ่งตอนนี้น้องๆ ก็ได้เข้าร่วมกว่า 2,000 คนแล้วค่ะ ส่วนสิ่งที่เราอยากเห็นผู้ใหญ่ในสังคมไทยมีต่อกันคือความรัก อย่างน้อยก็คนไทยด้วยกัน ควรรักบ้านรักประเทศชาติของเรา เพื่อทุกคนจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนแต่ก่อนค่ะ"

เหล่านี้สิ่งที่เด็กๆ ทำให้สังคม และสิ่งที่พวกเขาอยากเห็นสังคมไทยดำเนินไปในทิศทางที่พัฒนา เพื่อประเทศชาติที่ก้าวหน้า และเพื่ออนาคตของพวกเขา แล้วเราล่ะ...ได้ทำสิ่งดีๆ คืนกลับให้สังคมแล้วหรือยัง!?!

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook