บริจาคอวัยวะ...ชาติหน้าอาการไม่ครบสามสิบสอง

บริจาคอวัยวะ...ชาติหน้าอาการไม่ครบสามสิบสอง

บริจาคอวัยวะ...ชาติหน้าอาการไม่ครบสามสิบสอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรารู้กันดีว่าการบริจาคอวัยวะเป็นกุศลและเป็นสิ่งที่พึงกระทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการมอบสิ่งที่จะชำรุดเสื่อมสลายไปให้กับคนที่ใช้ประโยชน์ได้ แต่หลายคนไม่ยอมบริจาคอวัยวะด้วยเหตุที่ฟังคนอื่นพูดมาช้านานว่า ระวังนะ บริจาคอวัยวะส่วนไหนในชาตินี้ ชาติหน้าจะไม่มีอวัยวะส่วนนั้น ก็พากันเชื่อและหวาดกลัวไปตามๆ กัน

ผู้เชี่ยวชาญจากสภากาชาดไทยอธิบายให้ฟังว่า ไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ คนฝั่งตะวันออกของโลกก็มีความเชื่อคล้ายๆ กัน ซึ่งมีคำอธิบายที่ชัดเจนมากอย่างหนึ่งทางพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ประกอบกัน คือเมื่อเราเสียชีวิตแล้ว จิตและวิญญาณจะออกจากร่าง โดยทิ้งร่างกายไว้ แล้วไปเวียนว่ายตายเกิดใหม่จนกว่าจะสิ้นกรรม ร่างกายนั้นก็จะเน่าเปื่อยไปในที่สุด เรื่องนี้เราทราบอยู่แล้วแม้จะไม่ได้เห็นด้วยตา ประเพณีปฏิบัติในศาสนาพุทธเองก็คือการเผาศพ ซึ่งก็ไม่มีอะไรเหลือนอกจากอัฐิและอังคารอยู่เล็กน้อย โดยจะนำไปลอยอังคารในแม่น้ำหรือแหล่งน้ำธรรมชาติบางคนก็นำไปไว้ที่ต้นไม้ เพื่อเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ต่อไป

สิ่งที่สำคัญตามคตินี้คือเจตนาและกรรม ถ้าเรามีเจตนาอยากจะบริจาคอวัยวะ ถือเป็นกรรมดีที่ทำให้จิตเป็นกุศล ไม่เคยมีใครถามศัลยแพทย์ว่า อวัยวะที่ตัดออกไปในกระบวนการผ่าตัด จะทำให้ตัวเองสูญเสียอวัยวะนั้นไปในชาติภพหน้าหรือไม่ แต่เมื่อเสียชีวิตญาติมักจะกังวลเรื่องนี้ ซึ่งต้องช่วยกันอธิบายและโน้มน้าวใจใหม่เพราะเป็นความเชื่อที่เป็นอุปสรรคต่อการบริจาคอวัยวะมาก

ชีวิตที่มีธรรมะไม่ว่าในศาสนาใดนั้น คือไม่ให้ความเชื่อที่ผิดและขาดวิธีคิดทางวิทยาศาสตร์มาขัดขวางการทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook