เคมบริดจ์แชมป์มหาวิทยาลัยโลก

เคมบริดจ์แชมป์มหาวิทยาลัยโลก

เคมบริดจ์แชมป์มหาวิทยาลัยโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคมบริดจ์แชมป์มหาวิทยาลัยโลก เป็นข่าวเกรียวกราวในแวดวงการศึกษา เมื่อการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS World University ครั้งล่าสุด ประจำปี 2010

เป็นข่าวเกรียวกราวในแวดวงการศึกษา เมื่อการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS World University ครั้งล่าสุด ประจำปี 2010 มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของอังกฤษคว้าแชมป์นำหน้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก

QS World University ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกมาตั้งแต่ปี 2004 เป็นครั้งแรกที่จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดร่วงไปอยู่อันดับสอง จากที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งมาโดยตลอด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลการจัดอันดับเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา เรียงตามลำดับท็อป 10 ได้ดังนี้

1.มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) อังกฤษ
2.มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) สหรัฐ
3.มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) สหรัฐ
4.มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้คอลเลจ ลอนดอน (University College London) อังกฤษ
5.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสสาชูเซตต์ (Massachusetts Institute of Technology) สหรัฐ
6.มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) อังกฤษ
7.มหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London) อังกฤษ
8.มหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago) สหรัฐ
9.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology) สหรัฐ
10.มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) สหรัฐ

ในปีนี้มหาวิทยาลัยของสหรัฐเข้ามาอยู่ในอันดับมากที่สุด จำนวน 31 มหาวิทยาลัย จาก 100 อันดับแรก และจำนวน 53 มหาวิทยาลัย จาก 200 อันดับแรก
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสสาชูเซตต์อยู่ในอันดับ 5 ขึ้นมาจากอันดับ 9 สะท้อนให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีเลื่อนอันดับดีขึ้นในปีนี้
อังกฤษไม่เป็นรองใครในโลกในเรื่องระบบการศึกษา หลักสูตรการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ จึงมีนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะจากเอเชียเข้าไปศึกษาเป็นจำนวนมาก มหาวิทยาลัยของอังกฤษจำนวน 30 มหาวิทยาลัยติดกลุ่ม 200 อันดับแรก นำมาเปรียบเทียบกับการจัดอันดับมหาวิทยาลัยดีที่สุดในประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ผลัดกันครองแชมป์อันดับ 1 มหาวิทยาลัยดีที่สุดในประเทศอังกฤษ สองมหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสหราชอาณาจักรและแข่งขันทางวิชาการมายาวนาน

สำหรับมหาวิทยาลัยในยุโรป (ไม่รวมอังกฤษ) จำนวน 60 มหาวิทยาลัยที่จัดอยู่ใน 200 อันดับแรก อาทิ มหาวิทยาลัยของเยอรมนี 12 แห่ง มหาวิทยาลัยของเนเธอร์แลนด์ 12 แห่ง มหาวิทยาลัยในสวิตเซอร์แลนด์ 7 แห่ง และมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศส 5 แห่ง

ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยของเอเชียจำนวน 32 มหาวิทยาลัยอยู่ใน 200 อันดับแรก ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น 10 แห่ง มหาวิทยาลัยของจีน 6 แห่ง มหาวิทยาลัยของฮ่องกง 5 แห่ง และมหาวิทยาลัยของเกาหลีใต้ 5 แห่ง

ปีนี้มหาวิทยาลัยของมาเลเซียไม่ติด 200 อันดับแรก เป็นเพราะมหาวิทยาลัยมาลายา (Universiti Malaya) หล่นจากอันดับ 180 ในปี 2009 มาอยู่ที่ 207 ในปีนี้
มหาวิทยาลัยของสิงคโปร์ 2 แห่งเข้ารอบ 200 อันดับแรก ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหล่นจากอันดับ 138 ลงมาอยู่ที่ 180 ในประเทศอินเดียมีเพียงสถาบันเทคโนโลยีบอมเบย์ (the Indian Institute of Technology Bombay) ติดอันดับ 187 ส่วนสถาบันเทคโนโลยีเดลฟี (IIT Delhi) หลุดจาก 181 ไปอยู่ที่ 202

มหาวิทยาลัยของออสเตรเลียเข้ามา 8 แห่งในกลุ่ม 200 อันดับแรก มหาวิทยาลัยของออสเตรเลียเข้ารอบ 500 อันดับแรกมากกว่าประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็มีการเลื่อนอันดับลงจากปีก่อน

ปีก่อน QS World University ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกร่วมกับนิตยสาร Times Higher Education ของอังกฤษ แต่ไม่ได้ร่วมงานกันในปีนี้ เนื่องจากเป็นกังวลว่าการจัดอันดับของบริษัทที่ให้คำแนะนำด้านอาชีพจะอ้างอิงการสำรวจความคิดเห็นส่วนตัวของนักวิชาการและนายจ้างมากเกินไป ซึ่งไม่เพียงพอที่จะชี้จุดแข็งของความเป็นเลิศทางวิชาการ
Times Higher Education รายงานผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของตนเองในวันที่ 16 กันยายนนี้ คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอันดับที่น่าผิดหวังสำหรับมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษบางแห่ง

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : จิระนันต์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook