มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า เรียนบริหารช่วยจัดการทุกอย่างให้ลงตัว
ถ้าพูดถึงนางเอกช่อง 3 ชั่วโมงนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักดาราสาวสวยมากความสามารถที่ชื่อ มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า เรตติ้งที่พุ่งกระฉูดของละครคือสิ่งที่ช่วยการันตีถึงความสามารถของเธอได้เป็นอย่างดี ล่าสุดกับการรับบทเป็น ทิชากร หรือ กะทิ ในละครเรื่อง ‘วายุภัคมนตรา' หนึ่งในซีรี่ส์ชุดสี่หัวใจแห่งขุนเขา ละครฟอร์มยักษ์ ฉลอง 40 ปี ไทยทีวีสีช่อง 3 แต่ก่อนที่ละครจะออนแอร์เราชิงตัดหน้าคว้าตัวนางเอกอารมณ์ดี ‘มาร์กี้' หนึ่งในนางเอกซีรี่ส์เรื่องนี้ มาพูดคุยถึงงานละครไล่เลียงไปถึงเรื่องราวส่วนตัวของเธอ พร้อมแล้วก็ไปทำความรู้จักกับเธอกันเลยดีกว่า
นางเอกแถวหน้าของช่อง 3
"ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ กี้ว่าเป็นเรื่องของโอกาสมากกว่า ผู้จัดก็คงมองว่าบทนี้เหมาะกับตัวกี้ ก็เลยเลือกให้มาเล่นละครเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ดีใจนะคะที่มีโอกาสได้มาเล่นละครฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ มีนักแสดงทั้งพระเอกนางเอกตั้งหลายคน เกือบหมดช่องสามเลยมั้งคะ (หัวเราะ) ซึ่งแต่ละคนพกพาความสามารถกันมาเต็มที่ เพื่อจะถ่ายทอดบทบาทที่ได้รับให้ดีที่สุดให้สมกับเป็นโอกาสที่ดีฉลอง 40 ปีของช่อง 3 ด้วยค่ะ"
Lucky in game, Lucky in Love
"ไม่มีใครมาจีบเลยค่ะ ในวงการก็ไม่มี มีแต่พี่ ๆ เพื่อน ๆ เพราะว่าเราไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงมั้งคะ ไม่ใช่ผู้หญิงหวาน ๆ จะมาฮิฮะ ๆ ตลอดแบบนั้นก็ไม่ไหว มันเหนื่อย..แอ๊บเหนื่อย (หัวเราะ) เขาก็จะมองเหมือนน้องชายมากกว่า อย่างอยู่กับพี่หลุยส์ก็จะคุยเรื่องรถ น้องมิ้น นางเอกที่เล่นเรื่องเดียวกัน ก็อยากเข้ามาคุยด้วย แต่ก็งง พี่คุยเรื่องอะไรกัน คือเขาจะชอบเล่นตุ๊กตาบลายธ์ไงคะ แต่พอมารวมกลุ่มคุยกับเรา ตอนนี้มิ้นไม่เล่นแล้วตุ๊กตาบลายธ์แต่จะไปเอาดีด้านการเป็นนักแข่งไปแล้ว (หัวเราะ) คนเขาจะเชียร์ให้เราเป็นแฟนกัน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาก็มองกี้เป็นน้องสาวมาก และกี้ก็มองเขาเป็นพี่ชายมาก ๆ ด้วยความที่กี้ไม่มีพี่ชาย มีแต่น้องสาว เป็นคนที่อยากมีพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้คิดว่าไม่มีล่ะดีแล้ว เพราะเห็นพี่หลุยส์เป็นแบบนี้ก็เลยไม่อยากมี (หัวเราะ) ล้อเล่นนะคะ
นอกวงการยิ่งแล้วใหญ่ มีอยู่ครั้งเดียวมั้งคะที่มหาวิทยาลัย มีผู้ชายคนหนึ่งเราไม่รู้จัก เขาเดินเข้ามาถาม มีเบอร์โทรศัพท์มั้ยครับ กี้แค่หันไปแล้วก็ฮื้อ!? เขาเดินไปเลย คือกี้ยังไม่ได้พูดอะไรนะ งงอยู่ คนอะไรไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือ งงมาก ก็ถามเขาไปว่า อะไรนะ? เขาก็แบบไม่มีอะไรครับ แล้วเขาก็เดินไปเลย คือเขามาถามว่ามีเบอร์โทรศัพท์มั้ยครับ แล้วที่กี้ห้อยอยู่ BB ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ มีแค่พินมั้ง อะไร ไม่เข้าใจ วันนั้นเป็นวันที่งงมาก เขาคงเมาท์กันกับกลุ่มเพื่อนเขา อย่าไปถามมัน เดี๋ยวมันจะหันมาทำหน้างง ๆ ใส่ อย่างนี้หรือเปล่า หลังจากนั้นไม่มีอีกเลย (หัวเราะ)
เทคนิคกินเก่งแต่ไม่อ้วน
กี้กินเยอะก็ต้องออกกำลังกายเยอะ คือเราเป็นคนชอบกิน อะไรก็อร่อยไปหมด วันไหนว่าจะไม่กิน
อย่างน้อยก็ต้องมีคำหนึ่ง พอกินแล้วมันก็จะหยุดไม่ได้ แต่เราก็จะต้องออกกำลังกาย คือกี้จะเป็นคนอ้วนแล้วแขนขาเล็กเท่าเดิม แต่จะมาบวมที่หน้า จนเพื่อนบอกไม่ไหวนะกี้ไปทำโบท็อกเถอะ ซึ่งกี้เบื่อมากกับไอ้โบทอกเนี่ย เพราะกี้ไปศึกษามา การทำโบทอกมันคือการทำให้กล้ามเนื้อตาย แล้วกล้ามเนื้อตายแล้วไงอ่ะ ถ้าหมอฉีดเกินขนาดหนูยิ้มไม่ได้ หนูแสดงอารมณ์ไม่ได้ เราก็ไม่ต้องเล่นละครกันพอดี เรื่องศัลยกรรมก็เหมือนกัน คือกี้เป็นคนกลัวเจ็บไงคะ อย่างไปเจาะหูกับเพื่อนก็ต้องให้เพื่อนเจาะก่อน ถ้าเพื่อนร้องเราจะไม่เจาะ แล้วกี้ก็ชอบดูรายการทีวี.ที่ทำศัลยกรรม เห็นเขากระแทกหน้าปัง ๆ เฮ้ย! นั่นหน้าเรานะ ทำแรงขนาดนั้น นึกว่าซ่อมบ้านหรือเปล่า กี้กลัวมาก แต่ถ้าใครทำแล้วสวยกี้ก็ไม่ว่าอะไรนะคะ ใครทำ ใครชอบก็ตามใจ แต่ว่าเราก็ต้องมีลิมิต คือร่างกายของเรามันมีข้อจำกัดในการรับสิ่งแปลกปลอม ถ้ามากไปมันก็เป็นอันตราย
เรียนบริหารต้องบริหารได้ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน
ตอนนี้กี้เรียนอยู่ปี 4 เอแบคค่ะ คณะบริหารธุรกิจ อีกไม่นานก็จะจบแล้ว กะว่าเรียนจบจะพักสัก 6 เดือนแล้วค่อยต่อปริญญาโท แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะเรียนโทอะไร แค่คิดว่าเดี๋ยวเรียนจบจะไปเรียนทำอาหาร ทำขนม เผื่อว่าต้องเอามาใช้ในละคร แล้วก็เรียนแอ็คติ้งด้วย ตอนนี้กี้เรียนแอ็คติ้งกับหม่อมน้อย วันไหนว่างก็เข้าไปเรียน วันไหนไม่ได้เรียนก็เข้าไปกินข้าว (หัวเราะ) แบบว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ขอให้ได้เข้าไป แต่ไปแล้วกลับดึก เที่ยงคืนตีหนึ่ง ช่วงแรก ๆ ที่ไป แม่ก็จะถามว่าเรียนแอ็คติ้งชัวร์ คือเรียนแอ็คติ้งเสร็จตั้งแต่ประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากนั้นเป็นการเมาท์กันแล้วก็เป็นการกินซะส่วนใหญ่ นั่งทำสปาเกตตี้กินกันไปเมาท์กันไปเรื่อยสนุกสนานดี แต่เวลาเรียนก็โอเคค่ะ วันหนึ่งเรียนเต็มวัน วันละ 3-4 ตัว เราก็บริหารเวลาได้อยู่แล้ว เวลาพักผ่อนก็มีอยู่แล้ว เพราะบางทีคิวไม่ตรงกัน ไม่ได้ถ่ายทุกวัน ถ่ายบ้างไม่ได้ถ่ายบ้าง อะไรแบบนี้ค่ะ
การเป็นดารากับปฏิกิริยาของเพื่อน
ก่อนเข้าวงการกับเข้าวงการมาแล้ว ปฏิกิริยาของเพื่อนไม่แตกต่างค่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม เป็นเพื่อนกันมาเป็น 10 ปี รู้จักตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนที่ยังไม่ได้เข้าวงการ ตอนแรกก็แซวบ้าง แต่จะถามถึงคนอื่นซะมากกว่า เล่นเรื่องไหนก็จะถามถึงพระเอกเรื่องนั้นเป็นยังไง อะไรอย่างนี้ แล้วก็จะชอบถามว่ามีฉากจูบมั้ย พอเราบอกว่าไม่มี เพื่อนก็จะทำหน้าเซ็ง อารมณ์เสีย งั้นไม่ดู อะไรอย่างนี้ค่ะ (หัวเราะ) ส่วนกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยกี้ไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ จะมีบ้างก็เรื่องของซิมโทรศัพท์ กิจกรรมที่ทางมหาวิทยาลัยเขาจัดขึ้นเป็นโครงการที่เป็นเด็กเอแบคด้วยกันโทร.ฟรีอะไรประมาณนี้ แต่ชมรมไม่ได้เข้า เพราะเรื่องของเวลา เรามีเวลาไม่ค่อยตรงกับคนอื่นก็เลยตัดเรื่องพวกนี้ไป
น้ำพักน้ำแรงที่ภูมิใจ
ตอนนี้กี้เก็บเงินเอง คือเมื่อก่อนก็จะให้คุณแม่ทำให้ทุกอย่าง แต่คุณแม่บอกว่าเราต้องรู้จักดูแลตัวเองบริหารเงินของเราเอง เราจะได้รู้ว่าหามาได้เท่าไหร่ ควรใช้จ่ายยังไง ถ้าให้แม่ดูแลให้ แล้วถ้าเกิดแม่เป็นอะไรไปหนูจะทำได้ยังไง คือแม่ชอบพูดแบบนี้ หนูก็เลยต้องดูแลเรื่องเงินของตัวเอง มีคิดอยากจะซื้อรถซื้อบ้านเหมือนกัน พอเก็บเงินได้เยอะ ๆ มันก็เริ่มเสียดาย ซื้อบ้านทีมันหมดไปเลยนะ ก็จะยังก่อนแล้วกัน แต่ก็ตัดสินใจซื้อรถคะ ซื้อมินิมาคันหนึ่ง ก็โอเค เป็นรถที่เหมาะกับเรา กี้ว่าเรื่องนี้สำคัญนะ กี้เป็นคนที่มองอะไรที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า อย่างกี้มีมินิ มีคนเอาเฟอร์รารี่มาแลกกับกี้ กี้ก็ไม่เอานะ เพราะมันไม่เหมาะกับเรา แต่ถ้าให้ขายก็ค่อยว่ากันอีกที (หัวเราะ)
ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : iamamwa
ภาพ : in magazine