ฌอห์ณ จินดาโชติ ความฝันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละไว้

ฌอห์ณ จินดาโชติ ความฝันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละไว้

ฌอห์ณ จินดาโชติ ความฝันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละไว้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุ้นหน้าคุณตากันเป็นอย่างดีกับหนุ่มหล่อมากความสามารถ ฌอห์ณ จินดาโชติ ด้วยความสามารถที่หลากหลายทำให้มีงานเข้าแถวรอคิวยาวเหยียด ทั้งงานพิธีกร งานละคร ฯลฯ ล่าสุดกับละครเรื่อง "ช็อกโกแลต 5 ฤดู" หนุ่มฌอห์ณขึ้นแท่นรับบทเป็นพระเอกคู่กับแดน-วรเวช และละครมีกำหนดออนแอร์ให้แฟน ๆ ได้ชมปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ทางช่องโมเดิร์นไนท์ทีวี แต่ก่อนที่ละครจะออนแอร์เรารีบขโมยซีนไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน เป็นออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อย ใครพร้อมแล้วก็ล้อมวงกันเข้ามาเลย

ผลงานสร้างชื่อ
ตอนนี้ฌอห์ณมีผลงานละครช็อกโกแลต 5 ฤดู จะออกอากาศวันที่ 20 พฤศจิกายน วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางโมเดิร์นไนท์ทีวี พิธีกรรายการเวคคลับ ทาง ททบ.5 แล้วก็พิธีกรรายกายแบงรูม (บูม แรง) ทางแบง แชนแนล ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ออกอากาศเวลา 17.00-19.00 น. ครับ

เรียนกับงานต้องจัดลำดับความสำคัญ
ตอนนี้ฌอห์ณเรียนปี 4 ครับ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนี้ใกล้จบแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มลงตัว ไม่เหมือนตอนปีสามปีสี่เทอมแรก คือฌอห์ณรู้สึกว่าช่วงที่เรียนหนักที่สุดของการเรียนมหาวิทยาลัยคือช่วงนั้นมันก่ำกึ่ง ปีหนึ่งปีสองจะเป็นหลักสูตรพื้นฐาน ให้นักศึกษาเข้ามาปรับตัว เป็นรหัสธรรมศาสตร์รหัส TU ที่ทุกคณะต้องมาเรียนด้วยกัน มีวิชาปรัชญา วิชาอารยธรรมต่าง ๆ ซึ่งจะกว้างมาก แต่พอปีสองวิชาจะเป็นวิชาคณะ จะลงลึก แต่ก็ยังเบสิกอยู่ แต่ปีสามจะเป็นการเอาวิชาที่เรียนตอนปีสองมาแอดวานซ์อีกทีซึ่งจะเริ่มหนักขึ้น
ตอนที่ฌอห์ณจัดตารางเรียนก็จะคุยกับที่บ้านก่อน เพราะเราอยากเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เราต้องจัดลำดับความสำคัญให้เรื่องเรียนเป็นที่หนึ่ง รองลงมาก็คือเรื่องงาน และก็จะคุยกับพี่ ๆ ทีมงานด้วยว่าเราอยากจะเรียนจบ 4 ปี เราต้องช่วยกัน ฌอห์ณก็จะหาเวลาให้พี่เขา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องหาเวลาเข้าเรียนได้ด้วย ซึ่งการเรียนมหาวิทยาลัยมันดีตรงที่ทุกอย่างมันไม่บังคับเหมือนมัธยม ที่ต้องมาเช็กชื่อ มาเรียนให้ครบทุกคาบ
ตอนจัดตารางเรียนเรารู้แล้วว่าท้ายปีเราจะมีละคร แล้วก็มีงานเยอะ เราก็จัดตารางเรียนไปสามวัน ตารางเรียนเราก็ออกเช้าไปถึงบ่าย เรียนตั้งแต่แปดโมงเช้าไปถึงบ่ายสอง เรายอมไปเรียนเช้าเลิกเย็นเพื่อจะได้เอาเวลามาทำงาน ต้องช่วยกันคนละครึ่งทาง จะทำให้การเรียนกับการทำงานไปด้วยกันได้ครับ

ความเป็นดารากับปฏิกิริยาของเพื่อน
ที่ธรรมศาสตร์ไม่เหมือนจุฬาฯ อยู่อย่างหนึ่ง คือจุฬาฯ ดาราจะเยอะ โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนธรรมศาสตร์นาน ๆ ดาราผู้ชายจะหลุดมาสักคน เสน่ห์ของธรรมศาสตร์อยู่ตรงนี้ เขามีความหลากหลาย จะเห็นว่าเด็กทุกภาคเข้ามาเรียนที่นี่ แล้วก็มีความเรียบง่าย Royalty สูง รักสถาบัน เลือดการเมืองแรง เข้ามาแรก ๆ ในบรรดาเฟรชชี่รุ่นฌอห์ณเป็นรุ่นที่มีดาราเยอะ เราก็ไม่ได้กังวลเพราะคิดว่าเราไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น ก็ใช้ชีวิตปรกติ ปีหนึ่ง ปีสอง ก็ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยให้มากที่สุด เข้าไปวันแรก เราเกร็งมาก แต่แม่สอนเราว่า คงไม่มีใครเข้าหาเราก่อน เราต้องเข้าหาคนอื่นก่อน ก็เข้าไปทักไปพูดคุยกับคนอื่นก่อน มาวันนี้คิดว่าโชคดีมากที่เราไปวันนั้น เพราะถ้าเราไม่ไปเราคงไม่ได้รู้จักเพื่อน ๆ ฌอห์ณผ่านมาถึงจุดนี้ได้เพราะมีกลุ่มเพื่อนที่ดี มีคนที่เข้าใจ อย่างงานกลุ่มเราไม่ทำไม่ได้ เพราะเรามาทำงานแบบนี้ เขาไม่ได้มีส่วนได้อะไรจากฌอห์ณเลย เราก็อยากจะช่วยเพื่อนเหมือนกัน เราต้องแสดงสปิริตต้องยอมเหนื่อยมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเราเหนื่อยแล้วบอกเพื่อนว่านายช่วยหน่อยได้ไหม มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง สมมุติว่างาน 100% ฌอห์ณจะขอมาช่วยสัก 40-60% ฌอห์ณไม่สามารถช่วยได้เต็มร้อย เพราะเรื่องเวลาของเราด้วย เพื่อนก็จะโอเค แต่ด้วยความผูกพันเพื่อนก็จะบอกว่าไม่ต้องเยอะหรอก เอาแค่นี้ก็พอ คือเราได้กลุ่มเพื่อนดีก็ทำให้เราทำอะไรได้ง่ายขึ้น

สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาสอนให้เรามีทัศนคติเชิงบวก
ฌอห์ณเป็นคนชอบสายการเมือง สายข้าราชการครับ และคณะของฌอห์ณจะเป็นการปกครองคนในชุมชน การจัดระบบการดูแลในเชิงจิตวิทยา คือถ้าระบบการเมืองเป็นวงกลมอันหนึ่ง มีชั้นประมาณ 5 ชั้น เริ่มมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ กฎหมาย รัฐศาสตร์ร่างกฎหมายมา กฎหมายก็เอาไปใช้กับประชาชน แต่คนไม่รู้ว่ากฎหมายมันเอาไปใช้ได้จริงหรือเปล่า บางทีคนตำบลหนึ่งเขาอาจจะไม่ยอมรับกฎหมาย หรืออาจจะเอาไปใช้กับเขาไม่ได้ กลุ่มคนนักสังคมวิทยานี่แหละครับที่จะเข้าไปศึกษาว่ารูปแบบการเมือง กฎหมาย หรือว่าอะไรที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด เราเป็นตัวกลางที่คอยเชื่อมโยงกับสองกลุ่มนี้ ซึ่งพอเข้ามาทำงานเราก็เอาวิชาที่เรียนมาใช้ เวลาที่เราเจอคนแปลกหน้า หรือการเจอกันครั้งแรกพ่อแม่ก็บอกว่าพยายามสร้าง First Impression ซึ่งคณะของผมถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด การพยายามสร้าง มันไม่ใช่ตัวตนของเราเอง มันไม่เป็นอัตลักษณ์ของเรา เราไม่ต้องพยายามไปวิเคราะห์เขาหรอกว่า เขาชอบอะไร เขาเป็นอะไร แต่เราควรเรียนรู้ตัวเขาจากสิ่งที่เขาเป็น คณะนี้ฝึกให้เราเป็นคนช่างสังเกต มีทัศนคติเชิงบวก การทำงานกับคนหมู่มาก ถ้าเราเอาความเป็นตัวเองออกจากบ้านมาเลย เราทำงานกับใครไม่ได้ ถ้าเราเก็บความเป็นตัวเองไว้ เอาความเป็นผู้ใหญ่เข้ามาช่วย มันก็จะช่วยเราทำงานได้ดีขึ้น

นายอำเภอคืออาชีพที่ใฝ่ฝัน
พอเรียนด้านนี้เราก็อยากปกครองคนอื่น มีอยู่ครั้งหนึ่งฌอห์ณไปจังหวัดลำปางแล้วรู้สึกว่าคนที่นั่น nice มาก เขาใช้ชีวิตง่าย ๆ คนกรุงเทพฯ อย่างเราไปใหม่ ๆ ก็จะไม่เข้าใจ ทำไมเขาอยู่แบบนี้ได้ ไปกลับ 5 โมงเย็น ดูทีวี.ไม่มีเคเบิล รู้สึกชีวิตมันง่าย ไม่วุ่นวาย คนที่โน้นก็อัธยาศัยดี ก็เลยคิดว่าชีวิตบั้นปลายของเราที่ไม่ยึดติดกับอะไรมาก อยากไปดูคนปกครองคนที่โน้น เป็นนายอำเภอ เป็นผู้ว่าฯ เพราะคิดว่าการปกครองตัวเองมันยาก ถ้าเราปกครองคนในอีกจำนวนหนึ่งได้ มันเป็นสิ่งที่ท้าทายและก็อยากทำ คือมันเป็นความฝัน ตั้งไว้ว่าเราอยากจะทำอะไร เพื่อจะได้รู้ว่าวันแรกเราคิดกับตัวเองยังไง จะได้ไม่ลืมความตั้งใจของเราในวันแรกที่เริ่มเรียนคณะนี้

ถึงคนที่มีความฝัน
ผมว่าเรื่องของความฝันมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละไว้ ตอนเด็กพ่อแม่จะถามเราตลอดว่าเราอยากเป็นอะไร เป็นการปลูกฝังว่าให้เราทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ แต่พอเราโตขึ้นมา อาจจะถูกสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเบี่ยงเบนความสนใจไป เพราะฉะนั้นก่อนเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องถามตัวเองเสมอ ว่าชอบที่จะทำอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าชอบก็เก็บมันไว้ เพราะความเป็นจริง มันชอบมาทำให้เราเขว หรือว่าเปลี่ยนไป แต่คนที่มีความฝันมักจะทำอะไรประสบความสำเร็จเร็วกว่า คนที่ทำไปเพราะอย่างนั้นเสมอ คนที่อยากเข้าวงการบันเทิงก็เหมือนกัน ความบันเทิงเป็นวงการที่ดี มันต้อนรับคนที่มีความสามารถ มีโอกาส มีความสามารถที่พอเหมาะพอสม แต่เมื่อเข้ามาแล้วสิ่งที่ยากที่สุดคือการประคับประคองตัวเองให้เหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เข้ามา เรื่องของทัศนคติ ความเป็นคนอ่อนน้อมต้องให้เหมือนเดิม ความสามารถต้องเพิ่มขึ้น ทุกอย่างมันต้องเพิ่มในเชิงกราฟบวก ถ้าวันใดที่คุณพลาด มันยากที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้ ความเสมอต้นเสมอปลายจึงสำคัญมาก

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : iamamwa ช่างภาพ : อนุชา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook