คุยกับ ‘กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์' ผู้หญิงตัวเล็ก แต่ความคิดเยอะ
นอกจากนักแสดงนำอย่าง "นายฟาย" ที่พี่ๆ นายดินกะนายลมเขาชอบเรียกกัน ซึ่งสวมบทโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ และ "ยัยจี๊ด" "ญาญ่า" อุรัสยา เสปอร์บันด์ จะมีคนรักกันทั้งเมือง แต่นักแสดงอีกคนหนึ่งที่มองข้ามเธอไม่ได้เด็ดขาด เพราะทั้งน่ารักและสร้างสีสันให้กับ "ดวงใจอัคนี" อย่างที่สุด ต้องยกให้ "กุ๊บกิ๊บ" สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย เธอแจ้งเกิดกับงานการแสดงโดยไม่ต้องอยู่ใต้เงาของแฟนหนุ่ม
ตอนนี้คำว่า ไฟขา ไฟขา ไฟขา เสียงแหลมๆ ออดอ้อนแกมฉอเลาะ บวกกับลีลาการแสดงที่ทุ่มสุดตัวสุดใจของกุ๊บกิ๊บทำให้แฟนละคร "ดวงใจอัคนี" มีความสุขและหลุดขำได้ทุกครั้งที่เธอร่วมซีน กุ๊บกิ๊บมีพรสวรรค์และพื้นฐานการแสดงจากครูคนแรกที่สอนการแสดงให้แก่เธอ
"หนูเรียนการแสดงกับ "หม่อมน้อย" (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) มาก่อนที่จะมีงานแสดง ตอนนั้นหม่อมกรุณาเรียกเข้าไป จริงๆ หม่อมก็สอน "โอ้" (มาริโอ เมาเร่อ) อยู่แล้ว หม่อมสอนให้หนูกับโอ้ฟรีไม่คิดเงิน หม่อมเป็นคนน่ารักและใจดีมาก พอเรียนการแสดงแล้วก็รู้สึกว่าชอบ จากนั้นก็ได้เล่น "เงารักลวงใจ"
ตอนแรกหนูก็แอบคิดเข้ามาแวบหนึ่งนะ ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม เพราะหนูคิดว่าคงไม่มีใครมาให้หนูเล่นละครหรอก คิดเสมอว่าตัวเองไม่สวย ก็เลยไม่ค่อยมั่นใจ...ใครเขาจะมาเอา เราแค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง หม่อมบอกว่าก็เรียนไว้ เดี๋ยวก็มีงานเอง วันไหนว่างก็เข้ามาเรียนเลย เข้าไปแทรกกับใครก็ได้ มาเรียนพร้อมโอ้ก็ได้ หรือจะมาเรียนเองก็ได้...พอได้เรียนกับหม่อมแล้วรู้สึกชอบ
ยิ่งพอได้เล่นละครเรื่องแรก "เงารักลวงใจ" ทำให้หนูมีความรู้สึกว่า เอ่อ...เราทำแบบนี้ได้ด้วย แปลกใจ...จริงๆ หนูไม่ใช่คนโมโหร้าย หรือร้ายลึก หนูเหมือนเด็กผู้ชาย ง่ายๆ ชิลล์ ไม่คิดอะไร ต๊องๆ ไปวันๆ ก็คิดว่า เออ เราทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เรามีอารมณ์แบบนี้ด้วยเหรอ? รู้สึกแปลกใจและหลงรักการแสดงขึ้นมา ไม่ใช่แค่การแสดงอย่างเดียว แต่เริ่มรู้สึกอยากเล่นหลายๆ แบบ หลายบทบาท ได้ทำงานนี้รู้สึกมีความสุขมาก แฮปปี้มาก วันๆ ได้เจอคนนั้นคนนี้ ได้เจอทีมนั่นทีมนี้ หนูรู้สึกว่าหนูไม่ใช่ดารา แต่หนูคือนักแสดง"
ตอนนี้พี่ๆ นักข่าวเลิกถามเรื่องกุ๊บกิ๊บ กับมาริโอ้หรือยัง
"ก็ยังมีถามอยู่ เขาอยากเห็นหนูถ่ายรูปคู่กัน ออกงานคู่กัน น้อยมากที่จะออกงานด้วยกัน หนูไม่อยากถ่ายรูปคู่กัน ไม่ใช่ว่าหยิ่ง แต่รู้สึกว่าเรายังเด็กอยู่ แล้วเราก็ยังไม่มีตัวตนของตัวเอง หนูไม่อยากไปยืนใต้เงาของใคร ตัวของหนู หนูอยากเป็นกุ๊บกิ๊บที่เป็นนักแสดง ไม่ใช่เป็นกุ๊บกิ๊บที่เป็นแฟนโอ้ ซึ่งโอ้ก็อยากเป็นมาริโอ้ที่มีผลงานการแสดง ไม่ใช่มาริโอ้ที่มีข่าวถ่ายรูปโปรโมตกับแฟน ซึ่งทุกวันนี้หนูกับเขาก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ที่แบบผูกพันกันมานาน
...ถ้าทุกคนเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เพิ่งมาคบกัน แล้วยอมรับว่าเป็นแฟน อันนั้นก็คงใช่ แต่พวกหนูคบกันมาตั้งแต่ ป.1 เราเหมือนเพื่อนกัน มันเหมือนความผูกพันที่ค่อยๆ ซึมซับกันมา มันไม่ใช่ว่าเราไม่อยากยอมรับว่าเป็นแฟน แต่เวลาเข้ามาตรงนี้ โอ้เขาก็มีชื่อเสียง เราเป็นผู้หญิง เราก็รู้ว่าเขาหน้าตาดี เราก็ไม่อยาก เอ้า ถ้าฉันคบกับเธอเป็นแฟน ฉันก็กลัวว่าเขาจะไปมีผู้หญิงอื่น เราก็ต้องเสียใจ มันดูไม่ดี...ถามว่ารู้จักกันเป็นเพื่อนกันมานานมั้ย...รู้จัก แต่ถ้าในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เราก็ต้องดูกันไปก่อน ก็ต้องยอมรับว่าโอ้เป็นผู้ชายที่ฮอตมาก เราต้องเซฟตัวเอง โพรเทคต์ตัวเอง"
ไม่อยู่ในเทรนด์รักนี้ต้องโปรเมต
"ถ้าวันหนึ่งเราโตพอที่จะรับผิดชอบทุกอย่างได้แล้ว มีวุฒิภาวะพอ และเราเห็นว่าเขาโอเค. เราก็สามารถเปิดได้เต็มที่ ซึ่งหนูไม่ปิดอยู่แล้ว ทุกวันนี้เราไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ หรือไปกันสองคน เราก็ไป ไม่มีปิดบัง
แต่ถ้าถึงขนาดยอมรับว่าเป็นแฟนกันมั้ย...ความรู้สึกหนูยังไม่ถึง เราเว้นระยะห่างกันไว้ก่อน หนูคิดว่าการที่เราวางตัวแบบนี้ เราเป็นนักแสดงจริงๆ เราไม่ใช่ดารา ถ้าเราออกไปโปรโมตด้วยกันตลอด รับงานอีเวนต์มันดูไม่น่ารัก ผู้ใหญ่จะรู้สึกว่า คุณต้องให้การแสดงของคุณนำหน้าข่าวสิ ไม่ใช่เอะอะก็แบบ...ทำแบบโปรโมต แล้วเราก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน หนูจึงรู้สึกว่าเรายังไม่ถึงเวลา
พี่ลองคิดดูซิว่า คนอื่นเขาอายุเท่าไหร่ พี่ที่เขาเปิดตัวเขาอายุ 25-26 กันแล้ว แต่พวกหนูแค่ 21-22 เอง เข้ามาโอเค.อยู่ในระดับข่าวเดียวกัน แต่อายุเรายังไม่เท่าเขา...เพราะฉะนั้น เราขอเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจว่า โอเค. เราคบกัน แต่เรายังไม่ถึงขั้นเป็นแฟน ควงคู่จี๋จ๋า ออกงานกินเลี้ยงคู่กัน ยังไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งก็มีติดต่อมาเยอะมาก แต่หนูคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา แต่ถ้าเป็นงานกุศล หรือไปงานอะไรที่ดูแล้วไม่น่าเกียจ อันนั้นไปด้วยกันได้ พี่ๆ เห็นก็ถ่ายรูปคู่กัน ก็โอเค. แต่ถ้าจะให้มาถ่ายรูปคู่กันแบบว้านหวาน หวานเกิน อันนี้หนูทำไม่ได้"
เป็นคู่รักวัยรุ่นที่ผู้ใหญ่ไฟเขียวผ่านตลอด ทุกทางแยก
"ผู้ใหญ่แฮปปี้ที่เราคบกัน สนับสนุนให้เราคบกันด้วยซ้ำ แต่เราแค่รู้สึกเองว่า เราจะต้องวางตัวให้ถูก ถ้าเราอยากอยู่ในวงการนี้นานๆ หนูคิดว่าแบบนี้น่ารักกว่าที่เราจะไปไหนมาไหนติดกันเป็นปาท่องโก๋ เรามาอยู่ตรงนี้ เรามาทำงาน ไม่ได้มาโชว์...จริงๆ หนูต้องขอบคุณพี่ๆ นักข่าวที่สร้างข่าวให้หนู หนูแฮปปี้นะ ไม่ได้ซีเรียสว่าหนูเป็นอย่างไร แต่หนูแคร์ทีมงาน ทุกคนเจอหนูแล้วแฮปปี้แค่นั้นพอ หนูเข้าใจว่าพี่ๆ ต้องทำงาน ต้องขายข่าว เป็นเรื่องปกติ อันนี้หนูยอมรับ"
ไม่เบียดคิวละคร วิ่งรอกรับงานอีเวนต์
"งานอีเวนต์ หนูก็ไม่ได้รังเกียจ ถือว่าเป็นผลพลอยได้ หนูอยากได้ตังค์ แต่หนูเลือกที่จะให้เวลากับละครก่อน งานละครคืองานหลัก เราต้องรู้ก่อนว่าเราเป็นอะไร เราเป็นนักแสดง นักแสดงมีหน้าที่ทำอะไร เล่นละคร เล่นหนัง ทำงานในวงการบันเทิง เพราะฉะนั้น อีเวนต์ก็คือผลพลอยได้ หลังจากที่คุณทำผลงานออกมาดี คุณถึงจะมีงานตรงนั้น แต่ไม่ใช่คุณเอางานละครไปให้อีเวนต์ หนูคิดว่ามันไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ ก็เลยคิดว่าตอนนี้รับบ้าง ประปราย ไม่ใช่พอมีข่าวก็รับแบบเต็มที่ รับได้ แต่ไม่เอาเวลาไปเบียดกับงานละคร"
ความคิดโตเกินวัย (เดียวกัน)
"ความคิดหนูโตกว่าอายุ เพราะหนูต้องดูแลครอบครัว ดูแลแม่ แม่กับพ่อเลิกกัน และไม่ได้มีสามีใหม่ ใครที่มาสัมผัสในตัวหนู ได้พูดคุยกัน จะรู้ว่าหนูเป็นคนแบบไหน หนูต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว แม้ว่าหนูจะเป็นลูกคนสุดท้อง หนูเป็นคนที่ 6 เป็นลูกหลง ตอนคุณพ่อคุณแม่เลิกกันตอนนั้นหนูยังเด็กมาก ประมาณ 6-7 ขวบ เราอยู่กับคุณแม่มาตลอด เหมือนเป็นเพื่อนกัน ต้องคอยดูแลกันและกัน เราก็เลยค่อนข้างที่จะคิดอะไรที่โตกว่าวัย แต่พี่ๆ เขาก็โตกันหมดแล้ว และแม่ก็สนิทกับหนูที่สุด เราจึงต้องดูแมนๆ หน่อย
บางทีหนูกับโอ้เคยคุยกันว่า คุณมาอยู่ตรงนี้คุณต้องการอะไร ทำเพื่ออะไร เขาก็บอกว่า เขาทำเพื่อแม่ ไม่อยากให้แม่ทำงาน อยากให้ทางบ้านสบาย ทางบ้านเขาก็ไม่ได้รวยมาก พ่อก็เสียไปแล้ว เขาจึงต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ความคิดเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้น มาอยู่ตรงนี้คือมาทำงาน"
เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัว เปิดพองาม
"ถามว่าเรื่องส่วนตัวปิดมั้ย เราไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่เปิดเผยจนน่าเกลียด เราไม่ได้พรีเซนส์มากกว่า เราไม่ปฏิเสธ ใครถามอะไรมาเราก็ตอบไป อะไรหลุดมาก็ไม่ได้อะไร เพราะถือเป็นชีวิตวัยรุ่นปกติ แต่ถามว่าทำอะไรน่าเกลียดมั้ย ไม่ทำ ทำอะไรให้เสียหายถึงผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเรามั้ย ผู้ใหญ่ที่ตั้งความหวังกับเราไว้มั้ย...ไม่ทำ เราสองคนเหมือนเพื่อนกัน เวลาเจอกันไม่เคยคุยกันแบบสวีต จะแบบ เฮ้ย เป็นไงวะโอ้ เราจะคุยกันแบบนี้ เราเหมือนเป็นเพื่อนกัน เป็นความผูกพัน เราไม่ได้ต้องการแฟน แต่เราต้องการเพื่อน เจออะไรมาเราก็มาคุยกัน"
ภาพและกระแสข่าวกับความจริงที่เป็น บางครั้งมันคนละเรื่องกันเลย เราไม่แปลกใจว่า ทำไมกุ๊บกิ๊บจึงเป็นที่รักของคนที่รู้จักเธอ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย
Profile
ชื่อ /นามสกุล สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย
ชื่อเล่น กุ๊บกิ๊บ
วัน/เดือน/ปีเกิด 16 กันยายน 2531
การศึกษา ปี 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มาลงเรียนใหม่ ในตอนที่เรียนชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน)
ผลงานโฆษณา โครงการ to be number 1 และโฆษณา พิซซ่า, ถ่ายแบบกับ นิตยสาร The Boy, Hair, Cheeze, Ice เล่นเอ็มวี วง ไอ..น้ำ และวง สิงห์เหนือเสือใต้
ผลงานเพลง สมาชิกศิลปินวง Baby Bootyในแนวเพลงฮิพฮอพแด๊นซ์ เพลงอันเป็นที่รู้จัก "แหวะ แหวะ แหวะ" และ "คุก คุก คุก" ค่ายซาเล้งการดนตรีของ "แซ้งค์" ปฏิวัติ เรืองศรี
แต่เป็นที่รู้จักจากการคบหาดูใจกับ มาริโอ้ เมาเร่อ ทว่าวันนี้กุ๊บกิ๊บโด่งดังจากฝีมือการแสดงล้วนๆ ผลงานละคร "เงารักลวงใจ", "ดวงใจอัคนี", "สะใภ้ไม่ไร้ศักดินา" (ถ่ายทำอยู่)