นับถอยหลังข้ามปี...เปรมปรีดิ์ด้วยเสียงสวดมนต์

นับถอยหลังข้ามปี...เปรมปรีดิ์ด้วยเสียงสวดมนต์

นับถอยหลังข้ามปี...เปรมปรีดิ์ด้วยเสียงสวดมนต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงนี้บรรยากาศของการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าเริ่มส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทุกหัวระแหง หลายที่เริ่มออกมาประชาสัมพันธ์กิจกรรม "เคาท์ดาวน์" เพื่อต้อนรับพุทธศักราช 2554 ที่จะมาถึง แต่นอกเหนือจากกิจกรรมที่สนุก คึกครื้น รื่นรมย์แล้ว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มูลนิธิศึกษาธิการ มูลนิธิวัดปัญญา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มีกิจกรรมมงคลมาเชิญชวนให้ทุกคนไปร่วมทำด้วยกันในคืนนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า เริ่มต้นปีใหม่ นั่นคือ "สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี ชีวิตใหม่"

พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กล่าวถึงมงคลของการสวดมนต์ว่า การสวดมนต์เป็นส่วนหนึ่งของ ศีล และภาวนา ซึ่งภาวนานั้นสืบเนื่องมาจากทานและศีล ทำให้จิตสงบ เกิดปัญญา นำสันติสุขมาสู่ชีวิต สำหรับประเทศไทยนั้นมีการสวดมนต์อยู่เป็นประจำทั้งในโอกาสมงคล เช่น วันเกิด และในโอกาสอมงคล เช่น งานศพ

"นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมา ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ทุกคนจะบำเพ็ญกุศลต่างๆ รวมถึงการสวดพระพุทธมนต์ข้ามปี โดยจะเริ่มสวดตั้งแต่ 5 ทุ่ม เจริญชัยมงคลคาถา และรับพร มีทั้งการสวดโดยพระสงฆ์ และอุบาสก อุบาสิการ่วมสวดด้วย ซึ่งปีนี้องค์กรต่างๆ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี ในปีใหม่ ที่เป็นกิจกรรมมงคลซึ่งทุกคนควรเข้าร่วมทำกุศลร่วมกันในช่วงปีใหม่ โดยมีวัดกว่า 202 วัดเข้าร่วมโครงการสวดมนต์ข้ามปีครั้งนี้"

พระพรหมวชิรญาณ กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีฯ เพราะบทสวดต่างๆ มาจากพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากนี้เป็นการตระหนักถึงการใช้ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบัน ไม่เอาอดีตที่บอบช้ำและล้มเหลวมาเป็นอารมณ์ และไม่วิตกกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ละความโกรธ โลภ หลงลง ไม่ให้เห็นแก่ตัว การถือศีลก็เป็นการไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้อภัยกันและกัน เป็นการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข มีสติ ปัญญา และเบิกบานด้วยธรรมะรับปีใหม่

"ในโอกาสปีใหม่ 2554 อาตมาขอให้ทุกท่านผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปสู่ความสุข ความเจริญ ความมั่นคง ขอพรที่ดีสำเร็จต่อญาติโยมทั้งหลายด้วยเทอญ"

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การสำรวจข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง 4,000 คน ที่เข้าร่วมงาน "สวดมนต์ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ไร้แอลกอฮอล์" ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าในปี 2552 จาก 37 วัด ใน 30 จังหวัดทั่วประเทศ พบ ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว เป็นหญิง 46.3 % ชาย 53.7% ผู้เข้าร่วมงาน 86.6% อาศัยอยู่ใกล้เคียงวัดที่จัดงาน ทั้งนี้ 99.5% ยืนยันจะมาร่วมงานสวดมนต์ปีใหม่อีก ขณะที่ข้อมูลในเว็บไซต์ http//t.stopdrink.com ที่เปิดให้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ มีผู้เข้าชม 3,533 คน ในจำนวนนี้ 83% ระบุว่างาน "สวดมนต์ข้ามปี" รัฐบาลควรจัดให้เป็นวาระแห่งชาติ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทพ.กฤษดา พร้อมกับคณะมิสไทยแลนด์เวิล์ด นำโดย หนูสิ สิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 เยาวชนจากวิทยุ ไทยเพื่อเด็กและครอบครัว FM 105 และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กว่า 30 คน ได้เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมอบสื่อรณรงค์และเชิญชวนให้รัฐบาลร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการ "สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี ในปีใหม่" และติดเข็มกลัดรณรงค์ให้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย

ดร.อำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.)มีมติให้วัดทั่วประเทศจัดสวดมนต์ข้ามปี จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนมาสวดมนต์ร่วมกัน เพื่อรับสิ่งดีๆ ในปีใหม่ การสวดมนต์นั้นเป็นทางหนึ่งที่จะทำให้จิตเข้าถึงกุศล เมื่อจิตเข้าถึงกุศลก็จะบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ ลงได้ ซึ่งวัดไทยในต่างประเทศทั่วโลกต่างก็จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีด้วยเช่นกัน

ด้าน พระมหาวุฒิชัย หรือ ว.วชิรเมธี กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่สื่อมวลชนจะเสนอข่าวเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุต่างๆ ทุกปี ซึ่งเหตุการณ์เสียชีวิตที่เกิดขึ้นหลายกรณีเป็นผลมาจากการขาดสติ ดื่มแอลกอฮอล์ เฉลิมฉลองจนครองสติไม่อยู่ ดังนั้น การที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ได้นั้น ก็ควรลดละกิจกรรมที่ทำให้ "ขาดสติ" จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนเข้าร่วมสวดมนต์ข้ามปี เพราะการสวดมนต์เป็นการเจริญสติ เมื่อเราทำกิจกรรมที่มีสติโอกาสที่จะเจ็บ ตายก็น้อยลง

"แทนที่เราจะนับถอยหลัง 3 2 1... แล้วยกแก้วขึ้นดื่ม เปลี่ยนมาเป็น 3 2 1... แล้วเสียงสวดมนต์กระหึ่มขึ้นทั่วประเทศจะเป็นมงคลกว่าไหม"

ที่มา : คีตฌาณ์ ลอยเลิศ Teamcontent www.thaihealth.or.th

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook