ขนมจีน - กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ ว่าที่เฟรชชี่จุฬาฯ

ขนมจีน - กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ ว่าที่เฟรชชี่จุฬาฯ

ขนมจีน - กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ ว่าที่เฟรชชี่จุฬาฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอีกหนึ่งสาวน้อยที่โลดแล่นในวงการเพลงและมีผลงานให้เราได้ชื่นชมตลอด ล่าสุดกับอัลบั้ม "Knomjean Cycle" การขับเคลื่อนที่จะบอกถึงตัวตน ความรัก ความฝันครั้งใหม่ของเธอ โดยใช้ประสบการณ์การทำงานตลอด 3 อัลบั้มมาเป็นพลังขับเคลื่อนบวกกับ 3 สิ่ง เพลง พลัง และความรัก ที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจพาเธอไปสู่ความฝัน นอกจากข่าวดีเรื่องอัลบั้ม ขนมจีนยังมีข่าวดีเรื่องการเรียน โดยการสอบเข้าเป็นน้องเฟรชชี่คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ เอก Voice จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นผลสำเร็จ เรียกว่างานนี้ขนมจีนได้รางวัลตอบแทนความตั้งใจของเธอมาแบบเต็ม ๆ ไม่รอช้า มีข่าวดีแบบนี้เราก็เลยรีบปรี่ไปถามเคล็ดลับความสำเร็จมาฝากทุกคนกัน

แนะนำตัว
สวัสดีค่ะ ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ เรียนอยู่ ม.6 โรงเรียนสตรีวิทยา ปัจจุบันสอบติดคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ เอก Voice จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ

ผลงานล่าสุด
ตอนนี้ขนมจีนมีอัลบั้มใหม่ชื่อ ขนมจีน ไซเคิล เปิดอัลบั้มด้วยซิงเกิลเพลงความเจ็บไม่มีเสียง ตอนนี้ก็ไต่ขึ้นชาร์ตเป็นที่เรียบร้อย ดีใจมาก ผลตอบรับค่อนข้างรวดเร็ว สมกับที่เราตั้งใจทำ เพราะงานนี้ตั้งใจทำมาก ๆ มีการเปลี่ยนแปลงสไตล์เพลง ปรับลุคของเราให้ดูโตขึ้น ตั้งแต่คอนเซ็ปต์อัลบั้ม ขนมจีนไซเคิล มาจากขนมจีนเป็นคนชอบร้องเพลง เป็นคนรักเสียงเพลง และเพลงก็เป็นสิ่งผลักดันให้ทำในสิ่งที่ขนมจีนรัก เป็นสโลแกนง่าย ๆ คือ เพลง พลัง ความรัก เป็นเหมือนไซเคิลที่คอยหมุนเวียนผลักดันให้ขนมจีนตั้งใจทำงานเพลง มีชีวิตต่อแบบมีความสุข เป็นเหมือนวัฏจักรของตัวเราเองค่ะ

ว่าที่เฟรชชี่จุฬาฯ
ขอกรี๊ดก่อนได้ไหมคะ (หัวเราะ) คือขนมจีนตั้งใจกับการสอบเข้าคณะนี้มาก มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กเพราะเรารักในเสียงเพลง เราเรียนรู้ด้านปฏิบัติมาแล้วเราก็เลยอยากมาเรียนรู้ด้านทฤษฎีบ้าง เอาแบบเจาะลึกรู้จริง ๆ อะไรประมาณนี้ ก็เลยสอบเข้าที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอรู้ว่าสอบได้ก็ดีใจและภูมิใจมาก คุ้มค่ากับสิ่งที่เราทำ คือขนมจีนเตรียมตัวมานานมาก ตอนที่สอบก็มีซ้อมคอนเสิร์ตใหญ่ของกามิกาเซ่ ซ้อมกันหนักมาก ไปโรงเรียน เรียนเสร็จก็เรียนพิเศษต่อถึง 2 ทุ่ม พอเรียนพิเศษเสร็จก็ไปซ้อม ซ้อมถึง 5 ทุ่มก็กลับมาเรียนพิเศษต่อที่แมคฯ แถว ๆ โรงเรียน เพราะว่าเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีพี่ที่จุฬาฯ มาติวให้ เราก็เรียนหนักติวหนักมาก ตอนสอบเรากลัวว่าเราจะพลาด กลัวไปสอบไม่ทัน กลัวรถติด ให้คุณแม่ไปเช่าโรงแรมใกล้ ๆ อิมแพค เพราะตอนนั้นเขาสอบที่อิมแพค ตลอดสามวันที่สอบก็อยู่แต่ในห้องอ่านหนังสือ เป็นช่วงที่ทรหดมาก แต่เราอยากเรียนเราก็ต้องอดทน

เลือกคณะนี้เพราะนี่คือความฝัน
คือขนมจีนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เรารู้วิธีปฏิบัติแล้ว ก็อยากมาเรียนรู้ด้านทฤษฎีบ้าง อยากเจาะลึกด้านนี้มากขึ้น เพราะถ้าเราทำอะไรในสิ่งที่เราชอบเราจะสามารถต่อยอดจากสิ่งนี้ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนแรกจะเลือกเรียนที่มหิดลตั้งแต่ ม.4 แต่ช่วงนั้นออกอัลบั้มใหม่ ๆ ก็เลยพักไว้ก่อน แต่เราก็ไม่ได้ทิ้ง หาข้อมูลศึกษาไปเรื่อย ๆ ก็มีรุ่นพี่ที่จุฬาฯ มาแนะนำ ว่าเลือกคณะนี้สิ ประกอบกับเราศึกษาประวัติและข้อมูลเกี่ยวกับคณะนี้มาบ้างแล้วพอสมควร ก็เลยตัดสินใจว่า โอเคเอาคณะนี้แหละ จากนั้นก็ตั้งใจเต็มที่เลยค่ะว่าจะต้องเตรียมตัวสอบเข้าที่นี่ให้ได้

เคล็ดลับความสำเร็จ
ขนมจีนเริ่มเตรียมตัวจริง ๆ เริ่มติวจริงจังตอนอยู่ ม.5 ช่วงนั้นก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แรก ๆ ก็ปรับเวลายากหน่อย แต่พอทำงานไปเรียนไปเราก็จะสามารถปรับจูนมันได้เอง วิธีของขนมจีนคือจะเขียนเป็นตารางเรียนเลย ตรงเป๊ะ ชั่วโมงนี้ทำอะไรกี่ชั่วโมง ทำงานกี่ชั่วโมง ชั่วโมงไหนเรียน แล้วในหนึ่งอาทิตย์ทำอะไรบ้าง ทำทุกอย่างที่เราต้องการด้วย เรียนทฤษฎีดนตรี เรียนภาษาอังกฤษ เรียนสังคม เรียนภาษาไทย เขียนให้ครบในเจ็ดวันที่เราได้เรียน หนักที่สุดก็คงจะเป็นทฤษฎีดนตรี เพราะว่าเราต้องสอบทฤษฎีดนตรีให้ผ่าน ถ้าเราสอบไม่ผ่านเราก็ไม่ได้เข้าไปสอบในรอบต่อไป สอบข้อเขียนก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วเราค่อยไปสอบในรอบต่อไป ซึ่งรอบต่อไปจะเป็นรอบปฏิบัติ คือสอบร้อง ปีนี้ค่อนข้างโหด เขาให้ร้อง 3 ภาษา ปรกติเขาจะร้องแค่สองภาษาคือภาษาอังกฤษ แล้วก็เพลงภาษาอะไรก็ได้เพลงหนึ่ง แต่ปีนี้เป็นภาษาอิตาเลียน ภาษาอังกฤษ แล้วก็ให้เลือกระหว่างภาษาฝรั่งเศสกับเยอรมัน ขนมจีนเลือกร้องเยอรมัน พอปฏิบัติก็จะมีเอียร์เทรนนิ่ง คือให้เราฟังแล้วให้ตอบว่าคู่เสียงคู่กับอะไร เหมือนที่เราดูในหนังเลยค่ะ ก็ยากนะ รอบนี้คะแนนต้องผ่าน 70 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะได้เอาคะแนนทั้งหมดมารวม แล้วก็มีสอบวิชาเฉพาะของจุฬาฯ เป็นวิชาสังคมกับภาษาไทย วิชาทฤษฎีดนตรี ซึ่งเยอะมาก แล้วก็อีก 50 เปอร์เซ็นต์เป็นวิชาปฏิบัติ แต่ว่าคะแนนปฏิบัติต้องผ่าน 70 เปอร์เซ็นต์ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์เอาคะแนนมารวม แล้วก็เลือก 15 คนที่คะแนนสูงสุดในคณะเป็นคนที่สอบผ่าน

การเป็นนักร้องไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ตอนแรกขนมจีนคิดว่าตัวเองมีโอกาสได้ร้องเพลงอยู่บ่อย ๆ ภาษีเราน่าจะดีกว่าคนอื่น แต่ไม่จริงเลยค่ะเพราะทุกอย่างต้องมาเริ่มใหม่หมดเลย เพราะว่าร้องเพลงคลาสสิกไม่เหมือนเพลงป๊อปธรรมดา ร้องยากมาก เริ่มไปร้องใหม่ ช่วงนั้นเครียดมากเพราะร้องยังไงก็ไม่ดี พอกลับมาร้องของเรามันก็ไม่ดี คือทำยังไงมันก็ไม่ดี ไม่ได้ดั่งใจเรา เครียดมาก พอประกาศผลว่าได้ดีใจมาก (ยิ้ม) คือจะผ่านทีละรอบเราก็ลุ้นและก็จะกรี๊ดทุกรอบที่ผ่าน ตอนสอบสัมภาษณ์เราก็นอยด์เล็กน้อยเพราะโดนกดดัน คือคณะที่ขนมจีนสอบจะสอบแค่ครั้งเดียว ไม่มีแอดมิสชั่นส์กลาง และก็ไม่มีสอบตรงธรรมดา เป็นสอบตรงพิเศษมีรอบเดียวเลย แต่สาขาอื่นจะมีสอบหลายอย่าง แต่พอทุกอย่างมันผ่านพ้นมาได้ ขนมจีนบอกกับตัวเองเลยว่า นี่คือผลของความพยายามและตั้งใจของเรา

คนที่กำลังเดินตามความฝัน
สำหรับเพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ ที่มีความฝันอยากจะเป็นนักร้อง ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วก็ลองเข้ามาออดิชั่นที่ RS ได้เลยค่ะ เพราะที่นี่เปิดโอกาสให้ทุกคนเสมอ ขอให้คุณมีความกล้าที่จะทำตามความฝัน ส่วนใคร ๆ ที่อยู่ในช่วงแอดมิสชั่นส์ก็สู้ ๆ นะคะ ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรที่คนตั้งใจทำแล้วไม่สำเร็จ ขนมจีนลองมาแล้วได้ผลค่ะ (ยิ้ม) แล้วก็ขอให้ทุกคนที่กำลังเตรียมตัวแอดมิสชั่นส์ อยากได้คณะไหน ต้องการคณะอะไรก็ขอให้ได้ตามต้องการทุกคนเลยนะคะ

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : iamamwa ช่างภาพ : เอื้อมศักดิ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook