ยศ-ณัฏฐ์ศรุต งานพิธีกรต้องอาศัยความมั่นใจและไหวพริบ

ยศ-ณัฏฐ์ศรุต งานพิธีกรต้องอาศัยความมั่นใจและไหวพริบ

ยศ-ณัฏฐ์ศรุต งานพิธีกรต้องอาศัยความมั่นใจและไหวพริบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอีกหนึ่งหนุ่มหน้าใสที่เข้ามาสร้างกระแสความแรงให้กับรายการเพลงยอดฮิตของวัยรุ่น รายการ OIC ซึ่งออกอากาศทาง ททบ.5 เวลา 12.30-13.10 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เชื่อว่าหลายคนคงกลายเป็นแฟนคลับของรายการนี้ไปแล้ว หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนพิธีกรเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ทั้งหมด เราก็มีโอกาสได้รู้จักกับหนุ่มยศ-ณัฏฐ์ศรุต ถาม์พรทองสุทธิ หนึ่งในแปดพิธีกรของ OIC เราเลือกวันที่อากาศเป็นใจบุกมาเยี่ยมหนุ่มยศถึงมหาวิทยาลัย และก็มิวายจะซอกแซกถามทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียนมาฝากแฟนคลับรายการทุกคน

แนะนำตัวเอง
สวัสดีครับ ยศ-ณัฏฐ์ศรุต ถาม์พรทองสุทธิ เรียนคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีครับ

เส้นทางสายพิธีกร
ยศเข้ามาเป็นพิธีกรรายการ OIC โดยการประกวดครับ ทางรายการเปิดรับสมัครพิธีกรหน้าใหม่ ตอนนั้นยศทำงานเป็นพิธีกรของ True อยู่ ทำมาประมาณหนึ่งปี ตอนที่เขาประกาศรับสมัครผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่มีน้อง ๆ ที่รู้จักกัน เขาบอกให้ลองดู ส่ง SMS ไปสมัครดูก่อนขำ ๆ ไม่จำเป็นต้องได้ก็ได้ ผมก็เลยลองส่ง SMS ไปก่อน พอถึงวันจริงเขาให้เอา SMS ที่ผมส่งไปยื่นกับทีมงานว่าผมได้ลงทะเบียนไปไว้แล้วนะ ก็เลยมีโอกาสเข้าไปเทตส์ดู ก็โอเคผ่านเข้ามาได้

คุณสมบัติที่ดีของงานพิธีกร
งานพิธีกรเป็นงานที่สนุกมากครับ เป็นงานที่เราได้เป็นตัวของเราเองมากที่สุด ไม่ต้องไปเป็นแบบใคร คือถ้าเราไปเล่นหนังหรือเล่นละคร เราก็ต้องรับบทเป็นคนนั้นคนนี้ แต่ถ้าเป็นงานพิธีกร เราเป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใคร แต่ในความเป็นตัวเองมันก็ต้องมีความน่าเชื่อถือ มีความมั่นใจ มีไหวพริบสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ และยิ่งถ้าเป็นรายการที่ถ่ายทอดสด การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญมาก ๆ ครับ

มีพี่สาวเป็นเจ้ดัน
เริ่มแรกยศเข้าวงการบันเทิงเพราะพี่สาวเป็นคนแนะนำ คือพี่สาวเขามีเพื่อนทำนิตยสาร เขาก็เลยแนะนำให้ยศไปถ่ายแบบลงในนิตยสารของเพื่อนเขา ผมก็ไม่ได้คิดอะไร พี่สาวให้ไปถ่ายก็ไป พอไปถ่ายมาแล้วก็มีคนสนใจติดต่อให้ไปทำงานชิ้นอื่น ถ่ายแบบบ้าง เป็นพิธีกรบ้าง เล่นละครก็มี ตอนนั้นเล่นกับกล์อฟ-ไมค์ ยศไม่เคยเรียนแอ็คติ้งเลย ผู้ใหญ่อยากให้ผมเล่นผมก็เล่น ตื่นเต้นมาก และเล่นละครได้แข็งมาก ถ่ายมาจนถึงกลางเรื่องถึงได้เริ่มรู้สึกดี รู้สึกชินกับมัน เราไม่จำเป็นต้องเกร็งขนาดนี้ก็ได้ ก็เริ่มปรับตัวได้ ตอนที่เล่นละครก็มีแฟนคลับกล์อฟ-ไมค์ พี่เต้ยอะไรอย่างนี้ เขาก็รู้จักผมมากขึ้นไปไหนถ้าเจอเขาก็จะเข้ามาทัก ก็รู้สึกดีครับ มีคนรู้จักเพิ่มขึ้น

ไม่มีจุดสูงสุดในวงการบันเทิง
ยศไม่คิดว่าจุดสูงสุดในวงการบันเทิงแค่ไหน เพราะว่าผมไม่รู้ว่าจุดสูงสุดของมันคืออะไร มันเป็นยังไง ก็เลยคิดไว้แค่ว่าเราทำเต็มที่กับมัน โอกาสเราไปได้ถึงไหนเราก็คว้าไปถึงนั้น ยศคิดว่าถ้ามีโอกาสเข้ามาได้ถึงแบบนี้ เราก็คว้าโอกาสตรงนั้นไว้ ไม่คิดว่าตรงนั้นมันคือจุดสูงสุดแล้ว หรือว่ามันยังไม่พอ เราต้องหาเพิ่ม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโอกาส ถ้าโอกาสมีเยอะเราก็โชคดีมีงานเยอะ เราก็ทำให้ดีที่สุด สำหรับยศไม่มีมาตรฐานมาวัดหรอกครับว่าสูงสุดของวงการมันอยู่ที่จุดไหน

เรียนกับงานต้องบริหารเวลา
เป็นเรื่องธรรมดา เวลาที่เราทำอะไรสองอย่างพร้อมกัน จะมีการเหลื่อมล้ำในเรื่องของเวลา อย่างของยศเรียนกับทำงานไปพร้อมกัน ก็จะมีบางครั้งที่เวลามาชนกัน ตอนแรกก็ไม่เท่าไหร่ ตอนแรกก็มาด้วยความเหลิง ปีหนึ่งเทอมหนึ่งก็ชิล ๆ สบาย ๆ ไม่มีอะไรมากมาย เรียน ๆ ทำงาน เล่น ๆ กับเพื่อน ๆ พอเกรดออกมาก็แย่เลย ก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ไหว ต้องฮึดสู้แล้วไม่อย่างนั้นหลุดแน่ ๆ เลยกลับมาตั้งใจเรียน ก็โอเค เกรดดีขึ้นมาหน่อย มาอยู่ที่สองกว่า ๆ พอขึ้นปีสองวิชามันเริ่มยากมากขึ้น และงานของผมก็เริ่มเยอะขึ้น ต้องเลือก บางทีก็ต้องยอมโดดเรียนไปทำงาน แต่ผมจะคุยกับพี่ ๆ ทีมงานว่ามีเรียนวันไหน มีเวลาให้พี่เขาวันไหน ส่วนทางมหาวิทยาลัย ชั่วโมงไหนที่ผมโดดเรียนผมก็จะมาเก็บทีหลัง มาให้เพื่อนติวให้ หรือบางทีก็มาสอบทีหลัง ซึ่งก็พยายามที่จะทำสองอย่างให้มันดีที่สุด

วิศวกรรมไฟฟ้าคือวิชาที่อยากเรียน
ตอนแรกยศอยากเรียนวิศวกรรมไฟฟ้า แต่พอได้มาเข้าค่ายคอมพ์แคมป์กับทางมหาวิทยาลัย ก็เลยรู้ว่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ก็แนวเดียวกันกับที่เราต้องการ และคอมพ์ก็แยกมาจากไฟฟ้าอีกที ซึ่งสองอย่างนี้ใกล้เคียงกัน และยศก็มองไปถึงอนาคต อีกหน่อยคอมพิวเตอร์จะต้องกลายเป็นปัจจัยที่ห้าที่คนขาดไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์นี่แหละน่าจะเวิร์ค และในอนาคต ยศคิดจะเปิดบริษัทที่ทำเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ค ระบบแลนด์ทั้งหมด เพราะต่อไปบ้านทุกบ้าน ตึกทุกตึก ต้องมีระบบอินเทอร์เน็ต ระบบเน็ตเวิร์คเชื่อมติดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคอมพิวเตอร์ที่เราเรียนมันจะสามารถซัพพอร์ตงานตรงนี้ได้ครับ

ฝากถึงคนที่มีฝัน
คือก่อนอื่นน้อง ๆ ต้องรู้ก่อนว่างานพิธีกรคืออะไร และเราชอบงานพิธีกรจริงหรือเปล่า แล้วงานพิธีกรก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ขึ้นอยู่กับว่าเรากล้าหรือเปล่า กล้าและมั่นใจขนาดไหนกับสิ่งที่เราพูด เต็มที่กับทุกอย่างที่ทำ แล้วก็ต้องพึงระลึกไว้ตลอดว่า ไม่มีงานไหนที่เขาจ่ายเงินจ้างเรามาเพื่อให้เราเป็นตัวของตัวเอง เพราะเราจะบ้าบอเราจะติ๊งต๊องยังไง ก็อย่าให้มันเกินไปจนคนฟังเขารำคาญ มันดูไม่น่าเชื่อถือ เราเล่นเต็มที่กับมันได้ ใส่กับมันได้ แต่ต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่ในตัว แค่นี้ก็เป็นพิธีกรได้แล้วครับ

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : iamamwa ช่างภาพ : Phankajhon

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook