เต้-ประภัทรพงศ์ ปูเส้นทางอนาคตด้วยการเรียนภาษาอังกฤษ

เต้-ประภัทรพงศ์ ปูเส้นทางอนาคตด้วยการเรียนภาษาอังกฤษ

เต้-ประภัทรพงศ์  ปูเส้นทางอนาคตด้วยการเรียนภาษาอังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลื่นลูกเก่าหายไป คลื่นลูกใหม่เข้ามา ประโยคนี้ใช้กับวงการบันเทิงดูจะเหมาะสมที่สุด และยิ่งทุกวันนี้มีหลากหลายเส้นทางที่พาคลื่นลูกใหม่เข้าสู่วงการ ก็ยิ่งทำให้เราได้มีโอกาสรู้จักกับคลื่นลูกใหม่เยอะมากขึ้น เต้-ประภัทรพงศ์ ประสิทธิพงศ์ ก็เป็นหนึ่งในคลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม โดยการเข้ามาแคสติ้งจากการชักชวนของเพื่อน จนได้รับบทเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง "ฮักนะสารคาม" ภาพยนตร์ชวนอมยิ้มที่จะชวนคุณมาบอกฮักกันให้แซ่บถึงหัวใจ

แนะนำตัว
สวัสดีครับ เต้-ประภัทรพงศ์ ประสิทธิพงศ์ เรียนอยู่ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ครับ

เส้นทางสู่วงการบันเทิง
เต้เขามาแคสเล่นหนังเรื่องนี้ตามคำแนะนำของเพื่อน (พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์) คือตอนนี้เพื่อนเป็นพระเอกอยู่ที่ช่อง 7 เป็นเพื่อนสนิทกันเลย เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก พอเพื่อนเข้ามาในวงการก็ชวนเราเข้ามา เต้คิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร ก็เลยลองมาแคสติ้งดู ก็ปรากฏว่าผ่าน อาจเป็นเพราะหน้าตาเต้คงตรงกับบทมั้งครับ เขาอยากได้เด็กหน้าตาเรียบร้อย เพื่อจะไปรับบทเป็นภูมิ เด็กเนิร์ดที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทย์ ซึ่งดูแล้วหน้าเต้คงจะเหมาะกับบท พี่เขาเลยให้ผ่าน

ฮักนะสารคาม พื้นที่ของความรู้
หนังเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนการสร้างจากสถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยกระทรวงวัฒนธรรม เป็นหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ รักใส ๆ ความรักหลากหลายรุ่นในรั้วโรงเรียน การใช้ชีวิตของคนจังหวัดมหาสารคาม พร้อมสอดแทรกศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเข้าไปในหนัง เพราะฉะนั้นฉากต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ก็จะมีวัฒนธรรมและสถานที่สวย ๆ ของจังหวัดมหาสารคามมาให้ทุกคนได้เห็น โดยเฉพาะพื้นที่ในมหาวิทยาลัยสารคามที่เราใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก ๆ ด้วยครับ

เต้ กับ ภูมิ คาแร็คเตอร์ที่ตรงกันข้าม
คือในเรื่องเต้จะรับบทเป็นภูมิ ซึ่งภูมิจะเป็นเด็กเรียบร้อยครับ เรียนดี ตั้งใจเรียน เป็นเด็กเนิร์ดที่เตรียมตัวจะสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งตรงกันข้ามกับนิสัยของเต้ เต้จะเป็นคนขี้เล่น สนุกสนาน เฮฮา จะมันส์ ๆ หน่อย มีแนวเป็นของตัวเอง ไม่ค่อยตามกระแสเท่าไหร่ เพลงที่ชอบก็จะเป็นสไตล์อินดี้ บุคลิกของเต้ก็เลยออกมาแนวอินดี้หน่อย ๆ แต่พูดรู้เรื่องนะครับ (หัวเราะ) คือดูเป็นคนเงียบ ๆ มากกว่า แต่ถ้าสนิทเมื่อไหร่ก็จะรู้ว่าเป็นคนที่ขี้เล่น สนุกสนาน มันส์ ๆ เหมือนวัยรุ่นคนอื่น

เรียนบริหารเพราะอยากทำธุรกิจ
บ้านเต้ทำธุรกิจส่งออกกุ้ง ทำแบบครบวงจรตั้งแต่เพาะพันธุ์จนถึงเลี้ยงให้โตแล้วก็ส่งออก ก็อยากจะเรียนบริหาร เพราะต้องกลับไปดูแลธุรกิจครอบครัว เราเป็นลูกชายคนโต คุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนบริหาร เต้ก็รู้สึกว่าชอบคณะนี้เหมือนกัน ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าฝืนความรู้สึกของตัวเอง แต่คณะนี้เรียนค่อนข้างยาก เพราะว่าเป็นวิชาเลขเยอะมาก อีกอย่างเขาสอนเป็นภาษาอังกฤษ ความยากก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แต่โชคดีที่คุณแม่ของเต้จ้างครูฝรั่งมาสอนตั้งแต่เด็กเราก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องภาษาเท่าไหร่ ต้องขอบคุณคุณแม่เลยครับ เพราะยิ่งเรียนยิ่งโตเราก็ยิ่งรู้ว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญมาก

เรียนกับงานต้องบริหารเวลา
เต้จะมีอาจารย์คนหนึ่งเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนการลงทะเบียนเรียน อาจารย์จะจัดตารางเรียนมาให้ดู ให้เหมาะกับเวลาของเราน่ะครับ วันไหนว่าง วันไหนเรียนอะไร แต่ถ้ามีงานจริง ๆ เราก็จะขอกับทางมหาวิทยาลัย อย่างถ่ายหนังเรื่องนี้เต้ต้องเดินทางไปถ่ายที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นเวลา 20 วัน เต้ก็ทำเรื่องขอกับทางมหาวิทยาลัยเลยครับ ซึ่งเขาก็อนุญาต แต่เราต้องมาเก็บงานกับเพื่อน ก็ค่อนข้างหนัก แต่เราต้องตั้งใจ ไม่อยากให้เสียการเรียน

วงการบันเทิงทำให้สังคมกว้างขึ้น
ตั้งแต่เข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้รู้จักคนเยอะมากขึ้นเลยครับ เพื่อน ๆ นักแสดง พี่ ๆ ทีมงาน ได้เรียนรู้การทำงานจริง ๆ การได้เข้าไปอยู่ในสังคมการทำงานทำให้เรารู้จักปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น เพราะถ้าเราไม่ปรับตัวเอง เราก็จะร่วมงานกับคนอื่นไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเป็นแบบนั้น และการทำงานกับคนอื่นทำให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น อย่างเรื่องการแสดง เพราะถ้าเราเล่นไม่ได้ เขาก็จะรอเราทั้งกอง ทำให้เป็นภาระคนอื่นอีก
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เต้เล่นไม่ได้ ฉากนั้นต้องเล่นคนเดียว ต้องเล่นหลายอารมณ์มาก เราก็ยังเล่นไม่เก่ง ตอนนั้นเครียดเลย ก็กลับมาซ้อมบท ซ้อมหนักเลยครับ เพราะเราไม่อยากเป็นตัวถ่วงคนอื่น จะมีเพื่อนคนหนึ่งที่เล่นด้วยกัน แล้วเขานอนห้องเดียวกับเต้ เต้ก็เลยขอให้เพื่อนมาช่วยซ้อมบทให้ ก็โอเคครับ ดีขึ้น ทุกอย่างผ่านไปได้


10 มีนาคม ชวนทุกคนไปบอกฮัก
อยากให้ทุกคนไปดูกันเยอะ ๆ นะครับ เพราะหนังเรื่องนี้สนุกมาก แถมยังมีฉากสถานที่สวย ๆ ของจังหวัดมหาสารคามมาให้ทุกคนได้ดู และยังมีเรื่องราวความรักของวัยรุ่นในรั้วโรงเรียน ต่อเนื่องไปจนถึงรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงเคยสัมผัสกับช่วงเวลานั้น ก็อยากชวนให้ทุกคนไปบอกฮักให้ดังพร้อม ๆ กัน วันที่ 10 มีนาคม ทุกโรงภาพยนตร์นะครับ

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : iamamwa ช่างภาพ : เอื้อมศักดิ์ และ ภาพจากภาพยนต์ ฮักนะสารคาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook