การเลือกมหาวิทยาลัยในอนาคต
การเรียนในระดับมัธยมศึกษามีความละเอียดอ่อนต่อการพัฒนาศักยภาพของคนอย่างยิ่ง ด้วยเป็นช่วงเวลาของพัฒนาด้านร่างกายและความรู้สึกนึกคิดในระดับแรกๆ
การเรียนในระดับมัธยมศึกษามีความละเอียดอ่อนต่อการพัฒนาศักยภาพของคนอย่างยิ่ง ด้วยเป็นช่วงเวลาของพัฒนาด้านร่างกายและความรู้สึกนึกคิดในระดับแรกๆ อันต่อเนื่องจากการได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงมักได้รับการอธิบายเสมอว่า หากครอบครัวมีความสมบูรณ์ พ่อแม่ให้การเอาใจใส่หรือดูแลบุตรหลานที่ดี ย่อมส่งผลให้เด็กเกิดการพัฒนาศักยภาพของตนอย่างมากด้วย จึงไม่แปลกที่บรรดาพ่อแม่จะให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรหลาน สถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจึงเป็นที่ต้องการในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการแข่งขันสิทธิ์ในการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนหรือสถาบันศึกษาที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่อย่างเข้มข้นและรุนแรงในทุกปีการศึกษา
ความรู้ความสามารถที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาของการเรียนในระดับมัธยมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดด้วยเป็นพื้นฐานของการเรียนในระดับสูงหรือระดับมหาวิทยาลัย กระนั้นการเรียนเฉพาะในช่วงเวลาปกติหรือการเรียนเฉพาะในโรงเรียนจึงไม่อาจรับรองถึงขีดความสามารถของบุตรหลายได้อย่างเต็มร้อย ปรากฏการณ์ของการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนในระบบพิเศษจึงเกิดขึ้นอย่างมากมายและหลายกรณี ผ่านโรงเรียนหรือสถาบันกวดวิชา
กระนั้นกระแสสังคมที่ปรากฏมักเป็นไปในลักษณะของการต่อต้านหรือปฏิเสธด้วยเหตุที่ว่า เป็นเรื่องของการสร้างความกดดันหรือบังคับขู่เข็ญให้เด็กต้องทำตามโดยที่ไม่รู้ความต้องการของเด็กหรือบุตรหลานของตนที่เพียงพอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมองโรงเรียนกวดวิชาในสถานะที่เป็นเพียงสถาบันที่ให้การแนะนำหรือชี้แนะการทำวิเคราะห์และทำข้อสอบเท่านั้น มิได้เป็นสถาบันการศึกษาที่ให้ความรู้หรือพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนเหมือนเฉกเช่นโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาในระบบ
ในข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ความสำเร็จของการเรียนในระดับพื้นฐานอย่างประถมหรือมัธยมศึกษา อาจเป็นเรื่องยากยิ่งที่วัดระดับความสำเร็จในเชิงความรู้และความสามารถ เพราะช่วงเวลาของการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนยังต้องรอคอยเวลาจนถึงระดับมหาวิทยาลัยหรือเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาของการทำงาน แต่โดยทั่วที่ยอมรับในสังคมและครอบครัว ความสำเร็จของการเรียนในระดับประถมและมัธยมศึกษาคือ การสอบหรือผ่านการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย เป้าหมายของพ่อแม่ในการสนับสนุนการเรียนของบุตรหลานจึงอาจเป็นคนละด้านกับองค์กรทางการศึกษาที่มักกล่าวอ้างหรืออธิบายถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมในการใช้ชีวิตในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะวัดระดับความสำเร็จได้ในเชิงข้อเท็จจริง
เช่นเดียวกันกับเด็กที่เป้าหมายในการเรียนในช่วงเวลาดังกล่าว มักต้องการผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันหรือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นลำดับแรก ผสมผสานกับความต้องการเข้าเรียนในคณะวิชาที่ตนเองใฝ่ฝันอยากจะนำไปใช้ในการทำงานในอนาคต การเรียนเสริมพิเศษผ่านสถาบันหรือโรงเรียนกวดวิชาที่เป็นทางเลือกอันดับแรกๆ ที่สามารถจะช่วยสนับสนุนให้ฝันนั้นเป็นจริงได้ จึงไม่แปลกที่บรรดาโรงเรียนกวดวิชาจะได้รับความนิยมอย่างมากมายมหาศาลในปัจจุบัน เพราะอย่างน้อยที่สุดก็สามารถการันตีถึงการเตรียมความพร้อมในการดูหนังสือหรือตำราที่ตรงตามเนื้อหาวิชาที่จำเป็นต้องใช้ในการสอบมากที่สุด
กระนั้นโดยข้อเท็จจริงก็อาจไม่แน่เสมอไปที่การเรียนพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียงจะเป็นสิ่งการันตีในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย หากแต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความรู้ที่พร้อมสำหรับการสอบอย่างแท้จริงเท่านั้น การเรียนเพียงเพื่อได้ชื่อว่าเรียนพิเศษแล้วจึงอาจเป็นเพียงการเข้าสู่กระแสนิยมเท่านั้น และเป็นข้อพึงระวังสำหรับผู้ปกครองที่จำเป็นต้องพินิจพิจารณาให้ดีว่า ลูกหลานของตนเองนั้นมีความตั้งใจจริงมากน้อยแค่ไหนสำหรับการเรียนพิเศษที่ว่านั้น
อันที่จริงแล้ว หากจะให้บรรลุเป้าหมายการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ตรงตามสาขาวิชาและสถาบันที่ต้องการนั้น การวางแผนการเรียนทั้งแบบปกติและพิเศษมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในยุคสมัยปัจจุบัน ด้วยเหตุจำนวนมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาสามารถรองรับได้ในจำนวนที่จำกัดเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาวิชายอดฮิตหรืออยู่ในกระแสความสนใจของผู้เรียน ซึ่งมักเป็นไปตามความต้องการบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาเหล่านั้นในตลาดแรงงาน และด้วยปัจจุบันปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนในแต่ละช่วงเวลาที่อยู่ในอัตราสูง ความต้องของตลาดแรงงานก็อาจมีการปรับแปลงจำนวนหรือปริมาณผู้สำเร็จในสาขาวิชาต่างๆ ได้ตลอดเวลา ดังนั้นการศึกษาข้อมูลความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคตก่อนตัดสินใจเรียนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
ด้วยระบบโลกโลกาภิวัตน์ได้ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมืองรวมถึงวัฒนธรรมมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว การเรียนรู้โลกภายนอกที่มีความหลากหลายนับเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคนที่มีความรู้เรื่องราวสังคมภายนอกมากย่อมได้เปรียบในการแข่งขัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ อาทิ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่เป็นด่านแรกของการเรียนรู้วิทยาการต่างๆ นอกจากนี้ยังมีภาษาที่กำลังมีบทบาทอย่างสำคัญในสังคมระหว่างประเทศคือ ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมไปถึงภาษารัสเซีย สเปน หรือภาษาอาหรับ เป็นต้น การเรียนรู้ให้ความเชี่ยวชาญในด้านภาษาต่างๆ ดังกล่าว มีผลอย่างยิ่งต่อการทำงานในอนาคต ด้วยระบบโลกได้เชื่อมประสานกลายเป็นชุมชนโลกที่ไร้พรมแดนไปแล้ว
นอกจากนี้แล้ว นักเรียนที่เรียนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ก็อาจปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ โดยหันไปศึกษาในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยมิต้องพะวงกับปัญญหาค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่แพงเหมือนเช่นการไปศึกษาต่อในกลุ่มประเทศยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา และในขณะเดียวกันก็สามารถที่เป็นสถานที่พัฒนาทักษะทางภาษาได้เป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกันกับมาตรฐานการเรียนที่ได้รับการพัฒนาในระดับสูงเช่นเดียวกับประเทศตะวันตกอีกด้วย
การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยลัยในปัจจุบันมีทางเลือกค่อนข้างมากและหลายกหลาย โดยที่ค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐภายในประเทศกับต่างประเทศ โดยเฉพาะเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมไปถึงอินเดีย นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถสร้างโอกาสให้กับผู้เรียนทั้งในการมีเพื่อนที่หลากหลายเชื้อชาติ ศาสนาและประเทศ เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ การเมืองและภาษาที่สำคัญ และน่าจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตได้เป็นอย่างดี
ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : ณัฐพงศ์