เตรียมความพร้อมก่อนไปเรียนนอก

เตรียมความพร้อมก่อนไปเรียนนอก

เตรียมความพร้อมก่อนไปเรียนนอก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

การเตรียมความพร้อมเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับผู้ที่กำลังเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ นักเรียน ควรศึกษาและคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การเดินทาง ภาษา สถาบันศึกษา ค่าใช้จ่าย และ การดำรงชีวิต การเตรียมพร้อมในด้านต่างๆ จะช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อต้องอาศัยอยู่ในต่างแดน โดยควรมีการเตรียมความพร้อมเบื้องต้นในด้าน
· ความพร้อมด้านพื้นฐานการศึกษา
· ความพร้อมด้านภาษา
· ค่าใช้จ่าย
· การเลือกสาขาวิชาและสถาบัน

ความพร้อมด้านพื้นฐานการศึกษา
สถานศึกษาในต่างประเทศส่วนใหญ่มักจะรับนักศึกษาเข้าเรียนโดยใช้ผลการเรียนที่ผ่านมาของนักเรียน นักเรียนจึงควรคำนึงถึงการเตรียมความพร้อมในด้านนี้ โดยสถานศึกษาในต่างประเทศหากเป็นสถานศึกษาที่ได้รับความนิยม จะรับพิจารณานักศึกษาเข้าศึกษาด้วยคะแนน GPA = 3.00 ขึ้นไป และนักศึกษาควรที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ควรมีคะแนน GPA อย่างน้อย 2.75 สำหรับระดับปริญญาโท GPA = 3.50 ขึ้นไป ทั้งนี้ในบางประเทศ นักเรียนต้องผ่านหลักสูตรการเรียนปรับพื้นฐานก่อนเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมและสอบตามระบบเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย

ความพร้อมด้านภาษา
ผู้ที่ต้องการไปศึกษาต่อในต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่เป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ทั้งหมด คือพื้นฐานทางด้านภาษา การตัดสินใจไปศึกษาต่อในต่างประเทศจึงควรคำนึงถึงความสามารถด้านภาษาของนักเรียนด้วย โดยนักเรียนอาจเลือกเข้าศึกษาต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรืออินเดีย หรือประเทศซึ่งใช้ภาษาของตนเอง เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ หรือประเทศที่ใช้ภาษาของตนควบคู่ไปกับภาษาอังกฤษ เช่น เกาหลีใต้ (KAIST) และสิงคโปร์
โดยส่วนใหญ่ประเทศที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาตนเอง นักศึกษาต่างชาติจะต้องเข้าเรียนพื้นฐานทางภาษาก่อนการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 1 ปี หรือหากนักเรียนมีความสามารถทางภาษานั้น ๆ อยู่แล้ว หากนักเรียนสอบผ่านเกณฑ์อาจไม่ต้องเรียนภาษาในเบื้องต้น แต่ทั้งนี้เงื่อนไขของแต่ละประเทศและสถาบันการศึกษาอาจแตกต่างกันออกไป ส่วนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ มักใช้ผลการทดสอบมาตรฐานเพื่อเป็นเกณฑ์ในการรับเข้าศึกษา นักเรียนจึงควรฝึกฝนความสามารถทางภาษาดังกล่าวให้ได้ตามเกณฑ์ที่สถาบันการศึกษากำหนด โดยการทดสอบที่สำคัญ มีดังนี้
· TOEFL (Test of English as a Foreign Language)
คือ แบบวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ใช้มากในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยวัดทักษะภาษาอังกฤษใน 4 ด้าน คือ การพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน โดยเน้นความรู้ความเข้าใจทางภาษาในเชิงวิชาการ และความสามารถในการสื่อสาร ปัจจุบันใช้การสอบผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต จึงเรียกว่า TOEFL iBT (TOEFL Internet Based Testing) ใช้เวลาทดสอบ 4 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายประมาณ 170 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ets.org/toefl
· IELTS (International English Language Testing System)
เป็นการวัดทักษะและความสามารถภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ เพื่อใช้ประเมินความสามารถของผู้สมัครที่ต้องการไปศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นการสื่อสาร ซึ่งมักใช้ใน สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย โดยวัดความสามารถทางด้านไวยกรณ์และคำศัพท์ครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน รวมทั้งเน้นที่ความสามารถในการใช้ภาษาเชิงวิชาการและเชิงการฝึกอบรมทั่วไป รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.britishcouncil.org/th/
· SAT (Scholastic Aptitude Test)
เป็นข้อสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ ความสามารถของนักศึกษาที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่นักเรียนในสหรัฐทุกคนจะต้องสอบเพื่อเป็นการวัดความรู้ความสามารถเป็นเกณฑ์เดียวกัน แบ่งออกเป็น SAT I ทดสอบการใช้เหตุผลทางด้านคณิตศาสตร์และภาษาศาสตร์ และ SAT II คล้ายกับการสอบวิชาเฉพาะในประเทศไทย รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.collegeboard.com/student/testing/sat
· GRE (Graduate Record Examination)
เป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่สถาบันการศึกษาในสหรัฐอเมริกาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับเข้าศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับปริญญาโทขึ้นไป รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ets.org/gre

ค่าใช้จ่าย
เนื่องจากการไปศึกษาต่างประเทศเป็นการลงทุนที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ขึ้นอยู่กับเลือกไปประเทศใด เช่น สหรัฐอเมริกา ปีละประมาณ 1,300,000 บาท ขึ้นไป อังกฤษ ประมาณ 1,600,000 บาท ขึ้นไป ญี่ปุ่น ประมาณ 930,000 บาท เป็นต้น นอกจากค่าใช้จ่ายสนับสนุนจากทางบ้าน นักเรียนอาจสมัครและขอทุนสนับสนุนจากทางมหาวิทยาลัยโดยตรง ซึ่งอาจจะได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนหรือบางส่วน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้

การเลือกสาขาวิชาและสถาบัน

การศึกษาในต่างประเทศมีข้อดีตรงที่มีสาขาวิชาต่าง ๆ ให้เลือกมากมายหลากหลาย และจำเพาะเจาะจงเฉพาะด้านมากกว่าประเทศไทย การเลือกเรียน ควรเริ่มต้นจากสาขาที่นักเรียนต้องการเรียนต่อ โดยพิจารณาจากความสามารถ ความถนัด ความชอบ หรือปัจจัยที่สำคัญในชีวิตของนักเรียนมาประกอบกัน แล้วจึงหาข้อมูลต่อจากนั้นว่า มหาวิทยาลัยใดที่เปิดสอนในสาขาดังกล่าว และมีความโดดเด่นในด้านนั้น ๆ หรือมีปัจจัยอื่นที่เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการของนักเรียน ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้จากเวบไซต์ต่าง ๆ เอกสารจากห้องสมุด หรือข้อมูลที่งานให้การปรึกษาฯ โดยสิ่งที่นักเรียนควรพิจารณาเบื้องต้น คือ
· มีสาขาวิชาที่ต้องการ โครงสร้างของหลักสูตรชัดเจน
· มาตรฐานของสถาบัน และการรับรองฐานะทางการศึกษา
· ที่ตั้งของสถานศึกษา สภาพแวดล้อม
· เกณฑ์การรับนักศึกษาที่เหมาะสมกับตนเอง มีโอกาสในการเข้าเรียน
· สัดส่วนนักเรียนต่ออาจารย์ จำนวนนักศึกษา
· สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อการเรียนการสอน
· ค่าใช้จ่ายในการศึกษา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.thoondd.com/

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook