หวานอันตราย เลือกอย่างไรไม่เป็นโรค
หวานพอดีมีคุณต่อร่างกาย ถ้าปล่อยให้เพลินกับความหวาน สุขภาพที่ดีไม่มีแน่ ๆ เลือกที่มาของความหวานให้ได้ประโยชน์
ใคร่ครวญก่อนรับความหวาน
น้ำตาลที่ผ่านกระบวนการมาเป็นเกล็ดหรือก้อนน้ำตาล จะเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูงมากแต่มีปริมาณเล็กน้อย ทำให้เรารับประทานในปริมาณมากส่งผลให้รับพลังงานมากเกินความต้องการและเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้น้ำหนักเกิน เทียบกับน้ำตาลที่ได้จากอาหารธรรมชาติ
เช่น ผักสด ผลไม้สด อาหารเหล่านี้จะมีทั้งไฟเบอร๋ น้ำและ วิตามิน แม้เราจะรับประทานเข้าไปเป็นจำนวนมากขนาดของน้ำตาลก็จะไม่เกินกำหนด
เช่น คนกินส้มวันละ 50 ลูก หรือกะหล่ำวันละ 10 กิโลกรัม ก็จะไม่มีปัญหาน้ำหนักเกิน เพราะพลังงานจากน้ำตาลมีพอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย ต่างจากสาว ๆ ที่ชอบดื่มกาแฟเย็นที่ผสมนมข้นหวานไม่มาก น้ำตาลทรายแค่ช้อนชาแต่จะได้พลังงานมหาศาลถ้าใช้ไม่หมดก็ไปซ่อนที่พุงหรือต้นขา
เลือกน้ำตาลที่ดี
ในบทความนี้บอกว่าควรเลือกน้ำตาลที่ไม่ผ่านกระบวนการดัดแปลงแต่ไม่ใช่ว่าน้ำตาลที่ไม่ได้ผ่านการดัดแปลงและมาจากธรรมชาติจะไม่มีผลเสียอะไร แน่นอนว่าน้ำตาลก็ไห้พลังงาน กินมากไปก็มีผลเสียเช่นเดียวกัน ควรใช้วิจารณญาณก่อนรับประทาน
แต่ก็ควรเลือกไม่ดัดแปลงก่อนพวกดัดแปลง
น้ำผลไม้ ให้คุณค่าสูง ดูดซึมเข้ากระแสเลือดอย่างสม่ำเสมอพอเหมาะพอเจาะ ไม่ทำให้อินซูลินออกมาแบบกระโชกโฮกฮาก
น้ำผึ้ง ให้พลังงานได้ดี แต่มีแคลอรี่สูง ทำให้ฝันผุ ควรระมัดระวัง
เมเปิล ไซรัป สกัดจากน้ำในต้นเมเปิล มีแร่ธาตุมากโดยเฉพาะ โปตัสเซี่ยม และ แคลเซี่ยม
น้ำตาลดัดแปลง
Corn syrup ความหวานที่ช่วยเพิ่มความเหนียว สีสัน ในอาหาร พบมากในน้ำสลัด ไอศกรีม ผลไม้กระป๋องในน้ำเชื่อม
Dextrose ดัดแปลงจากแป้งข้าวโพด นิยมใช้ในขนมปังแผ่น ขนมปังกลม
น้ำตาลแดง ผลิตผลจากกากน้ำตาล มักนิยมใช้ในขนมปัง
น้ำตาลทราย ผ่านกระบวนการทางเคมี แถมถูกฟอกสี
High Fructose Corn Syrup น้ำตาลที่ทำจากแป้งข้าวโพดแล้วเพิ่มเอนไซม์เข้าไป พบมากในเครื่องดื่มอัดลมทุกประเภท ไอศกรีม ขนมหวานแช่แข็ง และเครื่องดื่มซ่า ๆ
น้ำตาลเทียม พระเอกหรือผู้ร้าย
ลำพังน้ำตาลจากธรรมชาติกับพวกดัดแปลงก็ทำให้ผู้คนสับสนหวาดกลัวน้ำตาลไปมาก มนุษย์เรายังช่างค้นคว้าหาของเทียมที่หวานเหมือนน้ำตาลแต่ไม่มีพลังงาน ตอบสนองคนชอบหวานแต่ไม่อยากอ้วนและแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
แอสปาร์แตม (Aspartame) แม้จะผ่านการรับรองจาก FDA หรือองค์กรอาหารและยาของอเมริกามาตั้งแต่ปี 1981 ว่าปลอดภัยไม่อันตรายเพราะพิสูจน์แล้วว่าไม่มีส่วนประกอบใด ๆ ที่เป็นพิษ เป็นกรดอะมิโนที่เลียนแบบกรดอะมิโนที่ร่างกายได้จากการย่อยผลไม้และผักสด
แต่ก็มีข้อถกเถียงกันอยู่ 2 แนวทาง ฝ่ายสนับสนุนก็บอกว่าทำจากสารเลียนแบบธรรมชาติไม่มีพิษ ทำการวิจัยแล้วว่าปลอดภัย แต่ฝ่ายต้านบอกว่ายังมีผลรายงานว่ามีคนแพ้ต่อการใช้น้ำตาลเทียม ฝ่ายสนับสนุนก็โต้อีกว่ามีแค่ 1ในหมื่นที่พบว่าร่างกายไม่รับต่อสารเทียมน้ำตาลนี้
คุณหมอแอนดรู เวลล์ คุณหมอผู้โด่งดังทางสุขภาพทางเลือก เจ้าของงานเขียนขายดีทั่วโลกหลายเล่ม ต่อต้านน้ำตาลเทียมนี้อย่างยิ่ง และคอยบอกให้คนไข้ของเขาว่าให้อยู่ห่าง ๆ จากน้ำตาลประเภทนี้
สำหรับท่านผู้อ่านคงได้พิจารณาอย่างแจ่มชัดแล้วว่า น้ำตาลเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแน่นอน แต่ของจากธรรมชาติย่อมดีกว่าดัดแปลง บางคนที่มีปัญหาสุขภาพและไม่มีทางเลือกมากนัก น้ำตาลเทียมก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้ได้ แต่ทุกอย่างถ้าพิจารณาอย่างใคร่ครวญก่อนรับประทานก่อนใช้ การป้องกันย่อมเป็นคำตอบที่ดีกว่าแน่นอน