แนะหลังน้ำลดกำจัดขยะสกัดโรคฉี่หนูแต่เนิ่น ๆ
นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้บางจังหวัดอยู่ในภาวะน้ำท่วม บางจังหวัดอยู่ในภาวะน้ำลด โรคเล็ปโตสไปโรสิส หรือโรคฉี่หนู มักพบการระบาดในช่วงหลังน้ำลด จังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง เช่น นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เป็นต้น น้ำลดลงแล้ว เริ่มพบผู้ป่วยโรคฉี่หนูประมาณ 14 ราย จึงเป็นสัญญาณว่า ถ้าไม่รีบป้องกันแต่เนิ่นๆโรคนี้จะเป็นปัญหาหลังน้ำลดแน่นอนโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งมีหนูท่อจำนวนมากหนูเหล่านี้เป็นพาหนะนำโรคฉี่หนู โดยหนูจะฉี่ทิ้งไว้ในน้ำแฉะๆ เมื่อคนเดินเท้าเปล่าไปเหยียบจะติดเชื้อโรคฉี่หนูได้จึงขอให้ประชาชนรีบกำจัดขยะและเศษอาหารเพื่อลดจำนวนหนูท่อดังกล่าว
โรคฉี่หนู ผู้ป่วยมักมีประวัติเสี่ยงสัมผัสกับสัตว์หรือสิ่งปนเปื้อนกับปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู วัว ควาย และปนเปื้อนในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือพื้นที่ชื้นแฉะ เช่น แอ่งน้ำ โคลน ท่อระบายน้ำทิ้ง ในระยะหลังพบว่าบางพื้นที่เมื่อเกิดอุทกภัยจะมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมาก ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการเป็นโรคฉี่หนู ได้แก่ ผู้ที่ลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ หาปลาขณะน้ำท่วม เชื้อไข้ฉี่หนูจะเข้าสู่ร่างกายได้โดยการไชเข้าทางบาดแผล หรือเข้าทาง เยื้อบุตา ขณะที่แช่น้ำ หากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะน่องและโคลนขา ให้รีบไปพบแพทย์หรือหน่วยแพทย์ที่ออกมาให้บริการในพื้นที่ โดยด่วน หากไม่รีบรักษาอาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้
นายแพทย์พรเทพ กล่าวต่อไปว่า โรคนี้มีพาหะนำโรคสำคัญคือหนู ข้อแนะนำในการป้องโรคฉี่หนู คือ การลดปริมาณของหนู โดยการกำจัดขยะ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธ์ ที่อยู่อาศัยของหนู และลดอาหารของหนู ได้แก่ ขยะเปียก เศษอาหาร ในช่วงน้ำท่วมนี้จึงขอให้ช่วยกัน กำจัดขยะโดยการแยกขยะให้เป็นประเภท ได้แก่ ขยะแห้ง ขยะเปียก ขยะรีไซเคิล เป็นต้น เพื่อง่ายต่อการกำจัด ขยะรีไซเคิลต้องเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่เป็นที่อยู่อาศัยของหนู ขยะเปียกและเศษอาหาร เก็บกวาดขยะใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่นไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนูและดูแลที่พักให้สะอาดไม่ให้เป็นที่อาศัยของหนู ส่วนการป้องกันโรคระยะหลังน้ำลดควรสำรวจพื้นที่และปรับสภาพแวดล้อมให้สะอาด สวมรองเท้าถุงมือยางในการเก็บกวาดบ้านเรือน ถนนและสาธารณสถาน เมื่อเสร็จภารกิจต้องรีบอาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด นอกจากนี้ประชาชนป้องกันตนเองจากโรคฉี่หนูโดย โดยหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ย่ำโคลนนานๆ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้ว ต้องรีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ซับให้แห้งโดยเร็วที่สุด ควรสวมรองเท้า หรือหุ้มเท้าด้วยถุงพลาสติกที่เหมาะสมสามารถป้องกันน้ำได้ หากต้องลุยน้ำ หรือ เดินบนที่ชื้นแฉะโดยเฉพาะถ้ามีบาดแผลควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานห้ามเดินลุยน้ำโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้สัมผัส
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค http://dpc9.ddc.moph.go.th/drupal/node/98