5 หนุ่ม TWENTY TOWN ดุริยางคศิลป์ คำตอบของการเรียนดนตรี
![5 หนุ่ม TWENTY TOWN ดุริยางคศิลป์ คำตอบของการเรียนดนตรี](http://s.isanook.com/ca/0/ud/188/944840/9331_20111215p1.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
ห้าหนุ่มเพื่อนซี้ มังกร, เจมส์, ดิว, เหว่ย และ มิค จากรั้วดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กอดคอกันเดินทางหาคำตอบว่า ในศตวรรษที่ 20 จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยเฉพาะดนตรีที่พวกเขาชื่นชอบ ทั้งหมดจึงรวมตัวกันตั้งวงดนตรีขึ้นมา ใช้ชื่อวงว่า TWENTY TOWN ออกตระเวนเล่นดนตรีทดลองในแนวทางที่หลากหลาย จนกระทั่งพบว่า สุดท้ายแล้ว ดนตรีไม่มีอะไรใหม่ พวกเขาจึงคิดสร้างความแปลกใหม่ขึ้นมา โดยการรวมเอาความถนัดทางดนตรีของแต่ละคนในวง ไม่ว่าจะเป็น Disco, Soul, Funk รวมทั้งการร้องแบบ R&B มาผสมผสานจนเกิดเป็นดนตรีแนวใหม่ที่น่าฟัง
TWENTY TOWN หมู่บ้านดนตรีของคนยี่สิบต้นๆ
คือเราคิดว่าดนตรีมียุคมีสมัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นยุค 80's , 90's ซึ่งเป็นยุคที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เราก็เลยมาถามตัวเองว่าพวกเราในวัยยี่สิบต้น ๆ จะมีดนตรีแนวไหนที่เหมาะสมกับพวกเรา ก็ลองคิดลองเล่นกันมาหลายแนวครับ จนเรารู้สึกว่าความจริงดนตรีมันไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย เราก็เลยคิดจะสร้างความแปลกใหม่ขึ้นมา โดยการเอาความสามารถทางด้านดนตรีของแต่ละคนในวงมาผสมผสานกัน ก็จะมีทั้ง Disco, Soul, Funk รวมทั้งการร้องแบบ R&B และแอบแต่งตั้งว่าเป็นดนตรีของยุคปัจจุบัน เป็นดนตรีสมัยใหม่ ที่ผสมผสานแนวดนตรีในยุคเก่าเข้ากับยุคใหม่ เป็นยุค Twentieth Century เป็นเพลงของคนวัยยี่สิบ ชื่อวงก็เลยสอดคล้องกับเป็นเมืองของคนอายุยี่สิบ ก็เลยมาเป็น TWENTY TOWN
ดนตรีแนวผสมผสาน
แนวดนตรีก็จะมีพื้นฐานเป็นป๊อป แล้วสอดแทรกกลิ่นอายความเป็นดิสโก้ โซล ฟังก์ อย่างซิงเกิลแรกที่ปล่อยออกมา ‘ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ' เนื้อหาของเพลง ก็คือไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง เราก็ชอบเขา และก็แอบคิดไปเองว่าเขาก็ชอบเรา เพราะผู้หญิงเขาก็มีอะไรหลายอย่างที่แสดงออกว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงเราใช้คำเปรียบเทียบว่าคนที่เรารัก เป็นคนที่มีความชำนาญเรื่องความรัก เราก็เลยถูกทำให้รักโดยผู้ชำนาญ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็ต้องเคยมีอารมณ์นี้ แอบ ๆ ชอบ แล้วก็แอบคิดไปเอง มันมีบางอย่างที่เขาทำให้เรารู้สึกว่าเขารู้สึกดีกับเราด้วย แต่สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ ก็แห้วไปตามระเบียบ อะไรแบบนี้ครับ
‘ศิลปิน' ความฝันในตอนเด็ก
พวกเรา 5 คนจะมีความฝันกันตั้งแต่เด็กครับ ว่าอยากเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง นักดนตรี อยู่บนเวทีคอนเสิร์ตแล้วมีคนมากรี๊ด นั่นเป็นความฝันที่มีมานาน และเมื่อมีโอกาสได้เข้ามาเรียนดนตรี ก็เป็นธรรมดาที่เราจะต้องขวนขวายทำความฝันให้เป็นจริงขึ้นมา และในที่สุดก็เป็นจริงครับ ได้ออกอัลบั้ม ได้ร้อง เต้น เล่นดนตรี มีวงเป็นของตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่รัก ตอนนี้ก็เลยเป็นฝันที่เป็นจริง ก็ดีใจมากครับ และยิ่งได้มาทำดนตรีกับเพื่อนของเราก็ยิ่งมีความสุขไปใหญ่ ได้ทำในสิ่งที่รัก พร้อม ๆ กับเพื่อนที่เรารัก
ดุริยางคศิลป์ ศาสตร์ศิลป์ของดนตรี
พวกเราสี่คนเรียนที่มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาดุริยางคศิลป์ครับ มีมังกรคนเดียวที่เรียนที่มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ สาขาการแสดง แต่ว่าเขามีความสามารถในการร้องเพลงมาก เราก็เลยชวนเขามาเป็นนักร้องนำในวง ซึ่งการเล่นดนตรีมันไม่มีพรมแดนอยู่แล้วครับ ทุกอย่างสามารถผสมผสานกันได้หมด ขอให้มีใจรัก แต่การเรียนดนตรีเป็นพื้นฐานมันก็ทำให้เราสื่อสารกันเข้าใจง่ายขึ้น เพราะเราพูดภาษาเดียวกัน ภาษาดนตรี แต่ก็แอบกดดันนิด ๆ ไม่ใช่กดดัน มันเป็นความคาดหวังมากกว่า เพราะว่าเราเรียนดนตรีมา เราก็อยากทำเพลงให้ออกมาให้ได้ดั่งใจเรา แต่ก็กลัวว่าคนฟังจะไม่ชอบ เราก็ต้องหาอะไรที่มันกึ่งกลาง อยากทำเพลงให้คนฟัง เราก็ต้องทำเพลงที่คนอื่นชอบด้วย และเราก็ชอบเหมือนกัน แต่เราโชคดีที่มีพี่โปรดิวเซอร์ที่เก่ง เขาจะเปิดโอกาสให้เราเสนอไอเดียเต็มที่ แล้วค่อยมาหาจุดกึ่งกลาง หรือว่าจุดที่เพลงมันจะเชื่อมต่อกับทุกฝ่ายได้ ซึ่งพวกเราก็รู้สึกโอเค
เส้นทางสู่ดุริยางคศิลป์
ตอนสอบเข้าคณะนี้ บรรยากาศก็จะเหมือนในหนังเรื่อง Season Change ครับ คือทุกคนจะต้องเข้าไปสอบปฏิบัติ แล้วก็มีสอบทฤษฏีเกี่ยวกับดนตรี เป็นการสอบตรงไม่มีแอดมิสชั่นส์ คนที่มาสอบต้องมั่นใจแล้วว่าชอบทางนี้ เลือกแล้วว่าจะมาทางนี้จริง ๆ อย่างดิว ตอนที่ไปสอบเราก็มาบอกพ่อแม่ว่าเราอยากเรียนดนตรีที่นี่ พ่อกับแม่ดูแล้วบอกว่าก็โอเค บอกให้ทำเต็มที่ และควรเรียนอะไรที่สามารถต่อยอดได้ด้วย ดิวก็เลยเลือกเรียนเป็นบิสิเนสมิวสิก เป็นการบริหารด้วย แต่ว่าตอนสอบนี่ นอกจากวิชาดนตรี ดิวก็ต้องสอบวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ อะไรอย่างนี้เพิ่มเข้ามาด้วย ง่าย ๆ เลย ทุกคนจะสอบวิชาพื้นฐานเหมือนกัน แต่จะมีสอบวิชาเฉพาะของแขนงที่เราเรียนเพิ่มเข้าไปด้วย
ทั้งเรียนทั้งงานต้องบริหารเวลา
ตอนนี้พวกเราก็ใกล้จบกันทุกคนแล้ว วิชาที่เรียนก็จะเหลือน้อย อาทิตย์หนึ่งเรียนไม่กี่ตัว ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแบ่งเวลาเท่าไหร่ คือพวกเราวางแผนเอาไว้แล้วว่าตอนปีแรกและปีสองจะเรียนให้ได้เยอะ ๆ เพื่อว่าสามสี่ปีหลังจะได้ไม่ต้องเรียนหนัก และซิงเกิลก็มาปล่อยใกล้ปิดเทอมพอดี ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ยกเว้นดิวครับ ที่ตอนนี้เรียน 5 วันเต็ม เพราะเรียนบิสิเนสมิวสิก ก็เลยเรียนค่อนข้างหนัก ส่วนใหญ่เป็นวิชาที่บังคับลงของมหาวิทยาลัย ก็ค่อนข้างแน่น ต้องไปคุยกับอาจารย์เหมือนกันครับ ว่าเรามาทำงานเพลงตรงนี้นะ ขออาจารย์นิดหนึ่งว่าบางวิชาเราขาดเรียนได้มั้ย แล้วเราก็เขียนใบลาไป แต่บางอย่างวิชาถ้ามันยากจริง ๆ ก็ขอดร็อปไปก่อนครับ แต่ก็จะพยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดครับ
ฝากถึงเพื่อน ๆ
ก็อยากจะฝากให้เพื่อน ๆ ช่วยติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ อยากให้ลองฟังกันดู เพราะเป็นผลงานที่พวกเราตั้งใจทำกันมาก และก็มีเอ็มวีออกมาให้ดูกันแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าการเล่นเอ็มวีครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของพวกเราทุกคน ตอนถ่ายทำก็ทั้งสั่นทั้งประหม่า แต่ว่าก็พยายามตั้งใจทำเต็มที่เพื่อจะให้ผลงานออกมาดีที่สุดครับ
ที่มา "การศึกษาวันนี้"
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ