หวานเป็นลม...ขมเป็นยา
หวานเป็นลม ขมเป็นยา...บรรพบุรุษไทยเปรียบเปรยไว้ว่า แม้รสชาติหวานจะน่าติดใจแต่ก็อาจจะนำมาซึ่งโทษและภัยสารพัด ในขณะที่รสชาติขม เช่น บอระเพ็ด แม้รสชาติจะไม่น่าพิสมัยในเบื้องต้น แต่ก็นำมาซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพ เปรียบเสมือนคำชมหวานหูมักไร้สาระทำให้ลืมตัวขาดสติ แต่คำติซึ่งมักจะไม่ค่อยจะไพเราะเสนาะหูในเบื้องต้น มักเป็นประโยชน์ทำให้ได้คิด
การรับประทานหวาน...อีกนัยหนึ่งคือรับประทานน้ำตาลมากเกินไปก็ให้เกิดโรคที่เนื่องมาจากความอ้วนทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง กลุ่มอาการผิดปกติทางเมตาบอลิซึ่ม โรคข้อ มะเร็งบางชนิด และอื่นๆ อีกมากมาย
หวานแค่ไหน...ถึงจะพอเหมาะ
หวานเกินไป..ใช่จะดี หวานน้อยไปก็พานจะทำให้คนบางคนรับประทานอาหารไม่อร่อยลิ้นเอาเสียเลย ถ้าเช่นนั้น อะไรเล่าคือทางสายกลาง?สมาคมโรคหัวใจของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของความหวานหรือน้ำตาล (แสดงว่ากินหวานมากเกินไป...ส่งผลต่อหัวใจได้เช่นกัน) และได้แนะนำไว้ว่า สำหรับคุณผู้หญิงควรจำกัดการบริโภคน้ำตาลให้ไม่เกินวันละ 25 กรัม (หรือประมาณ 6 ช้อนชา) ในขณะที่คุณผู้ชายรับประทานได้มากกว่านิดหน่อยคือไม่เกิน 37.5 กรัมต่อวัน (หรือประมาณ 9 ช้อนชา)
เรื่องจริง....ในชีวิตประจำวัน
อ่านดูแล้วอาจจะรู้สึกประหลาดใจว่า.....ทำไมให้รับประทานน้ำตาลได้เยอะขนาดนั้นในวันหนึ่งๆ จริงๆ แล้วคนอเมริกันส่วนใหญ่รับประทานเกิน (คนไทย หมอหาสถิติไม่เจอ แต่ถ้าดำรงชีวิตแบบประเทศทางตะวันตก หรือรับประทานขนม แม้จะเป็นขนมไทยเป็นประจำ ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไร) แค่น้ำอัดลม 1 กระป๋องจะมีน้ำตาลอยู่ประมาณ 30 กรัม หรือ 7 ช้อนชา ซึ่งก็เกินไปสำหรับปริมาณน้ำตาลที่แนะนำให้คุณผู้หญิงรับประทานในแต่ละวัน
มีไหม...น้ำตาลดีๆ
น้ำตาลที่มากับผลิตผลตามธรรมชาติ เช่น น้ำตาลฟรุกโตสที่มากับผลไม้ หรือน้ำตาล แล็กโทสที่มากับผลิตภัณฑ์นม พวกนี้เป็นแหล่งน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในอาหาร ผู้ที่รับประทานก็จะได้ประโยชน์จากผลิตผลตามธรรมชาตินั้นนอกเหนือไปจากตัวน้ำตาลเอง ซึ่งโดยปกติ ธรรมชาติก็จะจัดสรรมาอย่างพอเหมาะ แต่น้ำตาลที่เติมลงไปเพิ่มเติมนี่สิ เป็นตัวปัญหาที่มีแต่โทษต่อร่างกาย โดยมิได้มีประโยชน์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
ลองดูวิธีง่ายๆ...ให้หวานลดลง
สำหรับตัวหมอเอง...เป็นคนติดหวาน จะให้หยุดความหวานเสียเลยก็ไม่ง่ายนัก เลยใช้วิธีเดินสายกลางค่อยๆ ปรับตัวเองให้ชินกับความหวานน้อยลงไปเรื่อยๆ เช่น ค่อยๆ ปรับเติมน้ำตาลในกาแฟ 2 ช้อน เป็น 1 ช้อนครึ่ง และปัจจุบันเหลือไม่ถึงช้อนชา ตั้งใจจะให้เหลือ 1/2 ช้อนชา รวมทั้งรับประทานขนม เป็นคำ ไม่ใช่เป็นถ้วยหรือเป็นชิ้นใหญ่ เติมน้ำตาลในอาหารต่างๆ ลดลง และใช้ความหวานจากธรรมชาติปรุงแทน เช่น ผลไม้ที่มีรสหวาน และลดการปรุงเพิ่มเติมบนโต๊ะ เช่นเวลารับประทานก๋วยเตี๋ยว ลดการดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน เรียกว่านานๆ ถึงจะดื่มสักครั้ง
น้ำตาลเทียม...ทางเลือกหรือ...ทางไม่ควรเลือก
ถึงแม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าน้ำตาลเทียมซึ่งเป็นสารสังเคราะห์เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ แต่ทางการแพทย์เองก็มิได้สนับสนุนให้มีการใช้น้ำตาลเทียมเป็นกิจวัตรโดยไม่จำเป็น สำหรับความเห็นส่วนตัวของหมอ อะไรที่เป็นธรรมชาติน่าจะดีกว่าสารสังเคราะห์ ลองปรับความหวานลดลงแบบธรรมชาติ โดยลด/เลิกการรับประทานหรือเติมน้ำตาล และหันมาใช้ความหวานจากผัก ผลไม้แทน ที่สำคัญบริโภคในปริมาณพอเหมาะจะดีกว่า หวานจะได้ไม่เป็นลมไงค่ะ