สรุปล่าสุด.. กองทุน กรอ. ปีนี้ให้ทำควบคู่กยศ.ไปก่อน
ศึกษาธิการ - ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา ในประเด็นการดำเนินโครงการกองทุนให้ทุนที่ผูกกับรายได้ในอนาคต และครูมืออาชีพ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๕
กองทุน กรอ. ให้ทำควบคู่กยศ.
รมว.ศธ.กล่าวว่า เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายนที่ผ่านมา นายแพทย์ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เชิญกรรมการ กรอ.ประชุมเพื่อเร่งรัดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่ง ศธ.จะเสนอเรื่องนี้ต่อ ครม.ในสัปดาห์หน้า โดยเปลี่ยนมาใช้ กรอ.แทน กยศ. ตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจาก กยศ.เป็นการกู้ยืมเงิน จึงเกิดเป็นปัญหาฟ้องร้องเมื่อผู้กู้ไม่ชำระเงินคืน และผู้บริหารจัดการจะต้องทำการฟ้องร้องตามที่กฎหมายกำหนด แต่ กรอ.เป็นการให้ทุนการศึกษา ชำระคืนภายหลังมีงานทำและมีรายได้ ๑๖,๐๐๐ บาท และในระหว่างที่เสนอกฎหมาย จะต้องดำเนินการตามระเบียบไปก่อน โดยระเบียบกำหนดให้ผู้รับทุนในระดับอุดมศึกษาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงขึ้นไป ประกอบด้วยค่าเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และสำหรับผู้ที่ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐ บาทต่อปี ก็จะให้ค่าครองชีพด้วย ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่ต้องการให้ทุกคนได้เรียนหนังสือ โดยไม่ต้องกังวลกับฐานะของครอบครัว
ขณะนี้ กรอ.จะดำเนินการควบคู่กับ กยศ.ไปก่อน โดยจะคง กยศ.ไว้สำหรับนักเรียนระดับ ม.๔-๖ และประกาศนียบัตรวิชาชีพให้กู้ค่าเรียนและค่าเครื่องอุปกรณ์การเรียน แต่ในที่สุดก็จะรวมเป็นโครงการเดียวกัน สำหรับการกู้ กรอ. เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทนั้น ยังไม่ได้พิจารณา เพราะปริญญาโทเป็นเรื่องการศึกษาเพิ่มเติมเฉพาะบุคคล และคนส่วนใหญ่ก็มีงานทำแล้วด้วย
ครูมืออาชีพบรรจุ 35 %ไม่มีทุนให้
รมว.ศธ.กล่าวว่า ได้ลงนามในเรื่องการดำเนินงานโครงการครูพันธุ์ใหม่เพื่อเสนอต่อ ครม. โดยจะได้เสนอเปลี่ยนชื่อเป็น "ครูมืออาชีพ" เพราะการใช้ชื่อพันธุ์ใหม่นั้น อาจกระทบกับความรู้สึกกับครูรุ่นเดิมที่สอนอยู่แล้ว พร้อมทั้งจะได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ โดยได้มอบหมายให้ สพฐ.ประเมินอัตรากำลังครูทั้งประเทศที่บรรจุในแต่ละปี เพื่อกำหนดสัดส่วนการรับบรรจุครูทุกประเภทในอนาคต เช่น จะบรรจุครูมืออาชีพและทุนอื่นๆ ๓๕% ครูอัตราจ้างที่รอบรรจุ ๒๕% และครูทั่วไป ๔๐% ทั้งนี้จะต้องคำนึงถึงสัดส่วนของอัตราว่างในสังกัด สพฐ. และ สอศ.
การรับครูมืออาชีพเข้าทำงานนั้น จะกำหนดให้คนที่เรียนครูในโครงการครูพันธุ์ใหม่เดิมมาทำการสอบแข่งขัน เพื่อประกันการมีงานทำให้ทุกคนที่สอบผ่าน สำหรับครูเดิมที่ยังไม่เป็นมืออาชีพ จะได้รับการปรับปรุงโดยการสอบหรืออบรม เพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพ แต่จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพด้วย ยืนยันว่าต้องการให้ความเป็นธรรมกับครูทุกคน ไม่ว่าจะเป็นครูอัตราจ้างจำนวนหนึ่งที่รอสอบบรรจุครูมานานแล้ว หรือครูทั่วไปที่มีผลการเรียน ๒.๙๐ เป็นต้น
สำหรับการให้ทุนโครงการครูมืออาชีพนั้น เชื่อว่าไม่มีความจำเป็น เพราะทุกคนที่เรียนครูสามารถเรียนได้ดี และมี กรอ.สนับสนุนเรื่องค่าเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นการประกันการมีงานทำมีความจำเป็นสำหรับผู้เรียนครูมากกว่า เพราะขณะนี้ยังมีครูตกงานอยู่มากและงบประมาณของ ศธ.ก็มีจำนวนจำกัด ทั้งนี้ จากการสอบถามคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ การให้ทุน ไม่ได้หมายความว่า ทุนอยู่ที่ครู แต่ทุนจะไปอยู่ที่สถาบัน จึงเชื่อว่าเมื่อเรียนครูแล้วมีงานทำเป็นเรื่องที่ดีกว่าแน่นอน