Google วันนี้ Peter Carl Faberge ช่างทองชื่อดัง
Google เปลี่ยนไปอีกแล้ว วันนี้มาแนวใหม่สวย หรู หรามากๆ โดยมีลักษณะเป็นรูปไข่ เขียนลาย และประดับตกแต่งอย่างงดงาม ถ้าเพื่อนๆ คลิกค้นหาก็จะพบว่า วันนีืคือ วันเกิดครบรอบ 166 ปีของสุดยอดช่างทองและอัญมณีระบดับโลกนามว่า Peter Carl Fabergé อ่านว่า ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช
Peter Carl Fabergé
ชีวประวัติของปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช
ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เชเองเกิดเมื่อปีค.ศ. 1846 ในกรุงเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ด้วยความที่ครอบครัวของเขาเป็นช่างทองตั้งแต่ในอดีต เขาจึงได้ไปศึกษาเล่าเรียนทักษะในด้านงานช่างทองในเยอรมนี หลังจากจบการศึกษามา เขาก็เริ่มต้นนำทักษะของเขามาใช้ในงานจริง ด้วยวัย 24 ปี แฟเบอร์เชก็ได้เปิดกิจการอัญมณีในรัสเซียที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์กอีกครั้งในปี ค.ศ. 1870 หลังจากพ่อของเขาได้เกษียณและเลิกทำกิจการไป กว่า10ปีในการเป็นหัวเรือใหญ่ในธุรกิจ เขาได้พยายามสร้างสรรค์งานของเขาให้เทียบเท่าและสูงกว่างานของช่างอัญมณีทั่วไป หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่เขาก็จะทุ่มเวลากับการศึกษามรดกสมบัติที่ล้วนมีค่าที่เก็บสะสมไว้โดยพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย ที่แฟเบอร์เชได้เห็นจากแคตาล็อกประเมินราคา และการซ่อมแซมงานพวกนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ทำธุรกิจใหม่ขึ้นโดยความช่วยเหลือจากน้องชายชื่ออการ์ธอน (Agathon) สู่การเปลี่ยนโฉมหน้าครั้งใหญ่ของงานศิลปะอัญมณี โดยในปีค.ศ 1882 คาร์ลและน้องชายอาการ์ธอนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานที่ออกมาอย่างวิจิตร โดยได้แรงบัลดาลใจจากศิลปะของรัสเซียในยุคโบราณและผลงานชิ้นนี้ก็ถูกขายไป Eric Kollinช่างชาวฟินน์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมช่วยในจำนวนงานของสองพี่น้องนี้ที่จะนำไปจัดแสดงขึ้นในมอสโก
พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่3และพระมเหสีซารีน่ามาเรีย ก็ทรงได้เข้าร่วมในงานแสดงผลงานล้ำค่าของแฟเบอร์เชด้วย นอกจากนั้นแล้วฟาบาเช่ยังได้ถูกเสนอได้รับเหรียญเกียรติยศ (Gold Medal at the Pan-Russian exhibition in 1882) ในฐานะที่ได้เปิดศักราชใหม่แห่งวงการศิลปะอัญมณี ในเวลานั้นผู้คนต่างหลงไหลในมูลค่าและความงามของงานอัญมณีที่ประดับด้วยโลหะมีค่าและอัญมณีหายาก ซึ่งแฟเบอร์เชนั้นก็เข้าใจดีว่าความคิดสร้างสรรค์ที่บรรเจิดและฝีมือช่างที่ดีจะนำไปสู่การสร้างเงินและมูลค่าของงานที่มหาศาล ในบรรดาเหล่าช่างทอง แฟเบอร์เชกลายเป็นชื่อที่ผู้คนจะสนใจอันดับแรกๆนอกจากนั้นเขายังได้จ้างมิคาอิล เพอร์ชิน (Michael Perchin) ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องทองและเครื่องเคลือบที่มาช่วยและแนะนำวิธีการ ด้วยความใส่ใจและการทดสอบวิธีการในงานศิลป์ และเขายังร่วมกันศึกษาพยายามทดลองจำลองเทคนิคงานในศิลปะช่วงต้น และเขาก็ได้รับความสำเร็จถึงขนาดที่พระเจ้าซาร์ไม่สามารถตัดสินพระทัยแยกแยะได้ในชิ้นกล่องบรรจุยานัตถุ์ ระหว่างชิ้นต้นแบบ กับชิ้นที่เลียนแบบที่เฟอร์เบอร์เช่สร้างขึ้น และในที่สุดแฟเบอร์เชก็กลายเป็นช่างของราชสำนักโรมานอฟโดยความไว้วางพระทัยของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่3 ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19
ไข่อัญมณีแฟเบอร์เช
ผลงานของ Peter Carl Fabergé
โรงงาน (Workshop) ของแฟเบอร์เชนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยช่างทองและช่างอัญมณีที่มีฝีมือดีสุดเท่าที่หาได้ในเวลานั้น แฟเบอร์เชไม่ได้ทำเพียงแค่พวกงานไข่อีสเตอร์ที่เป็นตัวสร้างชื่อเสียงแก่ชื่อผลิตภัณฑ์ของเขาเท่านั้น ธุริกิจของเขายังแยกออกเป็นส่วนงานเล็กๆ อีกอย่างเช่น เครื่องโต๊ะเงิน อัญมณีประดับ ของกระจุกกระจิกเล็กๆ สไตล์ยุโรป งานแกะสลักสไตล์รัสเซีย โดยงานอัญมณีของแฟเบอร์เชนั้นก็ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรหรูหราประดับด้วยสิ่งมีค่าและสิ่งที่มีค่าค่อนข้างสูงอย่าง ทอง เงิน มาลาไคต์ ลาพิซ เลซูลี และเพชร โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะในการตกแต่งสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส และพระเจ้าหลุยส์ที่16 ศิลปะแบบคลาสสิค เรเนสซองค์ บาโรก โรโคโค และ อาร์ทนูโว รวมทั้งอิทธิพลจาศิลปะของรัสเซียด้วย ซึ่งลวยลายในงานของแฟเบอร์เชจะแบ่งออกเป็นทั้งกลุ่มลวดลายดอกไม้ กลุ่มลวดลายสลัก และกลุ่มลวดลายสัตว์ นอกจากนั้นแล้วผลงานเลื่องชื่ออย่างไข่อีสเตอร์ก็เป็นที่หมายปองของเหล่างราชวงศ์โรมานอฟ รวมทั้งราชวงศ์ในยุโรปและเอเชีย โดยมีช่างระดับชั้นครูอย่างมิคาอิล อีวลามพีเยวิช เพอร์ชิน (Michael Evlampievich Perchin) และเฮนริค วิคสโตรม (Henrik Wigström) มารับผิดชอบด้วย
โดยตัวงานของแฟเบอร์เชที่รับผิดชอบโดยมิคาอิล เพอร์ชิน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 จนถึงค.ศ. 1903 จะได้รับการประทับตราMP ส่วนงานที่รับผิดชอบโดย เฮนริค วิคสโตรม จะได้รับการประทับตราHW ในตัวงานเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางชิ้นในงานไข่อีสเตอร์ที่ไม่ได้รับการประทับตรา ซึ่งธุรกิจของแฟเบอร์เชนั้นเติบโตเป็นอย่างมาก กิจการของฟาเปอร์เช่ขยายไปอย่างรวดเร็วจากสาขาเดียวที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ก็ขยายไปยังมอสโกในปีค.ศ. 1887 และขยายกิจการไปยังเมืองเคียฟ โอเดซซา และลอนดอนในปีค.ศ. 1906 ผลงานที่งดงามที่ออกมาราวกับร่ายด้วยเวทมนตร์ก็ได้ยุติลงเมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้นในปีค.ศ. 1917 รัฐก็ยึดงานและโรงงานกลับคืนมาเป็นของรัฐในช่วงต้นค.ศ. 1918 แฟเบอร์เชนั้นก็ได้ลี้ภัยออกไปยังฟินด์แลนด์โดยการช่วยเหลือของคนในสถานทูตอังกฤษ และย้ายมาสู่เมืองวิย์สบาเดน ในเยอรมนีในปีค.ศ. 1920 ในปีเดียวกันนั้นเอง ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช ก็ได้เสียชีวิตที่เมืองลูเซิน ในสวิตเซอร์แลนด์ ภายหลังศพของเขาได้ฝังไว้เคียงข้างออกุสตา อกาธอน แฟเบอร์เช (Augusta Agathon Faberge) ภรรยาอันเป็นที่รักที่หนีรอดออกมาจากสหภาพโซเวียตได้ในปี 1928 โดยฝังไว้ที่ Cimetière du Grand Jas ที่เมืองคาร์ล ในฝรั่งเศสด้วยวัย 74 ปี
ชื่อเสียงของแฟเบอร์เชในอเมริกา
ชื่อของ ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เชนั้นก็ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดของช่างอัญมณีในศตวรรษที่ 19 และชิ้นงานเก่าของแฟเบอร์เชนั้นก็ถูกประมูลขายกันในมูลค่าที่สูงมากในปัจจุบัน โดยผลงานไข่อีสเตอร์นั้นถูกทยอยขายโดยพรรคคอมมิวนิตส์ในช่วงทศวรรษที่30 ซึ่งในปัจจุบันผลงานส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะคอลเลคชั่นของนักธุรกิจอเมริกา นายมัลคอม สตีเวนสัน ฟอบส์ (Malcolm Stevenson Forbes) ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แต่ก็มีเหลืออยู่บ้างในมอสโก และมีการนำประมูลกลับมาโดยนักธุรกิจที่ร่ำรวยจากธุรกิจน้ำมันทีเอ็นเค (TNK) นายวิคเตอร์ เวคเซลเบิร์ก ที่ประมูลมาจากครอบครัวของฟอบส์ (Forbes) ถึง 9 ชิ้น โดยได้นำเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่อาคารจัดแสดงเวคเซลเบิร์ก (Vekselberg) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://th.wikipedia.org/