เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ ดนตรีกับภาษาต่างองศาแต่ลงตัว

เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ ดนตรีกับภาษาต่างองศาแต่ลงตัว

เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ ดนตรีกับภาษาต่างองศาแต่ลงตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ดังเพราะหน้าตาดี" วลีนี้เห็นทีจะใช้ไม่ได้กับ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ เพราะเท่าที่เราได้พูดคุยกับเขา ความประทับใจไม่ได้หยุดไว้แค่ความหล่อชวนหลงใหลหรือความเท่ตอนโซโลกีตาร์ เท่านั้นแต่เรากล้าบอกว่า เป้เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่มีทั้งความฉลาดและมากความสามารถ

เป้เริ่มต้นการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจันทร์เจ้า ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตรจนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและในระดับปริญญาตรี เป้สำเร็จการศึกษาสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business) จากคณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล

เป้บอกกับเราว่า คุณพ่อคือผู้สร้างเบ้าหลอมทางการศึกษาและจุดประกายให้เขาเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ
"ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษค่อนข้างมากครับโดยเฉพาะยุคนี้ ผมว่าภาษาอังกฤษกลายเป็นเรื่องจำเป็นไปแล้ว เพราะไม่ว่าเราจะไปประเทศไหน ภาษาอังกฤษก็เป็นภาษากลางที่เราใช้สื่อสารเป็นหลัก การที่ผมให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษค่อนข้างมากอาจเป็นเพราะการชี้แนะของคุณพ่อ คุณพ่อของผมท่านเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษอย่างมากทีเดียว และท่านก็ส่งเสริมเรื่องนี้กับลูก อีกอย่างผมเองก็มีโอกาสได้เรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าโรงเรียนปูพื้นฐานภาษาอังกฤษให้ได้อย่างดีมากๆ และที่ผมได้ เข้ามาเรียนสายอินเตอร์ก็เพราะคุณพ่อให้ความเห็นว่า ผมไม่ใช่คนเรียนเก่งมากมายอะไรนัก การเอ็นทรานซ์อาจเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับผม คุณพ่อก็เลยแนะให้ผมลองไปสอบโทเฟิล เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าสอบโทเฟิลแล้วผ่าน ผมก็เลยมาทางสายอินเตอร์ แล้วก็ได้เรียนที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศน่ะครับ"

ภาษาอังกฤษในวัยเรียนกับวัยทำงาน มี บทบาทกับชีวิตโดยรวมแตกต่างกันไหม
"ผมว่าภาษาอังกฤษในวัยเรียน ส่วนใหญ่ ก็แค่ใช้ในการสอบอย่างเดียวน่ะครับ ส่วนในวัย ทำงานภาษาอังกฤษก็มีบทบาทที่เปลี่ยนไป คือ เราไม่จำเป็นต้องเป๊ะในเรื่องของแกรมมาร์ เราแค่ใช้ เพื่อสื่อสาร ซึ่งไม่ว่าจะสื่อสารด้วยการพูดหรือการ เขียน จุดประสงค์หลักๆ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ ได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้วน่ะครับ"

ในฐานะนักดนตรี คิดว่าดนตรีกับภาษาอังกฤษเชื่อมโยงกันได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง
"เชื่อมโยงกันได้แน่นอนครับ เพราะว่าเราจะเข้าใจเพลงที่เราชอบได้มากขึ้น อันนี้พูดถึงเพลง ฝรั่งนะครับ เราจะเข้าใจเนื้อร้องของเขาซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็เหมือนกับฟังเพลงแล้วขาด อรรถรสไปเลยน่ะครับ"

การฟังดนตรีต่างประเทศช่วยพัฒนาฝีมือทางดนตรีของเป้ได้บ้างหรือไม่ และเป้มี ศิลปินต่างประเทศที่เป็นไอดอลไหม
"ผมชอบ Bob Dylan ครับผม คือเพลงเขาจะมีเนื้อร้องที่เล่าเรื่องราวจริงๆ ผ่านบทเพลง ซึ่ง ผมว่านั่นทำให้เพลงเขามีเสน่ห์มากน่ะครับ แล้วผมว่าการฟังดนตรีต่าง ประเทศบ่อยๆ มีส่วนช่วยพัฒนาฝีมือทางดนตรีให้ ก้าวหน้าขึ้นด้วย เหมือนกับว่าเพลงฝรั่งมีส่วนช่วยใน การเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้เราน่ะครับ ทำให้เราได้ อะไรใหม่ๆ ไม่ซ้ำ คือ เราสามารถฟังเพลงของใคร ก็ได้จากทั่วโลกเลยครับ"

ภาษาอังกฤษในวัยเรียนกับวัยทำงาน มี บทบาทกับชีวิตโดยรวมแตกต่างกันไหม
"ผมว่าภาษาอังกฤษในวัยเรียน ส่วนใหญ่ ก็แค่ใช้ในการสอบอย่างเดียวน่ะครับ ส่วนในวัย ทำงานภาษาอังกฤษก็มีบทบาทที่เปลี่ยนไป คือ เราไม่จำเป็นต้องเป๊ะในเรื่องของแกรมมาร์ เราแค่ใช้ เพื่อสื่อสาร ซึ่งไม่ว่าจะสื่อสารด้วยการพูดหรือการ เขียน จุดประสงค์หลักๆ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ ได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้วน่ะครับ"

ในฐานะนักดนตรี คิดว่าดนตรีกับภาษาอังกฤษเชื่อมโยงกันได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง
"เชื่อมโยงกันได้แน่นอนครับ เพราะว่าเราจะเข้าใจเพลงที่เราชอบได้มากขึ้น อันนี้พูดถึงเพลง ฝรั่งนะครับ เราจะเข้าใจเนื้อร้องของเขาซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็เหมือนกับฟังเพลงแล้วขาด อรรถรสไปเลยน่ะครับ"

การฟังดนตรีต่างประเทศช่วยพัฒนาฝีมือทางดนตรีของเป้ได้บ้างหรือไม่ และเป้มี ศิลปินต่างประเทศที่เป็นไอดอลไหม
"ผมชอบ Bob Dylan ครับผม คือเพลงเขาจะมีเนื้อร้องที่เล่าเรื่องราวจริงๆ ผ่านบทเพลง ซึ่ง ผมว่านั่นทำให้เพลงเขามีเสน่ห์มากน่ะครับ แล้วแน่นอนเลย ผมว่าการฟังดนตรีต่าง ประเทศบ่อยๆ มีส่วนช่วยพัฒนาฝีมือทางดนตรีให้ ก้าวหน้าขึ้นด้วย เหมือนกับว่าเพลงฝรั่งมีส่วนช่วยใน การเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้เราน่ะครับ ทำให้เราได้ อะไรใหม่ๆ ไม่ซ้ำ คือ เราสามารถฟังเพลงของใคร ก็ได้จากทั่วโลกเลยครับ"

พอจะบอกได้ไหมว่าเสน่ห์ของภาษาอังกฤษอยู่ตรงไหน
"ผมว่าถ้าเป็นเรื่องของเพลง ภาษาอังกฤษ มันไม่มีวรรณยุกต์น่ะครับ พอไม่มีวรรณยุกต์ เราก็ สามารถใส่เมโลดีอะไรลงไปก็ได้ เพราะฉะนั้นเพลง ไทยจึงค่อนข้างมีข้อจำกัดสำหรับผมนะ อย่างถ้าเราสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเพลงไทยมีเนื้อร้องที่ซ้ำๆ กัน เป็นเพลงที่นำคำที่ใช้ซ้ำๆ กันมาใช้ นั่นเพราะว่าคำ พวกนี้เป็นคำที่ถูกต้อง ภาษาไทยมีวรรณยุกต์ที่ เป็ นข้อจำกัดของความถูกต้อง ฉะนั้นการแต่งเพลงไทย จึงค่อนข้างยากกว่าการแต่งเพลงฝรั่ง ผมว่าเพลงฝรั่ง แต่งเนื้อร้องทำนองได้ง่ายกว่ากว้างกว่าเยอะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น คำว่า come ฝรั่งร้อง we come (ออกเสียงให้ฟังว่าวีคำ วีค้ำ วีคำ) ซึ่งออก เสียงสูงต่ำอย่างไรก็ยังคงเป็นความหมายของ we come อยู่นั่นเอง คำคำเดียวของภาษาอังกฤษเราจึง สามารถใส่เมโลดีได้เยอะกว่ามาก ตรงกันข้ามหาก เป็นภาษาไทย เราพูดคำว่า"มา" แล้วใส่เมโลดีใน คำเดียวให้เป็น มาหม่าม่าม้าหมาความหมาย เปลี่ยนทันที นี่คือความต่างของภาษาไทยกับภาษาอังกฤษในเรื่องการแต่งเพลง เป็นตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นง่ายๆ น่ะครับ ซึ่งตรงนี้เองที่ผมมองว่าเป็น เสน่ห์ของภาษาอังกฤษ

"แล้วผมว่าภาษาอังกฤษกับดนตรี ทั้งสอง ต่างเกื้อกูลกันนะครับ ในแง่ที่ว่าถ้าหากคุณอยาก จะเข้าใจเพลงสากลมากขึ้น คุณก็ต้องเข้าใจใน เรื่องของภาษาด้วย อีกอย่างภาษามันก็สืบเนื่องไป ถึงวัฒนธรรม ที่มาของประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเพียงเราเข้าใจภาษาเราก็จะเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้นครับผม"

สำหรับเป้ ดนตรีกับภาษา (อังกฤษ) แม้จะต่างองศา แต่ก็ลงตัว

คอลัมน์ Interview
เรียบเรียงโดย กญญาณ์ มาเปี่ยม (I Get English Magazine)

- ฟังเพลง เป้ อารักษ์ คลิก!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook