รับมือพฤติกรรมเด็กเมื่อพาออกนอกบ้าน เพราะลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน
ปัญหาเด็กเหวี่ยงวีน อาละวาด ก้าวร้าว ดื้อ ซน หรือร้องไห้กระจองอแงไม่หยุดเมื่อพ่อแม่พาออกนอกบ้าน เป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังโตอยู่เสมอ
แท็ก
ปัญหาเด็กเหวี่ยงวีน อาละวาด ก้าวร้าว ดื้อ ซน หรือร้องไห้กระจองอแงไม่หยุดเมื่อพ่อแม่พาออกนอกบ้าน เป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังโตอยู่เสมอ
ทำไมลูกของเราถึงอ่านไม่ออก สะกดคำไม่ได้ ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง นั่นคือ ลูกของเราโง่ใช่ไหม? คำตอบ คือ ไม่ใช่ ลูกของเราอาจจะเข้าข่ายเป็นโรคแอลดี: LD หรือ Learning Disorders
ทำไมลูกของเราถึงอ่านไม่ออก สะกดคำไม่ได้ ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง นั่นคือ ลูกของเราโง่ใช่ไหม? คำตอบ คือ ไม่ใช่ ลูกของเราอาจจะเข้าข่ายเป็นโรคแอลดี: LD หรือ Learning Disorders
ปัญหาเด็กเหวี่ยงวีน อาละวาด ก้าวร้าว ดื้อ ซน หรือร้องไห้กระจองอแงไม่หยุดเมื่อพ่อแม่พาออกนอกบ้าน เป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังโตอยู่เสมอ ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก
นอกจากการให้ความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่ และทรัพยากรต่าง ๆ ที่จำเป็นแล้ว ความยากอีกอย่างหนึ่งในการเลี้ยงดูบุตรหลานให้เติบโตอย่างสมบูรณ์และสมวัย คือการต้องพยายามสังเกตเด็ก ๆ
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เหล่าผู้ปกครองของหลาย ๆ บ้านที่มีเวลาอยู่บ้านดูแลลูก ๆ มักจะวางแผนพาลูกหลานออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อหวังให้พวกเขาได้ออกไปเปิดหูเปิดตา และใช้ชีวิตให้ห่างจากหน้าจอต่าง ๆ
วัยรุ่น ถือเป็นช่วงสุดท้ายของการรู้จักและสร้างตัวตน ก่อนที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีบุคลิกภาพที่ชัดเจนและมั่นคงตามหลักจิตวิทยา ถือเป็นช่วงเครียดและหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นเรื่องปกติและจำเป็นที่วัยรุ่นจะแสวงหาและทดลองประสบการณ์ต่าง ๆ
ผู้ปกครองหลาย ๆ คนอาจจะไม่อยากให้บุตรหลานอยู่บ้านเฉย ๆ นาน ๆ เพราะควบคุมพฤติกรรมการติดหน้าจอได้ยาก จึงคิดอยากจะพาไปเที่ยวเล่นข้างนอก พาไปที่ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็ก ๆ
ประโยคที่ว่า “โตมาอย่างไร” ดูจะเป็นคำถามเชิงตำหนิพฤติกรรมที่ไม่น่าพิสมัย เพราะเป็นการสะท้อนว่าพฤติกรรมที่ไม่น่ารักเหล่านั้นเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของครอบครัว
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เหล่าผู้ปกครองของหลาย ๆ บ้านที่มีเวลาอยู่บ้านดูแลลูก ๆ มักจะวางแผนพาลูกหลานออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อหวังให้พวกเขาได้ออกไปเปิดหูเปิดตา และใช้ชีวิตให้ห่างจากหน้าจอต่าง ๆ
ทุกครั้งที่มีข่าวคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในสังคม สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจก็คือ แรงจูงใจที่ทำให้ฆาตกรก่ออาชญากรรมขึ้น ว่าเหตุใดถึงได้อุกอาจ โหดเหี้ยม อำมหิตผิดมนุษย์มนาได้ขนาดนั้น
เพื่อให้เด็กทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เข้าถึงสิทธิทางการศึกษา และได้รับการปกป้องคุ้มครองจากความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กทุกคน
ปัจจุบันนี้ อายุของอาชญากรที่ก่อคดีต่าง ๆ ตามหน้าสื่อมีแนวโน้มที่จะน้อยลงทุกวัน ในรอบปีที่ผ่าน ๆ มา เราจะได้ยินได้เห็นข่าวการก่อคดีที่เด็กและเยาวชนเป็นผู้กระทำผิดเกิดขึ้นเป็นจำนวนมา
หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เลือดข้นกว่าน้ำ” หรือ “อย่าเห็นขี้ดีกว่าไส้” กันมาบ้าง
ทุกวันนี้ เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบก็มีโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารไว้ใช้ส่วนตัวแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น สภาพสังคมเปลี่ยนไป
“เด็กสมัยนี้ชื่อแปลกจัง! พ่อแม่ตั้งชื่ออะไรให้ลูกเนี่ย? ตั้งชื่อลูกไม่เผื่อตอนเด็กมันโตเลยนะ ตั้งชื่อลูกไม่สงสารคนอ่านคนสะกดเลย ชื่อนี้เพราะจัง ชื่อนี้ปังมาก ชื่อนี้จริงดิ”
เมื่อพูดถึง “เงิน” หลายคนเข้าใจดีว่ากว่าจะหามาได้แต่ละบาทนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เพิ่งรู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ก็ตอนที่ต้องมาทำงานหาเงินเอง และอาจเคยพบเจอเข้ากับวิกฤติทางการเงินส่วนตัว
ปัญหาเด็กเหวี่ยงวีน อาละวาด ก้าวร้าว ดื้อ ซน หรือร้องไห้กระจองอแงเมื่อพ่อแม่พาออกไปข้างนอกบ้าน เป็นปัญหาที่พ่อแม่ทั้งหลายต่างก็รู้สึกหนักใจอยู่เสมอ ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย
เรื่องราวในบ้านหลังหนึ่งนั้น ๆ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อเป็นแม่หรอกที่รู้สึกเป็นกังวลกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้าน หรือหนักอกหนักใจกับลูก ๆ
โลกของการทำงานกำลังจะเปลี่ยนไป เนื่องจากโลกใบใหม่ที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในเวลานี้ก็กำลังเดินหน้าไปสู่โลกที่ใหม่กว่า