รีวิว Far Cry New Dawn เมื่อคุณต้องกอบกู้เมืองหลังจากนิวเคลียร์ถล่ม
“Far Cry” เมื่อพูดถึงชื่อนี้ทีไร ผมมักจะนึกถึงบรรยากาศของเกาะสวรรค์ในเกมภาคแรกและภาคสาม ที่มาพร้อมกับพล็อตเรื่องง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดแปลก ทำให้ตัวเกมมีเอกลักษณ์ในหลายๆด้าน และประสบความสำเร็จมากมาย จนออกภาคต่อมารัวๆไม่หยุด จนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 5 ภาคหลัก ยังไม่รวมภาคเสริมอื่นๆอีก ที่ถ้าจะให้ไปตามเล่นกันให้หมด ก็คงต้องใช้เวลานานมากเลยล่ะครับ
สำหรับซีรี่ส์ Far Cry เองนั้นมันเกิดขึ้นมาจากความ “บังเอิญ” เสียมากกว่า เดิมทีแล้วในตัวเกมภาคแรกมันถูกพัฒนาโดย Crytek ที่มาพร้อมกับ CryEngine 1.0 ที่ออกมาฆ่า PC ของเกมเมอร์ในยุคนั้นตามชื่อเอนจินของมัน (Cry) และดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงแค่เกมทดสอบคอมพิวเตอร์ของพีซีเกมเมอร์ (เหมือนกับ Crysis) จนกระทั่ง Ubisoft ได้ชื้อลิขสิทธิ์ตัวเกมไป และได้เอา CryEngine มาปรับแต่งให้กลายเป็น Dunia Engine พร้อมกับออก Far Cry 2 มาในปี 2008 และออกภาคใหม่ๆมาเรื่อยๆจนกลายเป็นซีรี่ส์หลักๆของ Ubisoft ไปซะแล้ว
แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง Far Cry New Dawn กันครับ เกมนี้เป็นภาค Spin-Off โดยมีเรื่องราวต่อหลังจากเหตุการณ์ในภาค 5 เดิมทีแล้วนั้นหากเรามองย้อนกลับไปในภาค 3 มันก็เคยมีภาค Spin-Off แบบนี้ออกมาเหมือนกันในชื่อ Blood Dragon แต่นั้นมันคือการฉีกแนวเดิมๆออกไปเป็นในรูปแบบ “What If” แทน นั้นรวมไปถึง Far Cry Primal ที่ก็เอาตัวเกมภาค 4 มากลับแผนที่ใหม่ และดำเนินเรื่องราวภายในเกมแบบ What If เช่นกัน
แต่สำหรับ Far Cry New Dawn นั้นตัวเกมจะมีเนื้อเรื่องต่อจากภาค 5 โดยตรงเลยครับ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของซีรี่ส์เลยที่ได้มีเกมแยกภาคต่อของตัวเองออกมาแบบนี้ เนื่องจากว่าตัวเกมภาค 5 นั้นได้มีกระแสตอบรับที่ดีมากๆ ทั้งในแง่คำวิจารณ์และยอดขาย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า Far Cry New Dawn มันจะออกมาดีเหมือนที่ตัวเกมภาค 5 ทำเอาไว้นะ…
ก่อนอื่น ขอขอบคุณ Ubisoft ที่เป็นผู้สนับสนุนตัวเกมที่ใช้ในการ Review ครั้งนี้ด้วยครับ
Story
17 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคที่ 5 โลกถูกอาวุธนิวเคลียร์ถล่ม เหล่าผู้คนที่รอดชีวิตต้องมาเริ่มสร้างอารยธรรมกันใหม่ และแน่นอนว่าในโลกที่โหดร้าย ไร้ซึ่งกฎหมายนั้นมักจะมาพร้อมกับวายร้ายที่มีความคิดจะครอบครองอำนาจทุกอย่างให้เป็นของตัวเอง ขอแนะนำให้รู้จัก สองพี่น้องคู่แฝดนรก Mickey และ Lou ผู้นำกลุ่ม The Highwaymen ที่พร้อมจะจัดการทุกคนที่ต่อต้านพวกเธอ ตัวเกมยังคงอยู่ใน Hope County เช่นเดิม โดยเราจะได้รับบทเป็น “Captian” หนึ่งในทีมช่วยเหลือเพื่อกอบกู้ Hope County ให้รอดจาก 2 พี่น้องคู่นี้ครับ
สร้างตัวละครเองเช่นเคย
แค่นี้ก็ถือว่าสปอยล์ตอนจบของเกมภาค 5 ไปเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเราจะได้เจอตัวละครหน้าเดิมๆจากภาค 5 อยู่ทั้งเกมเลยล่ะครับ เริ่มต้นจากตัว Carmina เองที่ในภาค 5 เธอเพิ่งเกิดเป็นทารก แต่ใน New Dawn นั้นเธออายุได้ 17 ปี และจะกลายเป็นผู้ช่วยเรา (Gun For Hire) ตั้งแต่เริ่มเกมเลย แน่นอนว่าเราจะได้เจอกับกลุ่ม “New Eden” และ Joseph Seed อย่างแน่นอน รวมไปถึงชะตากรรมของ The Deputy ตัวละครหลักที่เราเล่นในภาค 5 ก็จะเปิดเผยให้ได้รู้กันในภาคนี้อีกด้วย
Far Cry นั้นเป็นเกมที่มีจุดเด่นในเรื่องที่ตัวร้ายจะมีความน่าจดจำเป็นอย่างมาก โดยหลังๆมานับตั้งแต่ภาค 4 ตัวเกมต้องการจะบอกกับผู้เล่นว่าจริงๆแล้วเราต่างหากที่เป็นตัวร้าย ในภาค 5 ก็เช่นกัน กับการที่เราเข้าไปขัดขวางการทำหน้าที่ของ Josept Seed เพราะเราไม่เชื่อว่าโลกจะถึงจุดจบจริงๆ แต่สำหรับ New Dawn นั้น ผมกลับรู้สึกว่า 2 คู่หูแฝดนรก Mickey และ Lou นั้นมันไม่ได้มีความน่าจดจำ หรือประทับใจในบทบาทของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
การเล่าเรื่องของเกมนี้ที่ทำออกมาได้ไม่ดีเลย หากเรานำเอาไปเปรียบเทียบกับภาคก่อนๆ ตัวเกมไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวละครมากจนทำให้ไม่มีโมเมนต์ใดๆน่าจดจำเลยสักนิดเดียว ตัวเนื่อเรื่องโดยรวมเองมันไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ผูกปม หรืออะไรให้น่าติดตามเลย รวมไปถึงความยาวของตัวเกมที่สั้นมากๆ ผมใช้เวลาเล่นแบบไม่รีบร้อนอะไร ค่อยๆเล่นไป แต่มารู้ตัวอีกทีก็จบเกมไปแล้ว โดยใช้เวลาไป 10 ชั่วโมงเท่านั้นเองครับ
แต่อย่างไรก็ตาม Far Cry New Dawn นั้นเราจะเห็นบทสรุปของ Joseph Seed ที่จบอย่างสมบูรณ์(ทั้งๆที่มันควรจะจบไปตั้งแต่ภาค 5) แต่สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด ก็คือการสรุปบทของตัว Joseph Seed เอง ที่โคตรจะธรรมดา ไม่ได้มีความหวือหวาอะไรเลย ทั้งๆที่ในภาค 5 เขาเป็นตัวละครที่ลึกลับและน่าค้นหาเป็นอย่างมาก
และดูเหมือนว่าการมาของ New Dawn จะเป็นการเปิดเรื่องราวใหม่ของสองพี่น้อง Mickey และ Lou โดยคาดว่ามันน่าจะเป็นตัวร้ายหลักๆในภาคที่ 6 หรือไม่ก็ New Dawn 2 เพราะหลังจากที่ผมเล่นจบมา พูดตามตรงเลยก็คือไม่รู้ว่าตัวเกมจะใส่ Mickey และ Lou มาทำไม เพราะมันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในเกมขนาดนั้นเลย และนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สองตัวร้ายนี้ไม่ได้เป็นที่น่าจดจำนั้นแหล่ะครับผม
Gameplay
ซีรี่ส์ Far Cry เป็นเกม First Person Shooting มาตั้งแต่ภาคแรกแล้วครับ แต่ถ้าจะพูดกันตามตรง ตัวเกมมันมีกลิ่นอายความเป็น RPG อยู่มากเลยทีเดียว และใน New Dawn เองดูเหมือนว่าทางทีมงานก็น่าจะรู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ก็เลยเอาส่วนผสมของ RPG มาใส่ไว้ในเกมอย่างจริงๆจังๆเสียเลย
นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ Far Cry กลายมาเป็นเกม FPSRPG แบบนี้ สิ่งแรกที่เราเห็นได้ชัดเลยก็คือ ทั้งอาวุธและศัตรู ทุกอย่างจะมีค่า Stats เป็นของตัวเองทั้งหมด โดยอาวุธก็จะแบ่งระดับตาม Level โดยแบ่งเป็นสีไป เทา ฟ้า ม่วง ทอง แน่นอนว่าศัตรูเองก็เช่นกัน ตัวเกมจะมีเลขบอก Damage และแทบ HP แสดงขึ้นอย่างชัดเจนขณะยิงโจมตีใส่ศัตรู โดยถ้าหากเราเอาปืนระดับเทา ไปยิงใส่ศัตรูระดับม่วงละก็ กว่าจะยิงตาย ก็คงต้องใช้กระสุนไม่ต่ำกว่า 100 นัดล่ะครับ
ภายในเกมจะมี Outpost รอให้ผู้เล่นเข้าไปจัดการศัตรูให้หมด และทำการ Scavenging เพื่อนำไปอัพเกรดฐานของตัวเองได้ โดยเริ่มต้นแล้วศัตรูที่อยู่ภายใน Outpost จะเป็นระดับ เทา ธรรมดา และเมื่อเราทำการ Scavenging ไปแล้วหนึ่งครั้ง ศัตรูในฐานก็จะเพิ่มระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงระดับสูงสุดที่มีศัตรูระดับทอง ตรงจุดนี้ถือหากผู้เล่นยังใช้อาวุธระดับ เทา-ฟ้า อยู่ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยึด Outpost นี้ได้
และนั้น ทำให้ผู้เล่นจำเป็นต้องไปออกล่าทรัพยากร วัตถุดิบใหม่ๆ เพื่อมา Craft อาวุธในระดับที่สูงขึ้นครับ โดยในภาคนี้เราสามารถ Craft อาวุธ,ยานพาหนะ ในระดับที่สูงขึ้นได้จากการอัพเกรดฐานของเรา และต้องมีวัตถุดิบที่เพียงพอต่อการ Craft โดยวัตถุดิบพวกนี้เราสามารถหาได้จากการออกล่าสัตว์ เพื่อนำเนื้อมาแลกขาย หรือตาม Loot เอาจากศัตรู สิ่งก่อสร้างต่างๆ และ Supply Drop ครับ
ระบบสกิลในภาคนี้ที่มาเป็นรูปแบบ Challenge เช่นเดียวกับภาค 5 ที่ผู้เล่นต้องทำ Challenge ในรูปแบบต่างๆให้สำเร็จ โดยจะได้รับ Perk Point มาให้เอาไปอัพเกรดตัวละครอีกทีนึง ซึ่งถ้าหากเราเล่นไปถึงช่วงกลางๆเกมแล้ว ตัวเกมจะปลดล็อคสกิลเหนือมนุษย์มาให้เราได้ใช้กันอีกด้วย
แต่ปัญหาของระบบนี้ก็คือผู้เล่นจะต้องพยายามไปไล่ทำ Challenge ให้หมด เพื่อที่จะได้ Perk Point นี้แหล่ะครับ แทนที่จะได้เล่นอย่างสบายใจ หรือเพิ่มแรงจูงใจในการออกล่าและค้นหา กลายเป็นต้องมานั่งทำ Challenge เพื่อปลดล็อค Skill เสียอย่างนั้น ไหนๆก็ทำเป็นเกม RPG ขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่เพิ่มระบบเลเวลของตัวละครมาซะเลย แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลล้วนๆครับ
มาพูดถึงเรื่อง Core Gameplay กันบ้าง สำหรับ Far Cry New Dawn นั้น ทั้งเกมเราจะได้ทำภาระกิจในรูปแบบซ้ำซากตลอดทั้งเกมครับ โดยสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือฉากที่ไม่ซ้ำกันเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปช่วย Specialist เพื่อให้มาอัพเกรดฐานของเรา หรือระบบ Expedition ที่จะเป็นการบุกเข้าไปขโมยทรัพยากรของศัตรูผ่านเฮลิคอปเตอร์ ทั้งหมดก็จะมีรูปแบบการเล่นเหมือนกันเป๊ะ ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ
แต่สิ่งที่แปลกและใหม่ใน New Dawn ก็คือระบบ RPG ที่ดูเหมือนว่าจะช่วยให้ตัวเกมมันแปลกใหม่ขึ้นมาบ้าง แต่เอาจริงๆผมกลับรู้สึกว่ามันเป็น ความพยายามที่จะสร้างอะไรใหม่ๆ แต่กลับทำได้ไม่ดีพอเสียมากกว่า ทั้งระบบ RPG ที่ขาดๆเกินๆ ทำอะไรไม่สุดสักทาง เหมือนเป็นการรีบทำออกมาขายเพื่อให้ได้มีงบไปทำเกมใหม่เสียอย่างนั้น แทนที่จะสร้างความสนุกให้บ้าง แต่มันกลับรู้สึกว่าขอแบบเดิมล่ะดีแล้ว ถ้าหากจะทำ แต่ทำได้แค่นี้ แบบนั้นครับผม
Graphics
Far Cry New Dawn ยังคงใช้ Dunia Engine 2 ตัวเดียวกับ Far Cry 5 เหมือนเดิมครับ เอาที่จริงแล้วมันก็เป็นเกมเดียวกันเลยแหล่ะ แต่มีการปรับแต่งฉากให้เข้ากับคำว่าโลกหลังนิวเคลียร์ในอีก 17 ปีให้หลัง
ต้องยอมรับว่าผมค่อนข้างชอบกราฟฟิกในเกมนี้มากๆเลยล่ะ ตัวเกมสามารถแสดงผลในทุกๆด้านออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นแสงสี เงา เทกเจอร์ การเคลื่อนไหวของพื้นหญ้า และอื่นๆอีกมากมายที่สมกับเป็นเกมปี 2019 นี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ตัวเกมยังมีตัวเลือกให้เราได้ปรับ Brightness และ Contrast ได้ตามใจชอบ สำหรับคนที่อยากได้สีเด่นๆ ก็ปรับเอาได้เลย
ด้วยการที่ตัวเกมถูก Set อยู่ในช่วง Post Apocalypse ดังนั้นบรรยากาศทั้งหมดภายในเกมมันก็จะแตกต่างจากเกมภาคก่อนๆที่เราเคยได้สัมผัสมาอยู่บ้าง โดยเฉดสีของภาคนี้ค่อนข้างจะเน้นออกไปทางสีชมพู ให้ดูมีความเป็น Punk ตามสไตล์ของตัวร้าย เราจะได้เห็นซากปรักหักพังที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ให้กลายเป็นป้อมปราการ สถานที่เก่าๆจากในตัวเกมภาค 5 ก็กลับมาให้เห็นกันบ้าง แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือแผนที่โดยรวมทั้งหมดที่เล็กมากๆ ใช้เวลาเดินสำรวจแปปเดียวก็ไปได้ทั่ว Map แล้วล่ะครับ
เรื่องการ Optimize นั้น ตัวเกมที่ผมใช้รีวิวในครั้งนี้เป็นเวอร์ชั่น PC อย่างอื่นต้องขอชม Ubisoft ก่อนว่าสามารถทำการ Port ตัวเกมเวอร์ชั่น PC มาได้ค่อนข้างดี ใช้ทรัพยากรเครื่องค่อนข้างน้อยมากๆ โดยผมปรับ Setting ไว้สูงสุดในระดับ Ultra ที่ความละเอียดภาพแบบ Full HD และต้องมาตกใจ เมื่อเห็นว่าตัวเกมใช้ RAM การ์ดจอไปเพียงแค่ 2.69GB เท่านั้นเอง
เมื่อถึงเวลาเล่นจริง ผมก็เห็นถึงปัญหาของมันเลยทันที ถึงแม้ว่าตัวเกมจะสามารถ Reader ฉากกว้างๆที่มี Object ต่างๆเยอะได้อย่างสวยงามและไหลลื่น แต่คาดว่าน่าจะเป็นข้อจำกัดของ Engine ที่ไม่สามารถดึงประสิทธิภาพของ Hardware ออกมาให้สุดๆได้ สเป็คเครื่องที่ผมใช้คือ Ryzen 5 1600 พร้อมกับ GTX 1070Ti สามารถเล่นได้ 70-90 และมีตกไปถึง 50 ในบางฉากเลยทีเดียว
Photo Mode ที่เหมือนเป็นสิ่งที่ทุกเกมควรมีไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม กราฟฟิกโดยรวมของเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดี นอกจากนี้ตัวเกมยังมี Photo Mode ใส่เข้ามาให้ช่างกล้องในเกมได้จัดถ่ายรูปมุมสวยๆมาอวดเพื่อนๆกันอีกด้วยครับ
สรุป
Far Cry New Dawn เป็นเกมที่เอามาเล่นฆ่าเวลาได้ดี สำหรับผู้ที่ว่างๆ หรือไม่เคยเล่น Far Cry 5 มาก่อน ด้วยราคาที่ถูกกว่ามาก 1,350 บาท ทั้งเวอร์ชั่น PC Steam และ PS4 แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเกมได้ตัดลดคอนเทนท์จากภาค 5 ไปเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Arcade, Map Editor หรือการเล่นออนไลน์แบบ Multiplayer PVP และด้วยเนื้อเรื่องที่สั้นมากๆ เพราะฉะนั้นเกมนี้จึงอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ของ Far Cry ที่แท้จริงครับ
แต่ถ้าคุณมองข้ามคอนเทนท์ที่ถูกตัดเหล่านั้นไปได้ เกมนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยเช่นกัน ถึงแม้จะไม่มีระบบ PVP แต่ตัวเกมมีการเล่น Coop ร่วมกับเพื่อนได้ 2 คน และแน่นอนว่ามันเป็นเกมที่เอาไว้เล่น Coop กันได้สนุกมากๆเลยล่ะ
Far Cry New Dawn วางจำหน่ายแล้ววันนี้ใน PS4, Xbox One, PC ผ่านระบบ Steam และ uPlay ครับ