Review: Devil May Cry 5 เกมอะไรทัั้งเท่ ทั้งกวน ทั้งฮา รวมไว้ในหลอดเดียว

Review: Devil May Cry 5 เกมอะไรทัั้งเท่ ทั้งกวน ทั้งฮา รวมไว้ในหลอดเดียว

Review: Devil May Cry 5 เกมอะไรทัั้งเท่ ทั้งกวน ทั้งฮา รวมไว้ในหลอดเดียว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวเกมที่มีทั้งความหล่อ คำพูดถากถางชวนปวดหัว ลีลาอันยียวนกวนประสาท แต่ก็ยังคงความเท่ไว้ในการต่อสู้ที่ไม่เคยเป็นรองใคร และเป็นขวัญใจของแฟนเกมแนว Hack and Slash ทุกๆ คน นั่นก็คือเกม Devil May Cry 5 ที่รอภาคต่อที่เป็นภาคหลักลำดับที่ 5 มายาวนานกันถึง 10 ปี ซึ่งยังคงกลิ่นอายของความเป็น Devil May Cry ไว้ได้เป็นอย่างดี

กราฟฟิกภาพและแสงสีเสียง

ในด้านภาพถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ เพราะใช้ Engine เดียวกับเกม Resident Evil 7 และ Resident Evil 2 Remake ในการสร้างเกม นั่นก็คือ RE Engine ซึ่งถือว่าเป็นการนำมาประยุกต์ใช้ที่ดีมากๆ ในตัวเกมสามารถปรับแสงเพิ่มเติมได้ และยังสามารถเปิดโหมด HDR เพื่อเพิ่มหรือลดระดับแสงและเพิ่มความสมจริงของแสงสีได้อีกด้วย จึงบอกได้ว่าเกมนี้เป็นเกมที่ทั้งงานภาพ งานแสงสี และเอฟเฟกต์ระเบิดตูมตามทำออกมาได้อย่างดี ส่วนตัวผมมองว่าแสงสีแบบนี้แหละคือสมบูรณ์แบบมากเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ ส่วนเสียงดนตรีประกอบของเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดีลงตัวในแทบจะทุกๆ จังหวะของเกม ดนตรีมีทั้งความเท่ ความดุดัน และร่วมสมัยอย่างเพลง ”Devil Trigger” ที่เป็นเพลงธีมหลักของตัวเกมภาค 5 ก็ได้นำมาใช้เป็นเพลงขณะ Nero กำลังต่อสู้ได้อย่างลงตัว และตัวเกมได้ใช้เสียงในระดับที่พอดีโดยที่ไม่ได้ขัดกับเสียงการเล่นหรือโจมตีของตัวละคร ทำให้เพลงคลอเป็นพื้นหลังได้อย่างเมามันในขณะที่ตัวละครของเรากำลังโลดแล่นอยู่นั่นเอง

เนื้อเรื่อง

ตัวเกมนี้จะเป็นไทม์ไลน์ล่าสุดของซีรี่ส์ ไม่ต้องเรียงให้ซับซ้อนแบบภาคก่อนหน้า และจะมีการใช้ตัวละครเดินเรื่องถึง 3 ตัวก็คือ Nero, V และ Dante โดยอยู่ๆ ก็ชายปริศนาเข้ามาทำร้ายและตัดแขนของ Nero ไป และเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกลางเมือง โดยที่ระหว่างเรื่องก็ได้มีการคลายปมปริศนาหลายๆ อย่างที่ทิ้งไว้จากภาคก่อนๆ รวมถึงในภาคนี้ด้วย แต่ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าอย่าคาดหวังกับความสมบูรณ์และความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่องเกมนี้ อยากให้โฟกัสที่เกมเพลย์และความโดดเด่นของตัวละครต่างๆ สำหรับผมเนื้อเรื่องถือว่าเป็นของแถมครับ

เกมเพลย์และตัวละคร

เกมเพลย์มีการนำเสนอแบบตัวเกมดั้งเดิมของ Devil May Cry ภาคหลักที่ผ่านมาทั้งหมด มีความไหลลื่น และการต่อคอมโบทำ Style ต่อเนื่องสูงสุดที่ขั้น SSS ตัวเกมจะมีการแบ่งตัวละครให้เราเล่นถึง 3 ตัวละคร และตัวละครแต่ละตัวก็มีลักษณะการเล่น การทำคอมโบ รวมถึงอาวุธที่ใช้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

  1. Nero

ตัวละครนี้จะคงลักษณะการเล่นเหมือนเดิมจาก Devil May Cry 4 โดยใช้ดาบ Red Queen และปืน Blue Rose เป็นหลัก เรายังสามารถฟันไปพร้อมกับกด L2 เพื่อใช้ Exceed หรือชาร์จปืน Blue Rose แล้วยิงเพื่อดึงจังหวะคอมโบได้แบบเก่า แต่ภาคนี้เนื้อเรื่องคือ Nero ถูกตัดแขนไป จึงทำให้ไม่สามารถใช้ Devil Bringer แบบเดิมได้ ในภาคนี้จึงใส่ระบบแขนใหม่ที่ชื่อว่า Devil Breaker เข้ามา โดยที่แขน Devil Breaker นั้นจะมีสกิลและวิธีการใช้แตกต่างกันไปตามแขนที่สวมใส่มาตอนเริ่มด่าน เช่น แขน Timerag ถ้าใช้แค่ปุ่ม O ปกติ จะเป็นการหน่วงเวลาในพื้นที่ที่ยิงสกิลไป แต่ถ้าชาร์จโดยการกดปุ่ม O ค้างไว้แล้วใช้สกิล จะเป็นการหน่วงเวลาในพื้นที่การต่อสู้ทั้งหมด และมีระยะเวลาที่นานกว่าพอสมควร แต่ในการใช้ท่าชาร์จทั้งหลายจะทำให้แขนพังทันที และแขนที่พังไปแล้วก็จะพังเลย ไม่การซ่อมใดๆ เราสามารถหาแขนมาใช้ใหม่ได้โดยเก็บตามทาง แต่จะเป็นการสุ่มรูปแบบของแขน และอีกวิธีคือซื้อและติดตั้งมาเลยทันทีตั้งแต่ก่อนเริ่มด่าน และยังมีสกิลอื่นๆ ที่ต้องปลดล็อกตามเนื้อเรื่องอีกด้วย

  1. V

ตัวละครนี้เป็นตัวละครใหม่ วิธีการต่อสู้จึงค่อนข้างแปลกใหม่โดยจะไม่ได้นำดาบหรืออาวุธอื่นๆ เข้าไปฟาดฟันกับศัตรูโดยตรง แต่จะเป็นการเรียกอสูรออกมาต่อสู้แทนเรา การกดปุ่ม สี่เหลี่ยม จะเป็นการเรียกอีกา Griffon ให้ออกมาช่วยยิงจากระยะไกล การกดปุ่ม สามเหลี่ยม จะเรียกเสือดำ Shadow ออกมาโจมตีระยะประชิด โดยเราสามารถบังคับอสูรทั้ง 2 ได้ในเวลาเดียวกัน หรือพูดง่ายๆ คือ ทั้งยิงทั้งฟันพร้อมกันนั่นเอง และระหว่างการต่อสู้ V จะมีปุ่มพิเศษคือปุ่ม R2 เมื่อกดปุ่มนี้ V จะยกหนังสือขึ้นมาอ่าน ระหว่างนั้นถ้าอสูรของเราโจมตีศัตรูได้ จะได้หลอด Devil Trigger มากกว่าปกติ Devil Trigger มีวิธีการใช้ 2 แบบ คือ ใช้ L2 + สี่เหลี่ยม/สามเหลี่ยม จะทำให้อสูรอีกาหรือเสือดำเข้าโหมดพิเศษ และระหว่างนั้นอสูรจะโจมตีต่อเนื่องได้เอง โดยที่เราไม่ต้องกดโจมตี และถ้ามีหลอด Devil Trigger ถึง 3 หลอด จะสามารถเรียกอสูร Nightmare ตัวสุดท้ายออกมาได้ โดยตัวนี้จะเป็นยักษ์ออกมาช่วยโจมตีแบบพื้นที่กว้างและมีความรุนแรงมากเมื่อ Devil Trigger หมด Nightmare ก็จะหายไป ในการต่อสู้กับศัตรูนั้น V จะไม่โจมตีศัตรูด้วยตัวเองเลย แต่จะลงมือฆ่าศัตรูเท่านั้น โดยใช้อสูรโจมตีไปถึงจุดหนึ่ง เมื่อล็อกเป้าศัตรูเป็นวงสีแดง ให้กดปุ่ม O เพื่อฆ่าศัตรู

  1. Dante

ตัวละครนี้จะคงรูปแบบการเล่นเหมือนเดิมจาก Devil May Cry 4 ที่เน้นเปลี่ยน Style Action ได้ 4 รูปแบบ คือ Trickster, Swordmaster, Gunslinger และ Royalguard โดยใช้ปุ่ม D-Pad ในการกดเปลี่ยน Style Action เราสามารถผสมผสานคอมโบของ Dante ได้ด้วยการสลับอาวุธและปืนใช้คู่กับ Style Action ต่างๆ จะได้คอมโบและการโจมตีที่แปลกใหม่ และในภาคนี้ Dante มีระบบ Devil Trigger แบบใหม่ คือ Sin Devil Trigger จะเป็นการปลดพลังขั้นสุดยอดของ Dante โดยการกดปุ่ม L1 ค้างเพื่อใช้หลอด Devil Trigger เติมหลอด Sin Devil Trigger เมื่อหลอดเต็มให้กดปุ่ม L1 ค้างไว้จนหลอดสีเหลืองเต็มหลอด Sin Devil Trigger เมื่อปล่อยปุ่ม L1 ก็จะเข้าโหมดพิเศษทันที

โดยภาพรวมแล้วต้องบอกว่านี่เป็น Devil May Cry ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งในเรื่องของเกมเพลย์และบอสไฟต์ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเกมนี้หรือไม่ก็คุ้มค่าที่จะซื้อมาเล่น เพราะเกมเพลย์ที่สนุกจนแทบไม่อยากวางจอย หรือแม้เพียงแค่ดูคัตซีนลีลาสุดกวนของแก๊งค์ Devil May Cry ก็เป็นเหตุผลมากพอที่จะเล่นแล้ว และนี่แหละครับคือปิศาจสะอื้นอย่างแท้จริง ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ครับ

 

Review by

ขอขอบคุณทาง Sicom Amusement สำหรับเกม Devil May Cry V ที่ใช้ทดลองเล่นครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook