Apex Legends อธิบายทุกเรื่องกับระบบ Rank ใน Season 2
Rank Leagues คืออะไร?
โหมดจัดอันดับหรือ Rank Leauges นั้นเป็นโหมดที่มีไว้สำหรับผู้เล่นที่ชอบความท้าทายและอยากพิสูจน์ฝีมือตัวเองว่า จะไปได้ไกลขนาดไหน ซึ่งในโหมดปกตินั้น การเล่นชนะในแมทช์นั้น ๆ ก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากนอกจากความสะใจ, เงินที่ได้รับเยอะขึ้น และค่าประสบการณ์ที่ได้รับมากขึ้น แต่ใน Rank Leagues ผู้เล่นทุก ๆ คนที่เล่นจะล่นเพื่อเอาชนะ และไต่แรงค์ให้สูงที่สุดนั่นเอง
ใน Rank Leagues นั้น แน่นอนว่าด้วยความที่มันเป็นการจัดอันดับความเก่งของผู้เล่น มันจะมีแรงค์ทั้งหมด 6 ระดับด้วยกัน เรียงจากต่ำสุดไปสูงสุดได้แก่:
- Bronze
- Silver
- Gold
- Platinum
- Diamond
- Apex Predator
นอกจากแรงค์เป็นตัวบ่งบอกฝีมือของผู้เล่นแล้ว มันยังเป็นตัวทำให้แมทช์สมดุลด้วย เพราะเวลากดหาห้องแข่งกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ระบบจะทำการใช้แรงค์ของผู้เล่นคนนั้นในการหาดูว่า เหมาะจะเจอกับคนระดับไหน ซึ่งโดยส่วนมากก็จะเจอในระดับเท่า ๆ กันนั่นเอง แต่ก็มีบางครั้งที่เจอคนที่แรงค์สูง หรือต่ำกว่าตัวเองได้ประมาณ 1 ระดับ
Rank Leagues ทำงานยังไง?
ในการที่จะไต่แรงค์ในโหมดนี้นั้น ผู้เล่นต้องสะสมแต้ม RP หรือ Rank Points ให้ได้มากที่สุด และการได้ RP มาจะคำนวณมาจากหลายปัจจัยเช่น การสังหารศัตรู 1 ตัวก็จะได้ 1 แต้ม, การอยู่รอดจนเป็นทีม Top 10/5/3 ก็จะได้ 2/4/7 แต้ม หรือถ้าเป็นแชมป์เปียนส์ในแมทช์นั้นก็จะได้ 12 แต้มนั่นเอง
อีกจุดที่น่าสนใจคือ นักพัฒนาได้บอกด้วยว่า พวกเขาได้คำนึงถึงความแตกต่างของตัวละครแล้วว่ามีความเก่งคนละด้านกัน เพราะงั้นมันจะมีรางวัลให้สำหรับผู้เล่นซัพพอร์ทพอ ๆ กับผู้เล่นสายลุยที่ฆ่าศัตรู 15 ตัวในแมทช์เดียวเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นสามารถไปโฟกัสหน้าที่ของตัวเองได้ ไม่ต้องกังวลว่า จะไม่ได้ฆ่า ทำให้ได้แรงค์ไม่เต็มที่นั่นเอง
ในข้อมูลยังเผยออกมาด้วยว่า ในการที่กดเล่นหาห้องในโหมดจัดอันดับแต่ละครั้งนั้น ผู้เล่นจะเสียแต้ม RP เป็นค่าหาห้องทันทีเลยที่หาห้องเจอ โดยจะเสียแต้มตามนี้:
- Bronze : ไม่เสีย
- Silver : 1 RP
- Gold : 2 RP
- Platinum : 3 RP
- Diamond : 4 RP
- Apex Predator : 5 RP
ในตอนแรกผู้เล่นทุก ๆ คนจะเริ่มต้นที่แรงค์ Bronze ทั้งหมด เพราะฉะนั้นในช่วงนี้อาจเป็นเรื่องดีที่รอให้พวกที่เล่นระดับโปรเล่นไต่แรงค์กันขึ้นไปก่อน แต่ถ้ามั่นใจว่าถ้าเจอกับพวกระดับโปรหรือปีศาจก็สู้ไหว และอยากลองดูซักรอบก็สามารถลองได้เช่นกัน
อีกจุดที่ต้องรู้คือ การที่จะไต่จากแรงค์หนึ่งขึ้นไปแรงค์หนึ่งได้นั้นจำเป็นต้องผ่านหลายระดับ อย่าง Bronze ก็มีตั้งแต่ Bronze IV, Bronze III, Bronze II และ Bronze I ซึ่งผู้เล่นต้องเริ่มไต่จาก Bronze IV และทะยานขึ้นไปให้ได้ Bronze I ถึงจะมีโอกาสเปลีย่นแรงค์ตัวเองเป็น Silver โดยแต่ละระดับก็จำเป็นต้องมีแต้ม RP ทั้งหมดที่ต้องได้มาต่างกันออกไป:
- Bronze : 90 RP
- Silver : 120 RP
- Gold : 280 RP
- Platinum : 480 RP
- Diamond : 720 RP
- Apex Predator : 1,000 RP
การไต่แรงค์จะเป็นรูปแบบเช่น เริ่มจาก Bronze และเก็บจนได้ 90 RP ก็จะเลื่อนเป็น Silver และต้องเก็บอีก 120 RP ต่อจากนั้นถึงจะเลื่อนเป็น Gold และจาก Gold ต้องเก็บอีก 280 RP ถึงจะเลื่อนเป็น Platinum ต่อไปเรื่อย ๆๆ
กฎหรือระบบที่ต้องรู้ก่อนลงแรงค์
ระบบ Series
เช่นเดียวกับเกมอื่น ๆ ที่แรงค์นั้นจะไม่คงอยู่ตลอดไป เพราะจะทำการ Reset ใหม่ทุก ๆ ช่วงเวลาหนึ่ง และช่วงเวลานั้นแหละที่นักพัฒนาเรียกมันว่า Series ซึ่งใน Series นี้คาดว่าจะอยู่ในช่วงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน และแต่ละ Series ต่อ ๆ ไปนั้นอาจจะไม่ตรงกับ Season ของ Apex Legends ด้วย ซึ่งพวกเขากำลังหารือในเรื่องนี้อยู่
ระบบ Division
อย่างที่อธิบายไปด้านบนที่แรงค์ Bronze, Silver, Gold, Platinum และ Diamond นั้นจะมี 4 Division (I, II, III, IV) แต่ในระดับ Apex Predator นั้นจะไม่มี Division แล้ว
การได้และเสีย RP ในแต่ละแมทช์
ในทุก ๆ รอบที่เล่นในโหมดนี้ผู้เล่นก็จะเสีย RP แตกต่างกันออกไปแล้วแต่แรงค์เป็นค่าเข้าร่วม
- Bronze : ไม่เสีย
- Silver : 1 RP
- Gold : 2 RP
- Platinum : 3 RP
- Diamond : 4 RP
- Apex Predator : 5 RP
และสามารถไปเก็บ RP ได้หลากหลายทางในแมทช์นั้นเช่น
- การสังหารศัตรู 1 คนก็จะได้ 1 RP แต่จะจำกัดที่ 5 RP ต่อแมทช์
- การติด Top 10/5/3 จะได้ 2/4/7 RP ตามลำดับ และถ้าเป็นที่ 1 จะได้ 12 RP
แต่แน่นอนว่า คะแนนของการติดอันดับ Top นั้นจะไม่ทับกัน เช่นถ้าเกิดได้ Top 5 ก็จะไม่ได้ 6 RP (4+2 RP) เพราะว่าเราติดทั้ง Top 10 และ Top 5 แต่จะได้ 4 RP แทน เพราะว่าระบบจะคำนวณจากอันดับสูงสุดที่ได้ในแมทช์นั้น ๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้ในแต่ละแมทช์ผู้เล่นแต่ละคนสามารถได้แต้มสูงสุดที่ 17 RP นั่นเอง (ไม่รวมค่าเข้าร่วม)
การเล่นกับเพื่อน
ผู้เล่นแต่ละคนที่จะเล่นในโหมด Rank Leagues นั้นต้องมีเลเวลมากกว่า 10 ขึ้นไปถึงจะเข้าร่วมได้ และเวลาหาห้องพร้อมกับเพื่อนใน Squad ระบบจะคำนวณแรงค์ของห้องที่ไปเจอจากแรงค์สูงสุดของผู้เล่นใน Squad แต่ผู้เล่นทุก ๆ คนจะยังจ่ายค่า RP ในการเข้าห้องตามแต่ละแรงค์อยู่ดี เช่น
ใน Squad มี สมชายที่อยู่แรงค์ Bronze, สมหมายที่อยู่แรงค์ Silver, สมหญิงที่อยู่แรงค์ Diamond เมื่อหาห้อง แรงค์ของผู้เล่นส่วนใหญ่ในห้องนั้นจะเป็น Diamond แต่เวลาเสียค่าเข้าเล่น สมชายจะไม่เสียค่าเข้าห้อง, สมหมายจะเสีย 1 RP และสมหญิงจะเสีย 4 RP ตามลำดับนั่นเอง
นักพัฒนาได้นำเสนอระบบแบบนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้เล่นไปหาห้องกับเพื่อนที่ระดับสูง ๆ แล้วให้เขาแบกนั่นเอง เพราะฉะนั้น หากใครอยากจะแบกเพื่อนก็ควรเตรียมใจไว้ด้วยว่าจะเจอศึกหนักแน่นอน
ข้อดีขอระบบนี้คือ ไม่ว่าผู้เล่นแรงค์ไหนก็สามารถเล่นด้วยกันได้ ต่างจากโหมดจัดอันดับในเกมอื่น ๆ ที่มีข้อจำกัดเช่น จะหาห้องด้วยกันได้แต่แรงค์ต้องห่างเกิน 1 ระดับ แต่ข้อดีของโหมดจัดอันดับในเกมอื่น ๆ คือ มันจะนำแรงค์ในทีมโดยรวมมาเฉลี่ย แล้วค่อยคำนวณหาห้องนั่นเอง แต่ของ Apex Legends จะอิงจากแรงค์สูงสุดของผู้เล่นในทีมแทน
การเลื่อนหรือลดขั้นแรงค์
ทุก ๆ คนในตอนนี้จะเริ่มต้นที่แรงค์ Bronze เพื่อความเท่าเทียม และตอนนี้ใน Rank Leagues ยังไม่มีการ “ลดระดับ” ระหว่างแต่ละ Tier กล่าวคือ ถ้าเกิดเราไต่ไปจนถึงแรงค์ Platinum IV แล้ว ไม่ว่าจะแพ้อีกกี่ครั้งแรงค์ก็จะไม่ลดลงมาเหลือ Gold I เด็ดขาด และระบบจะรับประกันเลยว่า จะจบ Series ที่แรงค์ Platinum
อย่างไรก็ตาม การลดระดับระหว่าง Division ยังเป็นไปได้อยู่ เช่น ถ้าไต่ไปจนถึงแรงค์ Platinum I แล้ว ก็สามารถร่วงลงมา Platinum IV ได้อยู่ดี
นักพัฒนาได้ระบุอีกด้วยว่า พวกเขาอาจจะนำระบบลดระดับระหว่าง Tier เพิ่มเข้ามาในอนาคต แต่ขอเก็บข้อมูลดูก่อนใน Series นี้
รางวัลที่จะได้รับ
นอกเหนือจากความภาคภูมิใจแล้ว ผู้เล่นใน Series 1 (ใครก็ตามที่เล่นแรงค์ใน Series นี้) จะได้รับ Badge ขึ้นอยู่กับแรงค์ที่อยู่ตอนที่จบ Series และ Cosmetics อื่น ๆ โดยนักพัฒนากำลังหารืออยู่ว่า จะมีรางวัลอื่น ๆ เพิ่มเติมให้ที่สามารถทำให้ผู้เล่นนั้นเอาโชว์ได้ว่าพวกเขาอยู่แรงค์อะไร และจะบอกรายละเอียดอีกรอบในอนาคตเร็ว ๆ นี้
บทลงโทษ
นักพัฒนาคาดหวังให้ผู้เล่นทุก ๆ คนเล่นในโหมดนี้อย่างจริงจัง และพยายามที่สุดถึงแม้เกมจะไม่เป็นไปตามที่ผู้เล่นคนนั้นต้องการ เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยสร้างบทลงโทษรอไว้แล้ว
ผู้เล่นคนใดก็ตามที่ทอดทิ้งเพื่อนร่วมทีม (ออกจากห้อง) จะถูกลงโทษในการหาห้องทั้งในโหมด Rank Leagues และธรรมดา โดยการลงโทษจะเป็นการห้ามไม่ให้ผู้เล่นคนนั้นเล่นเกมเป็นระยะเวลาหนึ่ง และเวลานั้นจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความถี่ที่ออกจากห้องในโหมดแรงค์
นิยามของการทอดทิ้งเพื่อนร่วมทีม คือการที่ผู้เล่นคนนั้นออกจากห้องก่อนที่แมทช์จะจบลงสำหรับทีมนั้น ๆ เช่น ออกจากห้องระหว่างเลือกตัวละคร, ออกจากห้องในตอนที่ยังไม่ตาย และออกจากห้องในจังหวะที่ตายแล้ว แต่ยังสามารถถูกชุบชีวิตจากเพื่อนร่วมทีมได้อยู่
บทลงโทษนั้นจะเริ่มต้นที่ 5 นาที และจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามความถี่ที่ผู้เล่นทอดทิ้งเพื่อนร่วมทีมบ่อย ๆ จนมากที่สุดถึง 1 สัปดาห์
ระบบละเว้นการพ่ายแพ้ (Loss Forgiveness)
เช่นเดียวกับใน Elite Queue จะมีระบบ Loss Forgiveness ในโหมดแรงค์ด้วย โดยระบบ Loss Forgiveness นั้นจะส่งผลให้ผู้เล่นคนใดก็ตามที่ได้รับ “ไม่มีโอกาสเสียแต้มในแมทช์นั้นเลย” ยกตัวอย่างเช่น ในแมทช์ระดับ Diamond ที่ต้องเสียค่าเข้าห้อง 4RP คุณดันได้ที่สุดท้าย แต่ฆ่าได้ 2 คน โดยปกติแล้ว ก็จะต้องเสียแต้ม -2RP (ฆ่าได้ 1 คน = 1 แต้มทำให้ได้ 2 แต้ม, เสียค่าเข้า 4 RP, ทำให้สุดท้ายยังต้องเสีย 2 RP อยู่ดี) แต่ถ้าได้รับ Loss Forgiveness จะไม่เสียแต้มอะไรเลย (เสีย 0 RP)
แต่ Loss Forgiveness นั้นจะทำงานได้ต่อเมื่อในแมทช์นั้นต้องเสียแต้ม ถ้าเป็นแมทช์ Diamond เหมือนกัน แต่ในเกมนั้นเราดันฆ่าได้ 5 ตัว ก็จะได้ 1 RP เท่านั้น (เสียค่าเข้าห้อง Diamond 4RP, ฆ่าได้ 5 คน = ได้รับ 5 RP, 5-4 เลยเหลือ 1 RP)
Loss Forgiveness จะให้แก่ผู้เล่นที่เพื่อนร่วมทีมของเขานั้นทอดทิ้งแมทช์นั้น ทำให้เกิดความยุติธรรม และจะให้ Loss Forgiveness ในกรณีอื่น ๆ ที่เป็นความผิดพลาดของระบบด้วย เช่น Client ของเกม Error เอง ทำให้หลุดออกจากเกม
นักพัฒนาได้กล่าวว่า ใน Series นี้จะจับตาดูพฤติกรรมของผู้เล่น เพราะพวกเขาต้องเข้มงวดมาก ๆ ในการให้ Loss Forgiveness ไม่งั้นจะถูกผู้เล่นบางคนเอาช่องว่างของระบบนี้ไปใช้ในทางที่ผิดได้
และนี่ก็คือรายละเอียดระบบการทำงานและกฎต่าง ๆ ที่ผู้เล่น Apex Legends ควรรู้ไว้จะได้วางแผนถูกว่าควรเล่นยังไง ขอให้โชคดีใน Series นี้ครับ