รีวิว eFootball PES2020 ยุคใหม่ของ PES ที่เปลี่ยนไปเยอะทั้งชื่อและเกม

รีวิว eFootball PES2020 ยุคใหม่ของ PES ที่เปลี่ยนไปเยอะทั้งชื่อและเกม

รีวิว eFootball PES2020 ยุคใหม่ของ PES ที่เปลี่ยนไปเยอะทั้งชื่อและเกม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปล่อยให้เล่นตัว DEMO กันมาสักระยะสำหรับ eFootball PES2020 ล่าสุดเปิดให้เล่นตัวเต็มกันทุกช่องทาง ทุกแพลทฟอร์ม ผมก็เป็นอีกคนที่ไม่ยอมพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะตอน DEMO บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยม เรียกเสียงปรบมือสำหรับสาวก PES ทั่วโลกได้ดีทีเดียว ซึ่งหลายคนก็คาดหวังว่า ตัวเต็มที่ออกมา จะดียิ่งกว่า ซึ่งผมได้ลองแล้ว เป็นยังไง จะมาเล่าสู่กันฟังครับ

ว่ากันด้วยลิขสิทธิ์

จริงๆ ภาคนี้จะเรียกได้ว่าเป็นการเรียกคืนความศรัทธาของบรรดาสาวกกันได้ดี เพราะถือว่า PES เป็นลูกเมียน้อยเรื่องของลิขสิทธิ์เป็นทุนเดิม เพราะยังถือว่าห่างไกลอีกค่ายพอสมควร แต่สำหรับภาคนี้ เริ่มไปคว้าลิขสิทธิ์ลีกรองมาได้เยอะทีเดียว และระดับหัวกะทิของวงการก็มีให้เห็นกันไปแล้ว แม้ว่าจะยังไม่เทียบเท่า แต่ถือว่ามาถูกทางแล้ว ทำให้สาวกที่รอเล่นแบบลิขสิทธิ์ถูกต้องชื่นอกชื่นใจกันขึ้นมาบ้าง เพราะก่อนหน้านี้บ่นน้อยใจกันมาหลังจากที่สูญเสีย UCL ไป

ส่วนลิขสิทธิ์ทั้งหมดที่ทาง eFootball PES2020 ได้มามีอะไรบ้างก็ลองเข้าไปดูกันที่ https://www.konami.com/wepes/2020/eu/en/all/page/license

ต่อกันที่เกมเพลย์

หลายครั้งที่หลายต่อหลายเกม ตัวเดโมกับตัวเต็ม จะมีความแตกต่างกัน ก็ขึ้นชื่อว่าเดโมมันจะเละตุ้มเป๊ะยังไงก็ได้ เพราะอย่างน้อยๆ ก็ยังมีเวลาปรับปรุงตัวเต็มให้มันดีขึ้น แต่บางทีตัวเดโมที่ว่าดีอยู่แล้ว แก้ไปแก้มากลายเป็นตัวเต็มสู้เดโมไม่ได้ก็เจอมาเยอะ แต่สำหรับ eFootball PES2020 ที่ตัวเดโมทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว ตัวเต็มก็ถือว่าไม่มีข้อผิดพลาด เพราะยังคงรูปแบบการเล่นในแบบที่เป็นเดโมไว้

การเคลื่อนไหวของตัวนักเตะทำได้ดีขึ้น ดูเป็นธรรมชาติกว่าตอนเดโม (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) เพราะบางคนเขาจะสแกนท่วงท่า ลีลาการเลี้ยงการจ่ายบอลจากนักเตะจริงๆ มา  ส่วนความหนืดของเกมยังอยู่ในระดับที่รับได้ นั่นเพราะทาง Konami ต้องการให้มันออกมาสมจริงอย่างที่กล่าวไปเมื่อครั้งก่อน อันนี้อยู่ที่ความชอบละครับ ว่าจะชอบแบบเร็ว หรือแบบกำลังพอดี

AI ยังคงทำงานได้เต็มความสามารถ รู้จักหน้าที่ของตำแหน่งตัวเอง ซึ่งค่าความสามารถ ก็มีส่วนในการขับเคลื่อนของ AI ที่ไม่มีบอล มันก็สมเหตุสมผล ที่เก่งมากก็เคลื่อนที่ได้ดี เก่งน้อยก็ตอบสนองช้า ว่ากันไป

โดยรวมแล้วเกมเพลย์ยังคงทำออกมาได้ในระดับที่ดีถึงดีมากเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ

MyClub ยังคงเดิม

ก่อนหน้าที่ตัวเต็มจะออก ถือว่าเป็นโหมดที่มีรายละเอียดออกมาน้อยมาก หรือแทบจะไม่เห็นกันเลย ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นจุดขายของตัวเกม ทำเอาคาดการณ์กันไปว่า อาจจะมีทีเด็ดออกมา แต่สุดท้าย MyClub ยังคงรูปแบบเดิมทั้งหมด จะมีก็เพียงแค่ฉากเปิดตัวนักเตะที่ทำออกมาได้เนียนขึ้น รวมถึงท่าทางต่างๆ เท่านั้นเอง

Master League Remaster

กลายเป็นโหมด ML ที่มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร จากเดิมที่เราก็มีหน้าที่เตะๆ ไปตามโปรแกรม เสาะแสวงหานักเตะดีๆ เข้าสู่ทีม ด้วยการบริหารจัดการทีมในแบบของเรา ด้วยวงเงินที่จำกัด ต่อสู้กับความอีโก้ของนักเตะ ที่มีความต้องการในเรื่องของสัญญาไม่เหมือนกัน แต่สำหรับภาคนี้ มีการใส่เนื้อเรื่องเข้าไป โดยให้เราสวมบทเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งก่อนเริ่มเล่นจะมีรายนามผู้จัดการทีมให้เลือกใช้ ตัวอย่างเช่น Maradona, ZICO, Romario, Matthaus และอีกหลายๆ คน

บทบาทของผู้จัดการทีม ก็คือการจัดการทีมให้ได้อย่างที่เคยเป็นมา แต่เพิ่มเนื้อหา และแนวทางในการบริหารจัดการให้เราเลือก เรียกว่าคำตอบทุกคำตอบของผู้จัดการทีมมีผลกับการบริหารจัดการสโมสรทั้งหมด เช่น ตั้งเป้าจะเป็นแชมป์ คุณก็ต้องเป็นแชมป์ ถ้าไม่ได้อาจจะโดนเด้งอะไรประมาณนั้น ที่สำคัญอีกประการ เราสามารถปรับแต่ง logo สปอนเซอร์ที่แสดงบนแบ็คดรอปตอนให้สัมภาษณ์ได้ด้วย

ถือว่าโหมด ML ทำออกมาได้น่าเล่นกว่าเดิมเยอะ บางคนอาจจะใช้โหมดนี้เป็นโหมดแก้เซ็ง แต่เชื่อเลยว่าหลังจากนี้ หลายคนจะนึกถึง Master League Remaster เป็นลำดับต้นๆ

Matchday

จากที่มีการประกาศก่อนหน้านี้ว่า PES จะเน้นไปที่การแข่งขันอีสปอร์ต และเปลี่ยนชื่อเกมเป็น eFootball PES2020 นั้น ก็ตอบโจทย์ว่าทำไมต้องมีโหมด Matchday ขึ้นมา ซึ่งโหมดนี้จะเหมือนกับโลกคู่ขนานของการแข่งขันฟุตบอลจริงๆ ซึ่งทางตัวเกมจะจำลองการแข่งขันที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นั้นๆ มาจัดการแข่งขันในรูปแบบของ Matchday

อย่างล่าสุดมีการแข่งขันรอบคัดเลือกยูโร และเกมอุ่นเครื่องของประเทศต่างๆ ซึ่งทาง Konami ได้จัดให้มีการจำลองการแข่งขัน โดยแยกทีมออกเป็น 2 กลุ่มคือทีม HOME และ Away ตามการแข่งขันที่เกิดขึ้นจริง และกำหนดการแข่งขันเป็น 5 วัน วันละ 3 ชั่วโมง หาแชมป์ของแต่ละกลุ่มในทุกๆ วัน  ตรงนี้อาจจะอธิบายไม่ได้มาก เพราะยังไม่มีโอกาสเข้าไปลองจริงๆ จังๆ เอาไว้ได้ลองเมื่อไหร่จะมารีวิวให้ดูกันอีกทีครับ

Thai League

เป็นภาคที่ 2 ต่อจาก PES2019 ที่มีการทำ Thai League  โดยลิขสิทธิ์ทีมในลีกยังได้ครบ มีการอัปเดตทีมในลีกแล้ว  แต่เรื่องของตัวนักเตะ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง ยังถือว่ายังไม่สมบูรณ์

เรื่องหน้าตานักเตะ แน่นอนว่าอันนี้น่าจะทำใจไว้อยู่แล้ว เพราะทำได้ดีอย่างมากก็คงได้แค่เหมือน บางคนถึงขั้นไปไกลขนาดหน้าจริงกับตัวในเกมนี่เทียบกันไม่ได้เลย

เสียงพากย์ ยังคงเป็นปัญหา แม้กระทั่งชื่อทีมที่ตอนนี้เหมือนจะมีแค่ SCG เมืองทอง กับ บุรีรัมย์เท่านั้นที่มีการพากย์เสียงเรียกชื่อทีมลงไป ทีเหลือยังไม่ได้ยิน

ทีมชาติไทย ยังไม่ใช่ชุดฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ชนะอินโดนีเซีย 3-0 แต่เรื่องชุดแข่งขันอัปเดตเรียบร้อย 3 ชุด แดง น้ำเงิน ขาว ทุกอย่างดูดีหมด แต่ติดอยู่อย่างเดียว ยังไม่มีเพลงชาติไทยก่อนนักเตะลงสนาม

รวมๆ แล้ว ความคาดหวังที่มาจากตัวเดโมถือว่าทำมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีการพัฒนาขึ้นจากเดิมพอสมควร ส่วนเรื่องการอัปเดตตลาดนักเตะอย่าเพิ่งกังวล แม้ตอนที่นั่งเล่นอยู่จะยังไม่มีการอัปเดต แต่กำหนดการอัปเดตตลาดซื้อขายล่าสุดมีมาแล้ว ทีเหลือก็รอแค่ว่าจะมีการปรับปรุงและอัปเดตอะไรต่อไปหรือไม่ ซึ่งช่วงนี้ก็น่าจะมีออกมาเรื่อยๆ แหละครับ เพราะยังไงเสีย มันก็ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่ามั้ยครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook