รีวิว Death Stranding รวมพลังนักส่งของ เชื่อมต่อโลกขึ้นใหม่อีกครั้ง

รีวิว Death Stranding รวมพลังนักส่งของ เชื่อมต่อโลกขึ้นใหม่อีกครั้ง

รีวิว Death Stranding รวมพลังนักส่งของ เชื่อมต่อโลกขึ้นใหม่อีกครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(อาจจะ Spoil เนื้อหาช่วงแรกของเกมส์)

Death Stranding น่าจะเป็นหนึ่งในเกมส์ปรากฏการณ์ของปี 2019 อย่างแน่นอน หลังจากไฮป์กันมาข้ามเดือนข้ามปี ด้วยข้อมูลชวนมึน และเทรลเลอร์ชวนสับสน และฝีมือการคุมงานของผู้กำกับเกมส์ตัวจี๊ดอันดับต้นๆ ของวงการอย่าง Hideo Kojima ที่ทุกคนต่างสรรเสริญในฝีมือ และความคิดสร้างสรรค์ของเกมส์ที่เขาคุมบังเหียนมาตลอดอย่าง Metal Gear และซีรีย์ก่อนหน้านี้อีกมากมาย ทำให้ทุกคนแม้จะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ผู้เล่นทั่วโลกก็พร้อมจะกดซื้อเกมส์นี้กันตั้งแต่วันแรกอยู่ดี

แต่ว่าจริงๆ แล้วเกมส์มันจะดีอย่างที่คนคิดกันรึเปล่า? เกมส์ Action ส่งของที่ตอนแรกที่เห็นเกมเพลย์คนก็ปรามาศไปแล้วว่าเป็น Walking Simulation ในโลกกว้าง ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย จะไปสนุกได้อย่างไร? วันนี้ทีมงาน Sanook Game ขออนุญาตแชร์ความเห็นต่อเกมส์ Death Stranding ในรีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน (ถ้าไม่อยากอ่านยาวๆ ข้ามไปที่สรุปด้านล่างได้เลยจ้า)

เกมส์ Death Stranding เป็นเกมส์แนว Action ที่จะนำเสนอโลกที่ล่มสลาย ผู้คนต่างต้องหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน แยกกันไปตามแต่ละหัวเมืองทั่วประเทศอเมริกา เนื่องจากการปรากฏตัวของ BT ศัตรูลึกลับที่ไล่ล่ามนุษย์ที่เหลือรอดอยู่ โดยพวกเขาไร้ซึ่งหนทางต่อกรได้ ไม่พอสภาพอากาศในโลกอย่างฝนที่ตกลงมายังทำให้ BT ปรากฏตัวได้ และทำให้สิ่งของหรือคนบริเวณที่โดนฝนเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วอีก คนบางกลุ่มก็เลือกจะหลบซ่อนตัว บางกลุ่มผันไปเป็นพวกหัวรุนแรงไล่โจมตีคนอื่น และคนอีกกลุ่มในชื่อ Bridge ที่พยายามเชื่อมต่อทุกคนให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนประเทศอีกครั้งโดยตั้งชื่อประเทศใหม่ว่า UCA หรือ United Cities of America

ตัวเอก Sam Bridge ทำงานเป็น Porter หรือคนส่งของที่เก่งเข้าขั้นตำนานที่ทุกคนในโลกรู้จัก คอยทำหน้าที่ส่งของที่ไม่สามารถถ่ายโอนเป็นข้อมูลได้ ไปให้กับเมืองต่างๆ ซึ่งโชคชะตา(และเหตุผลส่วนตัว) ก็นำพาให้เขาจำต้องร่วมมือกับองค์กรณ์ Bridge เพื่อเชื่อมต่อทุกๆ คน และทุกๆ เมืองใน America ให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งให้ได้

เกมส์ดำเนินไปด้วยระบบมุมมองบุคคลที่ 3 มีวิธีการควบคุมใกล้เคียงกับเกมส์ Metal Gear V ก่อนหน้านี้ โดยเราสามารถค่อยๆ ย่อง หมอบต่ำ วิ่ง กระโดด เกาะขอบหน้าผาหรือตึก รวมถึงการใช้อุปกรณ์เสริมในการเดินทางอย่างปีนบันได โหนเชือก และขี่ยานพาหนะได้ ซึ่งโดยรวมระบบการควบคุมตัวละครทำได้ลื่นไหลมากและยังพยายามใส่ความสมจริงอย่างการรักษาสมดุลร่างกายเข้ามาด้วย โดยหากแบกของหนักขึ้น ร่างกายก็จะเสียสมดุลง่ายขึ้น หากวิ่งหรือเคลื่อนที่เร็วเกินไปก็จะเสียสมดุลง่าย และของที่เราแบกอยู่อาจตกพื้นเสียหายได้

 

เป้าหมายในเกมส์ของเราคือการส่งของตามท้องเรื่องเลย ซึ่งจะมีปัจจัยที่เราต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้กว้างมาก เราต้องคำนวนน้ำหนักสิ่งของที่จะขน วิธีการเดินทาง อุปสรรคระหว่างทาง อุปกรณ์นอกจากของที่ต้องแบกที่จะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ทั้ง BT สิ่งมีชีวิต(หรือตายไปแล้ว?)ปริศนา MULES กลุ่มคนที่จ้องจะมาขโมยของเรา สภาพภูมิประเทศๆหลากหลายรูปแบบ ขึ้นเขาลงห้วยเป็นว่าเล่น และสุดท้ายคือเวลาที่จะใช้ในการส่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อเกรดที่เราจะได้หลังส่งของเสร็จ

Plot ของเกมส์ค่อนข้างซับซ้อนมาก คือผู้เขียนยอมรับตามตรงว่าถึงจุดที่เล่นอยู่นี้ ผู้เขียนก็ยังไม่ได้รับความกระจ่างมากนัก มีจุดน่าสงสัยมากมาย นอกจากเราต้องตั้งใจรับสารให้ดีจากบทสนทนาในเกมส์เท่าที่เราเห็นและฟังแล้ว ยังมี E-mail ที่เราไปเก็บมาอ่านได้ ซึ่งไม่ใช่แค่มีคนส่งหาเราเท่านั้น แต่ยังเป็น E-mail ที่ NPC คนอื่นคุยกัน และมันจะค่อยๆอธิบายเรื่องราวในเกมส์ ขยายโลกของเกมส์มากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ของที่เราส่งก็ยังมีที่มาที่ไป เหตุผลที่เราต้องส่งมันพ่วงมาด้วย ถ้าเป็นผู้เล่นที่ชอบความลึกของ Lore และเนื้อหาของจักรวาลในเกมส์ ต้องรักมันมากแน่ๆ

Interface และวิธีใช้งานระบบต่างๆ ในเกมส์ค่อนข้างมีความละเอียดสูงมาก ใน 1-2 ชั่วโมงแรกของการเล่น (ไม่นับ Cutscence) ผู้เล่นที่ไม่คุ้นเคยต้องมีมึนกันบ้าง เพราะเกมส์มีสิ่งปลีกย่อยให้เราทำมากมายจริงๆ ตั้งแต่ต้องคอยประคบประหงม BB เด็กทารกในหลอดแก้วที่เราพกไปไหนมาไหนด้วย จนถึงการจัดวางของที่ต้องแบกไว้ตามตัวให้น้ำหนักสมดุลเพียงพอ ไม่ใช่สักแต่แปะๆ ไป ไม่งั้นจะเล่นยากมาก

งานภาพของเกมส์ วิวทิวทัศน์ต่างๆ ต้องบอกว่าระดับ Top Tier ของวงการได้แล้ว ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากดูหนังเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว มีความสมจริงในระดับสูงมาก สิ่งแวดล้อมในโลกนั้นก็ออกแบบในโฉบเฉี่ยวและมีความลึกลับเช่นกัน แต่ในฝั่งศัตรูแล้วมีความน่ากลัวปนลึกลับอยู่ซึ่งก็ไปสุดในด้านนั้นเหมือนกันนะ

เพลงประกอบในเกมส์นับว่า Top Tier สมกับที่ผู้กำหนดโคจิม่าเป็นคนที่ชื่นชอบงานศิลป์ในสายหนังและดนตรีอยู่แล้ว ทำให้การเลือกใช้ดนตรีประกอบ เพลงต่างๆ ไพเราะฟังได้เพลินยาวๆ เลยทีเดียว โดยนอกจากเพลงประกอบ Original ของเกมส์แล้วยังมีเพลงประกอบจากศิลปินท่านอื่นๆ ใส่มาด้วย

Cameo และ Easter Egg ในเกมส์ก็มีเยอะเท่าที่จะใส่เข้าไปได้ ตั้งแต่การโฆษณาผลงานของ Norman Redus เองที่จู่ๆ ก็ขึ้นมาโฆษณาโต้งๆ หรือกระป๋องเครื่องดื่มชูกำลัง Monster ที่ทำให้หลังจากเกมส์นี้วางขาย ก็ส่งให้หุ้นของผู้ผลิตเครื่องดื่มดีดขึ้นไปกว่า 200% ผู้ว่าจ้างบางคนก็หยิบเอาคนจริงๆ ใส่เข้าไปเลยเช่นเพื่อนของโคจิม่าอย่าง Geoff Keighley ที่เป็นผู้จัดงาน The Game Award หรือ Conan O'Brien ผู้จัดรายการ TV ชื่อดังของอเมริกา บางจุดสิ่งของในเกมส์ที่ต้องส่งยังเป็นเครื่อง Playstation 1 อีกด้วย

อีกระบบสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ "การเชื่อมต่อ" ระหว่างผู้เล่นเกมส์นี้ด้วยกัน คือผู้เล่นเกมส์นี้บางครั้งจะเชื่อมต่อกันด้วยปฏิสัมพันธ์หลายๆ อย่างในเกมส์ผ่านระบบออนไลน์ เช่นสามารถแปะป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ไว้ตามทางเพื่อบอกอะไรก็ได้กับผู้เล่นคนอื่น สร้างอุปกรณ์บางอย่างให้ผู้เล่นคนอื่นใช้ได้ หรือแม้แต่สร้างสะพาน เส้นทางถนน ให้ผู้เล่นคนอื่นใช้ในการส่งของให้สะดวกสบายขึ้นได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นแบบสุ่มตั้งแต่เราสร้างเซฟเกมส์นี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง

แล้วมันจะส่งผลอย่างไร? ผู้เล่นที่ล่วงหน้าไปก่อนทั้งในแง่เนื้อเรื่องหรือการสำรวจ เส้นทางข้างหน้าที่คุณเจอจะโล่งโจ้ง ไม่มีอะไรช่วยเหลือ ซึ่งเขาอาจสร้างของบางอย่างให้เดินทางง่ายขึ้นเช่นสะพานข้ามแม่น้ำ แต่เมื่อมีผู้เล่นคนไหนที่อยู่กลุ่มเซิฟเวอร์เดียวกับคนที่นำหน้าไปนี้เดินทางตามหลังมา ก็จะได้เจอสะพานที่ผู้เล่นคนก่อนสร้างไว้ ช่วยให้เดินทางได้สบายขึ้น และคนๆ นั้นก็อาจจะสร้างเสาเติมพลังงานไฟฟ้าให้มอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้ คนถัดไปที่มาถึงก็อาจได้ใช้เสานี้เติมพลังงานรถมอเตอร์ไซค์ และขับมันข้ามสะพานได้อีก

ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าคนที่สร้างของอำนวยความสะดวกเหล่านี้ไว้ จะไม่ได้อะไรตอบแทนเลย โดยเกมส์นี้จะมีเลเวลตัวละคร โดยเพิ่มขึ้นได้จากจำนวน Like ที่ได้รับ ซึ่งเจ้า Like นี้จะได้มาทั้งจากการส่งของตามปกติ (Like จากผู้ว่าจ้างในเกมส์) หรือมีคนอื่นมากด Like ให้สิ่งของที่เราสร้าง หรือป้ายข้อความที่เราทิ้งไว้ ทำให้เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่เน้นการช่วยเหลือกันโดยแท้จริงเลย และตลอดการเดินทางของผู้เล่นสักคน ก็อาจจะได้เป็นทั้งผู้บุกเบิกให้คนอื่นตามหลังมา หรืออาจเป็นผู้ตามที่คอยกด Like ให้กำลังใจผู้นำอยู่ก็ได้เช่นกัน

จุดที่น่าตะขิดตะขวงใจจริงๆ น่าจะเป็นการที่นอกจากตอน Cut Scene แล้วเราไม่ได้เจอตัวละครอื่นๆ เลยนอกจากคุยกันผ่าน Hologram ผ่านสัญญาณ Chiral (คล้ายสัญญาณ Internet ในเกมส์) ทำให้บรรยากาศในเกมส์แห้งแล้งมากๆ (ซึ่งก็อาจเป็นความตั้งใจของผู้สร้างก็ได้) และความรู้สึกโดดเดี่ยวของเราตอนเล่นก็ถูกขับดันออกมามากขึ้น

จุดที่น่าจะทำให้ผู้เล่นใหม่ ช็อคและเกลียดเกมส์นี้ไปเลยก็คงเป็นเรื่องของ Plot ที่ลึกลับซับซ้อน และ เกมเพลย์ที่ต้องอาศัยความอดทนและการวางแผนสูงมาก ซึ่งก็อยากจะเตือนให้รู้ไว้เลยว่าเกมส์นี้เขาออกแบบมาอย่างนี้ และทุกคนก็มีสิทธ์ที่จะชอบและไม่ชอบนะครับ ไม่แปลกแต่อย่างใด

 

Review Score: 9/10

Death Stranding เป็นเกมส์ที่น่าจะมีความเป็น Hideo Kojima มากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา มันมีความทะเยอทะยานสูงมาก ทั้งในด้านเกมเพลย์ที่รายละเอียดเยอะมากแต่มีจังหวะของเกมส์ที่ช้าและเนิบในบางจุด แต่ด้วยเนื้อหาที่ซับซ้อนและแปลกใหม่ รวมถึงกราฟฟิคและเพลงประกอบที่เรียกได้ว่า Top Tier ที่สุดในตอนนี้แล้ว ซึ่งหากตัดความแห้งแล้งของเกมส์ ที่ดูจะให้เหตุผลไว้ค่อนข้างแหม่งๆ แล้วละก็ สำหรับคนที่เข้าใจเกมส์และมองว่าผู้สร้างต้องการอะไรและยอมรับมันได้ นี่ต้องเป็นสุดยอดเกมส์ที่คุณควรหามาเล่นให้ได้แน่นอนครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook