บทสัมภาษณ์ Tetsuya Nomura เมื่อ Final Fantasy VII Remake ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมในอดีตอีกต่อไป
หลังจากที่ได้มีการปล่อย Demo ออกมาให้ชาว PlayStation4 ได้เล่นกันไปแล้ว ตอนนี้ Final Fantasy VII Remake ก็ได้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการผลิต เพื่อเตรียมวางจำหน่ายออกมาให้แฟนๆทั่วโลกได้เล่นกันในวันที่ 10 เมษายนนี้แล้ว เนื่องในโอกาสนี้ ผู้รับหน้าที่ Director หลักของเกมอย่างคุณ Tetsuya Nomura จึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อจ่างๆ พร้อมให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาเกมในภาค Remake ที่ได้ถูกยกเครื่องใหม่จากเกมต้นฉบับเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ยังคงมนต์สเน่ห์ของ Final Fantasy VII อยู่ไม่เสื่อมคลาย เราลองไปดูความคิดเห็นของคุณ Nomura เกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจของเกมในครั้งนี้กันเลยครับ
- จากการที่ได้มีการประกาศเลื่อนวางจำหน่ายไปเมื่อตอนเดือนมกราคม ไม่ทราบว่าการพัฒนาเกมนั้นเป็นไปด้วยดีรึเปล่า?
Nomura : ไม่มีปัญหาอะไรครับ เพื่อการเพิ่มคุณภาพในช่วงสุดท้าย จึงจำเป็นต้องมีการใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว จะไม่มีการเลื่อนออกไปอีกแน่นอนครับ
- อีกไม่นาน เกมก็ใกล้จะวางจำหน่ายแล้ว ในการรีเมคของ FFVII ก็มีทั้งส่วนที่เปลี่ยนไป และส่วนที่ยังคงอยู่ มีส่วนไหนของการ Remake ที่น่าสนใจเป็นพิเศษรึเปล่า
Nomura : เราคำนึงเรื่องการเข้าถึงเกม ของทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จัก FFVII ฉบับ Original มาก่อนครับ สำหรับพวกเราแล้ว FFVII เป็นเกมที่มีชื่อเสียง และหลายคนก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ทว่า ตัวเกม Original ก็ได้วางจำหน่ายมามากกว่า 20 ปี แล้ว ทำให้มีคนในยุคนี้ที่ไม่รู้จักเพิ่มมากขึ้นอยู่เหมือนกันครับ
- มีเหตุผลอะไรรึเปล่าที่เปลี่ยนแกนหลักของระบบต่อสู้ ให้กลายเป็นแบบ Action
Nomura : กลุ่มผู้เล่นส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้เล่นเกมกันแบบ Real Time กันแทบทั้งนั้นแล้ว ถ้าจะสร้าง FFVII ในยุคนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้ เมื่อคิดถึงจุดนั้นแล้ว การทำเกมให้เป็นแบบ (Action) Real Time จึงเป็นเป็นสิ่งที่มีการตัดสินใจกันในขั้นตอนการวางแผนเป็นอันดับแรกครับ
- นอกจากการมุ่งทำเกมตามเป้าหมายให้เหมือนกับ Original แล้ว กราฟฟิคของเกมก็สวยงามสมกับเป็น FFVII เหมือนกัน
Nomura : มีคอมเมนท์ดีๆ ตอบรับกลับมาอยู่เหมือนกันครับ ถ้าเกิดรีเมคด้วยโครงสร้างแบบเดิมๆ ของในยุคสมัยนั้น พวกผมก็คงทำหน้าที่แค่ตรวจสอบแก้ไข แล้วขอให้ช่วยพัฒนาแค่ส่วนอื่นเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเกมที่พวกเราสร้างกันในตอนนี้แล้ว ก็อยากจะทำให้เป็นเกมที่ได้ลิ้มรสประสบการณ์ที่น่าประหลาดใจมากกว่าเดิม โดยไม่ใช่แค่เกมที่เหมือนกับเกมต้นฉบับเท่านั้น เพื่อการนั้นจึงได้สร้างเกมกันด้วยความพิถีพิถันมากครับ
- ในสมัยก่อนนั้นมีความยากลำบากในการเปลี่ยนแปลง 3D กราฟฟิคจากเครื่องเกม Super Famicom มาเป็นเครื่องเกม PlayStation FFVII จึงกลายเป็นเกมที่มี 3D กราฟฟิคที่น่าสนใจและตื่นตาตื่นใจ ถ้าเทียบกับยุคนี้ในความยากลำบากระดับเดียวกันแล้ว ถือว่ามีความกดดันบ้างรึเปล่า?
Nomura : ผมไม่รู้สึกกดดันอะไรเลยครับ เรื่องจุกจิกในการทำเกมคราวนี้ก็คือ การดีไซน์ให้เป็นเกมแบบเรียลไทม์ตั้งแต่เริ่ม เพื่อให้สามารถเป็นที่พอใจได้กับกับทั้งแฟนๆหน้าเก่า และแฟนๆหน้าใหม่ เพราะว่าพวกเรามุ่งตรงไปที่จุดนั้น จึงไม่มีเวลาจะมามัวรู้สึกกดดันเลยครับ คิดว่าในระหว่างการพัฒนาก็มีคนที่รู้จักผลงานต้นฉบับ รู้สึกกังวลกับเรื่องหลายๆ อยู่อย่างด้วย แต่ถ้าได้ลองเล่นดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแฟนหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ก็จะต้องได้รับเรื่องราวอันน่าประทับใจกันแน่นอนครับ
- ระบบต่อสู้ได้สร้างขึ้นมาด้วยภาพลักษณ์ของความแอ็คชั่นเป็นหลัก แต่ก็ยังมีความประทับใจแบบ FFVII ฉบับดั้งเดิมอยู่ ไม่ทราบว่าตรงจุดนี้มีเรื่องราวอย่างไรบ้าง
Nomura : กว่าจะเป็นระบบต่อสู้ในตอนนี้ ได้มีการแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง จนได้สิ่งที่สุดยอดที่สุดจากการทำเวอร์ชั่นต่างๆ มามากมาย เรียกได้ว่าอาจจะเป็นงานส่วนที่ใช้เวลามากที่สุดจนกว่าจะตกลงเห็นชอบตรงกันได้ครับ
- มีระบบต่อสู้อะไรในยุคนี้ ที่คิดว่าใกล้เคียงกับ FFVII ในยุคก่อนรึเปล่า?
Nomura : นั่นสินะครับ ในฉบับออริจินัลนั้นใส่ความทะเยอทะยานกันไปมาก อาจจะไม่ใช่ส่วนที่เป็นแอ็คชั่น แต่เป็นการมีส่วนที่เหมือนกับ ATB (Active Time Battle) อยู่ครับ แรกเริ่มเดิมที ผมได้เสนอออกไปแบบไม่ทันคิดว่า “ถ้าต้องทำเกมแอ็คชั่นแบบเรียลไทม์ แล้วต้องควบคุมการต่อสู้ใน Final Fantasy ยังไงก็ขาดระบบวางแผน ATB ของ FFVII ไปไม่ได้เด็ดขาด” หลังจากนั้นจึงได้พยายามลองใส่นู่นนี่นั่นเพิ่มเข้าไปจนสำเร็จออกมาได้ ซึ่งก็ถือเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของทีมงานทั้งหลายครับ
- ไม่เพียงแต่การเล่นแบบแอ็คชั่นเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดองค์ประกอบของ FFVII ออกมาตั้งแต่แรกด้วย
Nomura : หนึ่งในเรื่องที่ได้มีการตกลงกันไว้ก็คือ การที่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนตัวละครที่ใช้เล่นได้ สำหรับเกมแอ็คชั่นแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ควรจะบังคับตัวละเพียงคนเดียว แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่ VII เพราะงั้นเพื่อทำให้สามารถเปลี่ยนไปควบคุมหลายตัวละครได้ จึงต้องมีการพูดคุยวางแผนกันตั้งแต่แรกอยู่มากพอสมควรครับ ทำให้ในฉบับออริจินัลนั้นจะเหมือนมุมมองจากมุมสูงที่ห่างออกไป แต่ใน FFVIIR จะทำให้รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์มากกว่าเดิมครับ
- เสียงตอบรับจากคนที่ได้ทดลองเล่น Demo แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
Nomura : เท่าที่ได้ยินจากคนที่ได้ทดลองเล่นและทีมตรวจสอบมา ก็พบว่าตอนนี้เป็นไปในทางที่ดีมากครับ คิดว่าอาจจะมีคนที่ยังคงกังวลอยู่ แต่สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้วครับ (หัวเราะ)
- ความสนุกที่รู้สึกได้ในระหว่างการต่อสู้ มีทั้งจากการสนทนาของตัวละครที่จับคู่กัน และการแสดงบทพูดมากมาย ทำให้รู้สึกอยากทดลองทำสิ่งต่างๆ ดูมากกว่าเดิม
Nomura : ได้ยินแบบนั้นก็ชื่นใจแล้วครับ….. เสียงพูดที่บันทึกไว้นั้นมีจำนวนมหาศาลมาก ลำบากกันมากจริงๆ ครับ…… ด้วยจำนวนที่มีมาก ทำให้รู้สึกว่าลำบากกว่าที่ผ่านมามาก ขนาดทีมงานยังบอกกันว่า “ทำเยอะเกินไปแล้ว” จนต้องมีการตัดออกไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีจำนวนที่มากล้นอยู่ดี พอได้ยินคำชมแบบนี้แล้ว ปัญหาก็คือ “ต่อไป” หลังจากนี้นี่แหละครับ… แถมการบันทึกเสียงไม่ได้มีแค่ 7 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ยังมีถึง 8-9 ครั้งด้วยครับ ทำให้ต้องใช้สตูดิโอบันทึกเสียงพร้อมกัน 2-3 ที่ เป็นสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบซะทีเลยครับ
- ดูเหมือนทีมงานจะตั้งใจกับการรีเมค FFVII กันมากเลยทีเดียว
Nomura : ผมเองก็ทำเกมมานานกว่า 20 ปีแล้ว บอกตามตรง นี่เป็นโปรเจ็คต์ที่เหนื่อยที่สุดเลยครับ (หัวเราะ) คิดว่าคงจะมีคนที่กังวลกับการที่รีเมค Part 1 จะได้เล่นแค่อยู่ในเมืองมิดการ์ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะแค่นี้พวกเราสามารถปรับปรุงใส่รายละเอียดไปได้มากขึ้น และทำให้ใช้เวลาเล่นจบได้นานกว่าตัวออริจินัลแล้วครับ มีอีเวนท์ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา อย่างเช่นการไปกินข้าวที่บ้านของ เจสซี่ หรือสมาชิก Avalanche คนอื่นๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในฉบับออริจินัล ปกติแล้วตัวละครจะดำเนินไปตามเนื้อเรื่องหลัก แต่ถ้าไม่อยากเล่นก็มี Sub Story ดีๆ เตรียมไว้ให้อยู่ จนถึงตอนออกมิดการ์แล้วจะต้องพึงพอใจกันอย่างแน่นอนครับ
- ส่วนไหนของมิดการ์ในคราวนี้ ที่คุณ Nomura อยากให้ติดตามดูกันเป็นพิเศษ
Nomura : ส่วนตัวแล้วผมอยากจะนำเสนอตัวละครคุณลุงนะครับ เพราะตัวละครหลักอย่าง Barret นั้นน่าสนใจมากจริงๆ ผมคิดว่าเป็นตัวละครที่สุดยอดมากครับ คุณ Kobayashi Masahiro (ผู้ให้เสียงพากย์ Barret ในเกมเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น) แสดงได้สุดยอดมากๆ ทางนี้ไม่ต้องให้คำแนะนำอะไรก็สามารถแสดงแบบนั้นได้เลย ทำให้สนุกมากๆ และบอก OK ไปทั้งแบบนั้นได้เลยครับ
- หลังจาก “FINAL FANTASY VII ADVENT CHILDREN” Cloud เป็นตัวละครที่เท่จากความสุขุมมาก แต่ใน FFVII นั้นจะมีความตลกขบขันอยู่มากกว่า คิดว่าความจริงแล้วเป็นตัวละครแบบไหนมากกว่ากัน
Nomura : Cloud ใน FFVIIAC เป็นคนที่ผ่านเรื่องราวใน FFVII มาแล้ว จึงได้เขียนให้เขาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่อยู่ใจกลางของภาพยนตร์ แต่พอมาดูภาพลักษณ์แบบนั้นใน FF7R แล้วอาจจะนึกสงสัยกันก็เป็นได้ ซึ่งการที่มีส่วนที่ดู “ไม่เท่เอาซะเลย” ก็เป็นส่วนที่อยากให้ได้เห็นแล้วหัวเราะกันครับ
- สุดท้ายนี้ อยากให้ช่วยบอกอะไรถึงแฟนๆ ที่กำลังรอคอยวันวางจำหน่ายที่ใกล้มาถึงแล้ว
Nomura : ผมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่านี่จะเป็นเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนรู้สึกพึงพอใจได้ สำหรับเรื่องราวนั้นถึงแม้จะดำเนินอยู่แค่ในมิดการ์ แต่สำหรับ FFVII แล้วจะยังคงมีเรื่องราวดำเนินต่อไป หากได้ลองสัมผัสกันแล้วจะต้องอยากเล่นต่อกันอย่างแน่นอน เพราะงั้นขอให้ช่วยติดตามเล่นกันให้ได้ครับ