Ascent: Infinite Realm ออกมาเคลื่อนไหวแล้วหลังจากเงียบหายไปครึ่งปี

เงียบหายไปนานนึกว่าไม่ทำต่อแล้วสะอีกของเกมออนไลน์ตัวแรงที่ครึ่งหนึ่งเคยเปิดให้ทดสอบ Close Beta ในไทยนานหลายเดือนอย่าง Ascent: Infinite Realm หรือ A:IR ซึ่งไทยเราเปิดให้บริการโดยค่าย Asiasoft นั่นเองแต่ก็ได้ปิดไปปรับปรุงนานครึ่งปีแล้ว หลังจากที่พบเจอปัญหาภายในเกมว่ามีช่องโหว่และบัคจำนวนมาก จากเดิมที่บอกไว้ว่าจะไม่มีการ Resert (ลบข้อมูลในช่วงทดสอบ Close Beta) ก็จะต้องลบทั้งหมดเพราะปัญหาที่เจอมันใหญ่เกินไปที่จะปล่อยไว้เฉยๆ แล้วก็เงียบหายไปเลย จนในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวแล้ว 

Ascent: Infinite Realm เป็นเกมออนไลน์สำหรับแพลตฟอร์ม Windows PC ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Bluehole ผู้พัฒนาเดียวกันกับทาง TERA Online และ PUBG ที่หลายๆ คนรู้จักหลังจากี่เปิดทดสอบช่วงกลางปี 2019 ก็ไม่มีข่าวอัปเดตยาวมาจนถึงวันนี้ โดยเกมนี้ปัจจุบันอยู่ภายใต้บริษัทแม่ Krafton แล้วข่าวที่ปล่อยออกมานั้นอย่างแรกก็คือในเซิร์ฟเวอร์เกาหลีได้มีการเปิดแบบสอบถามผู้เล่นเกี่ยวกับระบบการต่อสู้ (Combat) ภายในเกมว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยจะให้เลือกระหว่าง non-target หรือ tab-target ว่าผู้เล่นชอบแบบไหน ซึ่งให้ลงทะเบียนเสียงกันโดยที่ตอนนี้ 72.8% ต่อ 28.2% แล้วส่วนจะนำแบบสอบถามไปยกเครื่องระบบต่อสู้ใหม่หรือไม่ต้องรอติดตามชมต่อไป

ส่วนอีกหนึ่งประเด็นก็คือ Campaign ใหม่ในชื่อว่า A:IR Reverse ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในช่วงวันที่ 1 เมษายน 2020 ซึ่งมันตรงกับวัน April Fool’s Day คือวันแห่งการโกหก ซึ่งไม่รู้ว่าอันนี้จะเป็นเรื่องตลกที่ทาง Krafton ทำออกมาเพื่อสร้างกระแสให้กับ Ascent: Infinite Realm หรือไม่เพราะตอนนี้ข่าวของเกมนี้นับว่าไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ซึ่งต้องมารอติดตามรายละเอียดกันอีกทีว่าจะเป็นงานดีหรืองานแกล้ง และหลายๆ คนก็หวังไว้ว่าเกมอย่าง A:IR คงจะไม่มีจุดจบเดียวกันกับทาง Bless Online ใช่มั้ย 

ถ้าใครที่ได้ไปสัมผัสกับ Ascent: Infinite Realm ในช่วง Close Beta จะทราบดีว่าตัวเกมมีพื้นฐานแนว MMORPG แต่นำเสนอการเล่นที่แปลกใหม่ โดยเพิ่มระบบการต่อสู้บนฟ้า ซึ่งยังไม่มีเกมไหนในตลาดที่ทำซึ่งเป็นแนวคิดที่ดี ผสมเข้ากับความเป็นแฟนตาซีและจักรกลเข้าด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการเคลื่อนไหว Animation และ ความสมูทของตัวละครยังมองว่าไม่ค่อยดีนัก แล้วก็ตัวเกมนี้ยังชูโรงและขายในจุดเด่นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างผู้เล่น PVP ในรูปแบบต่างๆ ที่มีทั้งสงครามขนาดใหญ่และการต่อสู้แบบทีม Guild Vs Guild และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำมารองรับเกมเมอร์สายโหด นี้ยังไม่รวมกับระบบอื่นๆ อีกมากมายที่นำเสนอในรูปแบบ Openworld ดังนั้นองค์ประกอบรวมถือว่าน่าสนใจ