รีวิว Final Fantasy VII Remake เกมชื่อเดิมเพิ่มเติมซะจนอย่างกับคนละเกม

รีวิว Final Fantasy VII Remake เกมชื่อเดิมเพิ่มเติมซะจนอย่างกับคนละเกม

รีวิว Final Fantasy VII Remake เกมชื่อเดิมเพิ่มเติมซะจนอย่างกับคนละเกม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ระวัง Spoiler! อาจมีบางส่วนที่สปอยเนื้อหาของเกม

หมายเหตุ - การรีวิวครั้งนี้ เป็นการรีวิวเกม Final Fantasy VII Remake เวอร์ชั่นที่ใช้สำหรับรีวิวเท่านั้น

Title ที่คุ้นเคยTitle ที่คุ้นเคย

23 ปีผ่านไปแล้ว นับตั้งแต่เกม Final Fantasy VII ออกมาให้เล่นกันครั้งแรก เมื่อวันที่ 31 มกราคม 1997 และมันก็ได้กลายเป็นเกมซีรี่ส์ Final Fantasy ที่มีแฟนๆชื่นชอบมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทำให้ทาง Square Enix มีการทำภาคเสริมต่อขยายมากมายหลายภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคในมือถือ เครื่อง PSP และยังมีเป็นภาพยนตร์ให้ชมกันอีก ถึงกระนั้นแฟนๆก็ยังไม่พอใจ อยากจะให้ Square Enix นำมารีเมคให้สวยขึ้น ซึ่งแรกๆก็ปฏิเสธไม่ยอมทำ แต่สุดท้ายก็ทนกระแสไม่ไหวยอมทำ Final Fantasy VII Remake ให้เราได้เล่นกันจนได้ในวันนี้

Final Fantasy VII Remake เป็นเกมภาครีเมค ที่แปลกแตกต่างไปจากเกมรีเมคอื่นๆของ Square Enix ที่เคยทำมา เพราะเกมรีเมคอื่นๆนั้นจะเปลี่ยนไปก็แค่กราฟิก ส่วนระบบการเล่นและเกมเพลย์ไม่ต่างจากเดิมนัก แต่กับ Final Fantasy VII Remake ต้องเรียกว่ามันแทบจะกลายเป็นคนละเกม ถ้าไม่นับในส่วนของเนื้อเรื่องหลักของเกมกับไอเทมต่างๆแล้ว แทบจะเป็นเกมใหม่เลย งั้นเรามาเริ่มรีวิวเปรียบเทียบกันเลยดีกว่าว่า Final Fantasy VII Remake มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

 

กราฟิก

ความสวยนี้ แค่ส่วนหนึ่งของเกมความสวยนี้ แค่ส่วนหนึ่งของเกม

ผ่านมาถึง 23 ปี รีเมคทั้งทีจะให้เป็นตัว SD ก้อนเหลี่ยมๆแบบเดิมก็ไม่ได้แล้ว กราฟิกของเกม Final Fantasy VII Remake ถูกสร้างใหม่ทั้งหมดด้วย Unreal Engine 4 ทำให้ทุกอย่างดูสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหลัก ฉากในเมืองมิดการ์อันกว้างใหญ่ และองค์ประกอบต่างๆที่ทำออกมาได้อย่างละเอียดยิบ ราวกับว่าเราได้รับชมภาพยนตร์ไปพร้อมกับเล่นเกม ด้วยฉากและกราฟิกที่สมจริงขึ้น ทำให้เราได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึก การถ่ายทอดถึงสถานการณ์ของเกมในช่วงเนื้อเรื่องนั้นๆได้มากขึ้น กว่าตอนที่กราฟิกยังเป็นเหลี่ยมๆ 

ไหนๆกราฟิกก็ทำสวยขึ้นแล้ว ด้วยความเป็น Square Enix จึงไม่พลาดที่จะจัดเต็มในส่วนของ Cutscene ที่จะมีให้เราเห็นตลอด ไม่ว่าจะเนื้อเรื่องหลักยันเควสต์ย่อย แถมฉากบางส่วนไม่ใช่คัทซีน แต่ยังคงใช้เป็น CG Movie ด้วยเพื่อความสวยงามอลังการ จึงไม่แปลกที่ตัวเกมจะใหญ่มากถึง 81GB และอาจใหญ่ขึ้นอีกถ้ามีการอัปเดตแพตช์

ฉากเดิมๆเพิ่มเติมคือสวยขึ้นฉากเดิมๆเพิ่มเติมคือสวยขึ้น

ปิดท้ายขอชมในส่วนกราฟิกเรื่องการเก็บรายละเอียดฉากของเกม ตามฉากในเกมเราจะเห็นว่ามีวัสดุสิ่งของอะไรต่างๆวางอยู่ ซึ่งส่วนมากสามารถโจมตีให้มันหล่นหรือชนกลิ้งไปตามทางได้  ซึ่งทำออกมาเยอะดูสมจริงดี ไม่ว่าจะโต๊ะเก้าอี้ ลังใส่ของ ไม้กั้นจราจร ฯลฯ สามารถเดินชน หรือฟันให้มันล้มระเนระนาดได้ แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันเยอะเกินจนน่ารำคาญ

เก็บรายละเอียดแม้แต่ภาพไอเทมในเมนูเก็บรายละเอียดแม้แต่ภาพไอเทมในเมนู

 

ระบบเสียง

เป็นอีกอย่างที่อยากจะชมในเกม Final Fantasy VII Remake เพราะขยันใส่เสียงมาในเกมเยอะมาก โดยเฉพาะเสียงพากย์ ที่มันไม่ได้มีแค่เสียงพากย์ของตัวละครหลักนะ แต่มีเสียงพากย์ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นศัตรูตัวร้าย ยันชาวบ้านในสลัม หรือแม้แต่หมาแมวข้างถนน ระหว่างที่เราเล่นเกม เดิมผ่านไปตามทางเราจะได้ยินเสียงผู้คนคุยกัน ราวกับเป็นโลกจริง แม้ dialog จะมีซ้ำๆกันบ้าง แต่บท dialog ของชาวบ้านก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เมื่อเราเล่นเกมดำเนินเรื่องไป พวกชาวบ้านก็จะมีการพูดถึงตัวละครหลักในอีกแบบ ด้วยระบบเสียงพากย์นี้ทำให้เรารับรู้ถึงอารมณ์ตัวละครและเรื่องราวได้อย่างเข้าถึงมากขึ้นกว่าการเล่นแบบใบ้ๆของเวอร์ชั่นเก่า

ต่อกันในส่วนของดนตรีประกอบ ยังใช้เพลงเดิมๆที่เราคุ้นหูกันดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงต่อสู้ เพลงธีมของตัวละคร หรือเพลงประจำฉาก แต่ได้มีการนำมาดัดแปลง Remix เล็กน้อยให้ไพเราะมากขึ้น ระหว่างที่เล่นไปจะมีเสียงดนตรีประกอบให้ฟังอยู่ตลอดตามจุดสำคัญต่างๆของเกม หรือถ้าอยากจะฟังก็จะตู้เพลงให้ฟังได้ตลอด แต่ต้องซื้อหรือหาแผ่นเสียงเพลงนั้นๆมาให้ได้ก่อนนะ ซึ่งหาได้ไม่ยากนัก

เดินไปตามฉากจะได้ยินเสียงคนคุยกัน หรือนินทาเราตลอดสองข้างทางเดินไปตามฉากจะได้ยินเสียงคนคุยกัน หรือนินทาเราตลอดสองข้างทาง

 

เกมเพลย์

ระบบต่อสู้แบบปกติ จะเป็นแอคชั่น ให้กดปุ่มได้ตามชอบระบบต่อสู้แบบปกติ จะเป็นแอคชั่น ให้กดปุ่มได้ตามชอบ

เป็นจุดที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุดของเกม Final Fantasy VII Remake เลยก็ว่าได้ มันแทบไม่ใช่เกมเดิมเลย ซึ่งแต่เดิมนั้นระบบต่อสู้ของเกมจะเป็นแนว Active Turn-base ที่ต้องรอเทิร์นและใส่คำสั่งในการต่อสู้ แต่ Final Fantasy VII Remake กลายเป็นแนว ACT RPG ที่ผู้เล่นสามารถเดิน วิ่ง หลบ และเข้าโจมตีศัตรูได้ตามใจชอบ แต่ยังมี Active Time Battle (ATB) ให้ใช้อยู่บ้าง เอาไว้เลือกใช้ไอเทม ใช้คาถา หรือพวกท่าต่างๆ แม้วาตอนเริ่มเกมจะมีโหมด Classic Mode ให้เลือก แต่มันก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิม เพราะถึงจะเปลี่ยนไปเน้นการสั่งด้วย ATB แทน แต่ตัวละครในฉากต่อสู้ก็ยังคงต่อสู้ในแบบเดียวกัน แค่ผู้เล่นไม่ต้องบังคับเท่านั้น

ATB จะใช้ได้เมื่อโจมตีหรือถูกโจมตีจนเกจเต็ม แล้วจะกดคำสั่งใช้เวท ไอเทม หรือสกิลได้ATB จะใช้ได้เมื่อโจมตีหรือถูกโจมตีจนเกจเต็ม แล้วจะกดคำสั่งใช้เวท ไอเทม หรือสกิลได้

ที่สำคัญการต่อสู้ในเกม Final Fantasy VII Remake ไม่ได้ง่ายอย่างแต่ก่อน ที่ขอแค่เลเวลสูง พลังเยอะ แล้วจะชนะได้ง่ายๆ แต่ในเกมนี้มีการเพิ่ม mechanic เงื่อนไขในการต่อสู้กับศัตรูบางตัว โดยเฉพาะบอส ให้ยุ่งยากมากขึ้น หากไม่ทำตามเงื่อนไขก็ยากที่จะชนะได้ อย่างเช่นบอสบางตัวที่โจมตีไม่เข้า ถ้าไม่โจมตีส่วนที่เป็นจุดอ่อนมันก่อน หรือให้มัน Staggered ก่อน หรือบางทีบอสจะมีท่าไม้ตาย ที่ถ้าไม่หลบตามเงื่อนไข หรือมัวแต่โจมตีเพลิน ก็อาจโดนสวนจนตายได้

บอสทุกตัวมี mechanic การสู้ หากไม่ระวังจะตายได้ง่ายๆบอสทุกตัวมี mechanic การสู้ หากไม่ระวังจะตายได้ง่ายๆ

การเก็บเลเวลไม่อิสระแบบเดิม เพราะใน Final Fantasy VII Remake จะไม่มี Random Encounter สุ่มเจอศัตรูกลางทางแล้ว แต่ศัตรูจะเกิดแบบตายตัวในบางจุด  ซึ่งมันจะเกิดใหม่ หรือ Respawn ออกมาเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก แต่ก็ไม่ได้เกิดใหม่มาให้ตีได้ทุกจุด มีแค่บางจุดเท่านั้นเอง

มินิเกมเพียบ ให้ได้ผ่อนคลาย ภายในเกมมีการเพิ่มมินิเกมให้เล่นกันมากมาย เพื่อไม่ให้จำเจ ทั้งของใหม่ของเก่า บางส่วนก็สามารถเลือกเล่นได้ตามใจชอบ บางส่วนก็บังคับให้ต้องเล่นตามเนื้อเรื่อง ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนอารมณ์ของการเล่นเกมไม่ให้น่าเบื่อ แถมบางมินิเกมก็มีโทรฟี่ให้เก็บด้วยนะ

มินิเกมลุกนั่ง ที่คุ้นเคยมินิเกมลุกนั่ง ที่คุ้นเคย

การเดินเรื่องของเกมเป็นอีกจุดที่ต่างจากเดิมพอสมควร กลายเป็นแบบ Linear RPG หรือเดินเรื่องแบบเส้นตรงมากขึ้น ฉากของเกมบังคับให้เดินตรงไปตามทางแคบๆ ไม่สามารถสำรวจหรือเดินออกนอกเส้นทางได้มากนัก และไม่สามารถย้อนกลับไปยังฉากเก่าๆได้ ในการเล่นจึงแนะนำให้เก็บไอเทมหรืออื่นๆให้ครบ เพราะถ้าพลาดแล้วอาจพลาดเลย เช่นเดียวกับเควสต์ย่อย หรือเควสต์สีเขียว ที่ควรจะทำให้หมด เพราะส่งผลต่อเนื้อเรื่องแถมยังได้ไอเทมบางอย่างที่หาไม่ได้จากที่อื่น

แผนที่ส่วนมากเป็นทางเดินแคบๆ แถมออกนอกเส้นทางไม่ได้ ตัวละครในปาร์ตี้จะคอยด่าเราตลอดแผนที่ส่วนมากเป็นทางเดินแคบๆ แถมออกนอกเส้นทางไม่ได้ ตัวละครในปาร์ตี้จะคอยด่าเราตลอด

ปิดท้ายในส่วนของเกมเพลย์ กันด้วยระบบพัฒนาตัวละคร ในเกม Final Fantasy VII เดิมนั้นจะเน้นพัฒนาตัวละครที่ Level และ Materia เป็นหลัก แต่ในภาค Final Fantasy VII Remake จะมีเพิ่มในส่วนของ Skill points ของอาวุธเข้ามาด้วย ทำให้ผู้เล่นได้สนุกกับการเลือกใช้อาวุธแบบต่างๆได้ตามชอบ ไม่บังคับว่าจะต้องใช้แต่อาวุธใหม่ๆแบบเวอร์ชั่นก่อน โดยอาวุธของแต่ละคน จะมี Stat และ Skill ให้เลือกอัพต่างกันไป อย่างเช่นอาวุธชิ้นแรกเป็น Stat และ Skill แบบสมดุล ส่วนอาวุธชิ้นที่สอง จะเน้นไปทางการโจมตีกายภาพ หรือ เวทมนตร์แทน ประมาณนี้ ก็ให้ผู้เล่นเลือกใช้อาวุธ และอัพสกิลตามชอบได้เลย

Skill Point หรือ SP ของอาวุธจะได้มาตามเลเวลตัวละครSkill Point หรือ SP ของอาวุธจะได้มาตามเลเวลตัวละคร

นอกจากในส่วนของสกิลแล้ว อาวุธแต่ละชนิดยังมีท่าไม้ตายประจำอาวุธอยู่ด้วย ซึ่งปกติแล้วท่าไม้ตายพวกนี้จะใช้ได้เมื่อติดตั้งอาวุธนั้นๆ แต่ถ้าหากว่าเราใช้อาวุธนั้นจนค่าเคยชิน 100% ก็จะสามารถนำท่าไม้ตายอันนั้น ไปใช้ต่อยังอาวุธชนิดอื่นได้นั่นเอง ส่วนระบบของ Materia นั้นไม่ต่างไปจากเดิมนัก คือจะต้องติดตั้งใน Slot ของอาวุธหรือเกราะ(กำไล) ซึ่งตัว Materia จะมีเลเวลอยู่ ถ้าสวมใส่ไปต่อสู้จะทำให้เลเวลสูงขึ้น และจะปลดเวทหรือสกิลใหม่ๆมาใช้ได้ และจะมี Materia  บางชนิดที่สามารถเชื่อมโยงการใช้งานกับ Materia อื่นได้ ก็อย่าลืมติดตั้งมันไว้คู่กัน ใน Slot ที่มีเส้นเชื่อมโยงกันอยู่ 

พยายามใช้สกิลประจำอาวุธแต่ละชนิดให้ได้ 100%พยายามใช้สกิลประจำอาวุธแต่ละชนิดให้ได้ 100%

ระบบ Materia ยังใช้แบบเดิมๆ แค่มีชนิดของ Materia มากขึ้นระบบ Materia ยังใช้แบบเดิมๆ แค่มีชนิดของ Materia มากขึ้น

 

เนื้อเรื่อง

เราไม่อยากพูดถึงเนื้อเรื่องของเกมมากนัก เพราะมันเป็นการสปอย แต่จะไม่พูดถึงเลยก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากในเกม Final Fantasy VII Remake เหมือนมีการสั่งพิเศษ เพิ่มเส้น เพิ่มไข่ เพิ่มหมู จนมันเยอะกว่าเดิมแบบเทียบกันไม่ได้ เนื้อหาบางส่วนของเกมเวอร์ชั่นเดิม ที่เคยเดินผ่านใช้เวลาเพียงนาที แต่ใน Final Fantasy VII Remake มีการเพิ่มเนื้อเรื่อง เพื่อเควสต์ เพิ่มภารกิจ เพิ่มเส้นทาง ให้มันยาวขึ้น มีอะไรให้ทำมากขึ้น และช่วยขยายความเนื้อเรื่องมากขึ้นไปอีก

ทำให้เราได้รู้ที่มาที่ไป ทั้งจากของตัวละครหลัก ตัวประกอบ และศัตรูมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น ซึ่งนอกจากตัวละครที่เคยมีในเกมเวอร์ชั่นเดิมแล้ว ก็มีการเพิ่มตัวละครใหม่ๆเข้ามามากมาย จนบางทีการเดินเรื่องก็ต่างไปจากเดิมบ้าง แต่เนื้อเรื่องหลักก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่ แถมยังมีการสอดแทรกมุกตลกให้ผู้เล่นได้ฮากันอยู่เรื่อยๆ

ตัวละครใหม่ที่เพิ่มมา จะช่วยเรียกเสียงฮาให้กับเราตัวละครใหม่ที่เพิ่มมา จะช่วยเรียกเสียงฮาให้กับเรา

 

Review Score 8.5/10 

ข้อดี

  • ระบบเกมเปลี่ยนไปเยอะมาก ทำให้สนุกกับเกมในอีกรูปแบบไม่ซ้ำกับเวอร์ชั่นเดิม
  • กราฟิกสวยงาม ฉากของเกมดูกว้างใหญ่อลังการ
  • เนื้อเรื่องของเกมสื่อถึงอารมณ์ และดำเนินเรื่องได้น่าติดตามมากขึ้น
  • เก็บรายละเอียดของเกมเยอะมาก ไม่ว่าจะเสียงประกอบของตัวละครชาวบ้านข้างทาง และสิ่งประกอบฉากต่างๆ

ข้อเสีย

  • แม้กราฟิกจะสวย แต่ก็เน้นที่ฉากและตัวละครหลักเท่านั้น บางส่วนอย่างตัวละครชาวบ้าน หรือจุดอับฉากบางจุด กราฟิกยังดูด้อยแบบเห็นได้ชัด
  • AI ที่ไม่ฉลาดนัก เนื่องจากระบบการต่อสู้เปลี่ยนไปมาก ทำให้ผู้เล่นควบคุมตัวละครได้ทีละตัว ซึ่งตัวอื่นที่ผู้เล่นไม่ได้บังคับ ไม่ฉลาดเท่าที่ควร
  • การเดินเรื่องยังคงตรงดิ่ง เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเกม RPG ญี่ปุ่นไปแล้ว แม้ฉากของเกมจะดูกว้าง แต่มันก็บังคับให้เราเดินไปตามทางที่กำหนดเท่านั้น อยากจะสำรวจบางทีก็ทำไม่ได้ โดนห้ามตลอด
  • ระบบนำทางในแผนที่ไม่ละเอียดพอ แผนที่ในเกมพอดูรู้เรื่องแต่ดูไม่ง่ายนัก ระบบนำทางการเดินเรื่องหรือการทำเควสต์ บอกไม่ครบทุกจุด บางจุดไม่บอกเลยด้วย ต้องควานหาเอาเอง
  • อยากให้เปลี่ยนตัวเดินได้อิสระ เกมบังคับให้ใช้พี่ Cloud เท่านั้น จะบังคับตัวอื่นๆได้แค่ในฉากต่อสู้ หรือเนื้อเรื่องบางช่วง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook