มีลุ้น Bloody Roar เกมแนว Fighting ชื่อดังในอดีตอาจจะกำลังมา
ได้เห็นข่าวนี้แล้วขนลุกเลยทันที เมื่อใน Reddit มีการพูดคุยถึงเกมต่อสู้แนว Fighting ระดับตำนานอีกหนึ่งเกมที่ในอดีตโ่ดงดังมากๆ แต่ไม่รู้เหตุผลที่ว่าทำไมไม่พัฒนาต่ออย่าง Bloody Roar ในสมัยเครื่อง Playstation One เกมแนวต่อสู้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบเกมที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ตอนนั้นชื่อเกมซีรี่ส์ดังๆ ที่รู้จักกันก็จะเป็น Tekken หรือ Street Fighter ก็จะอยู่ในรุ่นๆ เดียวกันแต่ทั้งสองซีรี่ส์จากค่าย Bandai Namco และ Capcom ก็มีการพัฒนาของเกมของพวกเขาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับ Bloody Roar กลับไม่ถูกพัฒนาต่อซะอย่างนั้น
ทีนี้กลายเป็นว่าในเว็บไซต์ Redit.com ได้มีการพูดถึงข่าวที่น่าตื่นเต้นที่ว่าทาง Konami ได้มีการจดเครื่องหมายการค้าชื่อ Bloody Roar อีกครั้งในวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมาและได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2020 นี้เองทำให้ทาง Konami Digital Entertainment กลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าการที่เขาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแบบนี้เพื่อแสดงสิทธิ์เป็นเจ้าของแฟรนไชส์อย่างถูกต้องต่อไป หรือ จดเพื่อเตรียมวางแผนในการพัฒนาภาคต่อของซีรี่ส์นี้ก็เป็นได้ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจาก Konami แน่ชัดว่าสรุปแล้วจะเป็นยังไงต่อ
Bloody Roar เป็นเกมที่พัฒนาขึ้นโดย Hudson Soft หรือปัจจุบันก็คือ Konami ซึ่งมีการเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 7 กรกฎาคม 1997 โดยทำลงแพลตฟอร์ม PlayStation One และเครื่อง Arcade เป็นภาคแรกและความนิยมก็เพิ่มขึ้นต่อมาเรื่อยๆ ให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง Bloody Roar 2 (1999) Bloody Roar 3 (2000) และ Bloody Roar 4 (2003) ในภาคที่ 3 และ 4 จะลงเครื่อง Playstation 2 และจะมีภาคพิเศษ Bloody Roar Extreme ที่ได้ทำลงเครื่อง GameCube และ Xobx เป็นพิเศษอีกด้วย แน่นอนว่าอยู่ๆ หลังจากที่เปิดภาค Bloody Roar 4 ไปพวกเขาก็ไม่ได้พัฒนาต่ออีกเลย
จุดเด่นของเกมซีรี่ส์ Bloody Roar ก็คือการนำเสนอเกมแนวต่อสู้ Fighting ที่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนร่างได้เพราะในเกมนี้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ "สัตว์สมิง" มนุษย์เพียงหยิบมือที่สามารถเปลี่ยนร่างของตัวเองได้ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลตามเนื้อเรื่อง และเรื่องราวก็จะเล่าผ่าน เด็กหนุ่ม ม.ปลาย ชื่อว่า โอกามิ ยูโก อายุ 17 ปี พระเอกของเกมที่สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าได้ซึ่งเขาก็จะต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆ เอาจริงๆ ถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่น่าใจใช้ได้ถึงขนาดเคยถูกทำเป็น มังงะญี่ปุ่นฝีมือของ Maruyama Tomowo มันถูกตีพิมพ์ครั้งแรกใน Shonen Jump รายเดือนอีกด้วย